27 พ.ค. 2019 เวลา 12:43 • สุขภาพ
#โรคหลอดลมอักเสบ
เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุหลอดลม ทำให้มีอาการไอ เจ็บคอ แสบคอ มีเสมหะ หายใจลำบาก หอบเหนื่อย แน่นหน้าอก หรือมีเสียงหวีดตอนหายใจ รวมทั้งอาจรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวและมีไข้ร่วมด้วย
โรคหลอดลมอักเสบมี 2 ชนิด คือชนิดเฉียบพลันซึ่งพบได้บ่อยๆ ปกติจะมีระยะเวลาไม่เกิน 3 สัปดาห์ และชนิดเรื้อรังซึ่งจะมีอาการมากกว่า 3 เดือนต่อปีและเป็นต่อเนื่องกัน 2 ปีขึ้นไป
หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาการก็จะแย่ลงจากโรคหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลันพัฒนาไปสู่โรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง และนำไปสู่โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังและโรคถุงลมโป่งพองได้ รวมทั้งหากเกิดการติดเชื้อที่ปอดก็จะกลายเป็นโรคปอดอักเสบได้อีกด้วย
สาเหตุของโรคหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลัน:
ส่วนใหญ่มาจากการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะเชื้อไวรัสไข้หวัดและบางกรณีก็เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
ส่วนโรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรังมักมีสาเหตุมาจากโรคภูมิแพ้ การสูบบุหรี่เป็นระยะเวลานาน หรือการที่ต้องทำงานหรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ๆ เต็มไปด้วยมลภาวะทั้งฝุ่น ควัน และสารเคมี
การรักษา:
โรคหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลันซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส ปกติสามารถหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์ โดยเน้นการพักผ่อนให้เพียงพอ จิบน้ำอุ่นบ่อยๆ ช่วยละลายเสมหะ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ฝุ่น ควัน สารระเหย และสารระคายเคืองต่างๆ ที่ทำให้หลอดลมอักเสบ และหมั่นรักษาร่างกายให้อบอุ่น
ทั้งนี้ แพทย์อาจจะพิจารณาให้ยาเพื่อรักษาตามอาการร่วมด้วย เช่นยาลดไข้ ยาขับเสมหะ ยาขยายหลอดลม หรือยาลดอาการไอ เป็นต้น นอกจากนี้ หากตรวจพบว่าอาการป่วยมาจากเชื้อแบคทีเรีย อาจมีการให้ยาฆ่าเชื้อร่วมด้วย
วิธีป้องกัน:
โรคหลอดลมอักเสบมักเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำ ฉะนั้น ควรเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงโดยการพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่เน้นบริหารกล้ามเนื้อหัวใจ ให้อัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้นและหายใจเร็วขึ้นต่อเนื่องกันอย่างน้อย 30 นาทีต่อครั้ง สัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 3-4 ครั้ง รวมทั้งหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้หลอดลมอักเสบ
#โรคหลอดลมอักเสบ
โฆษณา