28 พ.ค. 2019 เวลา 12:19 • สุขภาพ
Wagashi ขนมโบราณคู่ Matcha...
ศิลปะการชิมขนมด้วยสัมผัสทั้ง 5
คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า “ชาเขียว” และ “ขนมหวาน” เนี่ย
ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นคู่กัน
หลายคนคงเคยได้ยินว่าที่ญี่ปุ่น เค้ามีพิธีดื่มชาที่สืบทอดกันมาแต่ปางก่อน ซึ่งเป็นการมารวมตัวกันดื่มชาเขียวของเหล่าโฮคาเงะ 5555
แต่ว่าการดื่มมัจฉะร้อนๆ ที่มีรสชาติเข้มขมเนี่ย มันต้องตัดรสด้วยความหวานในระดับที่เหมาะสม... ถึงจะเพอร์เฟ็ค
ดังนั้นชาเขียวจึงถูกเสิร์ฟพร้อม “Wagashi” หรือขนมหวานญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ที่ต้องบอกว่า งามจนแทบกินไม่ลงเลยทีเดียว
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้รับคำชวนจากเพื่อนคนญี่ปุ่นที่ทำงาน เพื่อไปเยือน Kyogashi Museum หรือ “พิพิธภัณฑ์ขนมหวาน” ใน Kyoto พอผมและสหายอินเดียได้ยินคำว่าขนมหวาน ก็ถึงกับหูผึ่ง แล้วจะรอไรกัน ไปสิครับ!
ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีตู้โชว์งานศิลปะเป็นรูปต้นไม้ที่ทำจากน้ำตาล ซึ่งต้องบอกว่า japan only จริงๆ แต่เค้าห้ามถ่ายรูป มีไกด์หน้าตาดีมาอธิบายประวัติให้ฟัง แต่ถามว่าเข้าใจมั้ย? ก็ไม่! ข้ามๆไปก็ได้ 5555 คือผมกับสหายรอจะไปกินชาเขียวกับชนมหวานอย่างเดียว
ถ้าใครไม่อยากชม จะมากินอย่างเดียวก็ได้! จ่ายตังค่าเซ็ตขนม 700 เยน เลือกประเภท แล้วไปนั่งรอได้เลย ซึ่งขนมพวกนี้จะเปลี่ยนหน้าตาและสีสันไปตามฤดูกาล ช่วงนี้เป็นหน้า Spring หรือฤดูใบไม้ผลิ
มันถือว่าเป็นฤดูการแห่งการเริ่มต้นใหม่ ต้นไม้แตกใบแรกหลังจากหน้าหนาวอันทรหด ดอกซากุระผลิบาน ลุงแถวหอซื้อรถคันใหม่ และรัฐบาลใหม่? 5555
ชิ้นละ 700 เยน! ได้ชาเขียวแก้วเล็กๆ อีกแก้ว
เพราะงั้น เค้าจึงเลือกเมนูที่ชื่อว่า “Kunpou” (薫風) มาให้ลองชิมกัน ซึ่งก่อนจะรู้ความหมาย ลองมาเดากัน ว่าขนมนี่มันได้รับแรงบันดาลใจมาจากอะไร เพราะผมก็ถูกถามด้วยคำถามเดียวกัน
เนื่องจากมันทำมาจากแป้งโทนสีเขียว ก็เลยตอบไปว่า “พุ่มไม้มั้งครับ?”.... ไม่ต้องถามว่าถูกมั้ย เพราะความหมายจริงๆของมันคือ “กลิ่นหอมหวนของฤดูใบไม้ผลิ” 55555
เค้าจะยกขนมมาเสิร์ฟก่อน แล้วตามด้วยชาเขียว แต่ความพิเศษของการกินขนมแบบ Japan ก็คือ เค้าจะไม่กินแบบขนมกรุบทั่วไปที่แกะห่อ จับยัด เคี้ยวๆแล้วกลืน ไม่ๆ ที่นี่เค้ามีอารยธรรม!
โดยเราต้องใช้สัมผัสทั้ง 5 ในการดื่มด่ำขนมหวานจานนี้
คือมันเริ่มจากการที่เราใช้ตาชม “ความงาม” ของเจ้า wagashi ที่ถูกปั้นขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน จากนั้นจึงใช้ไม้เล็กๆที่เค้าให้มาในการหั่นเข้าปาก เป็นที่มาของ “สัมผัส” ต่างๆที่เราเอ็นจอยผ่านการเคี้ยวและหั่น ซึ่งระหว่างที่เคี้ยวแน่นอนว่าต้องได้ “กลิ่น” อันหอมหวานจากขนมและชาเขียวร้อนๆ ข้นๆที่เค้ากำลังยกมาเสิร์ฟ ต่อด้วยการจินตนาการตามชื่อของขนมชิ้นนี้ ก็จะได้ยิน “เสียง” ของสายลมเย็นๆที่กำลังพัดกระทบใบไม้รอบกาย และสุดท้าย ก็คือ “รสชาติ” ซึ่งสำคัญที่สุดแล้วสำหรับคนกินอย่างไร้อารยธรรมอย่างผม
1
ขนมไส้ถั่วแดงหวานกลางๆ
ถามว่าผมเข้าถึงคำสอนเค้ามั้ย? ก็ไม่! รู้แค่ว่าปากได้รับรสหวาน กับความรู้สึกอยากกินอีกอัน เพราะชิ้นมันเล็กเหลือเกิน 55555
ที่นี้ก็มาถึงชาเขียวเข้มๆ ซึ่งจุดประสงค์ของการทานคู่กันก็อย่างที่ว่า เพื่อบาลานซ์รสขมของชาเขียวด้วยความหวานละมุนของเจ้า wagashi
ซึ่งหลักจากที่เรียนรู้วิธีการกินขนมแบบมีอารยธรรมแล้ว มาต่อกันที่ชาเขียว ซึ่งสรุปเป็น 3 ขั้นตอนง่ายๆ
1. ให้เราใช้ “มือขวา” จับถ้วยที่บริเวณ 3 นาฬิกา โดยเอานิ้วโป้งไว้ด้านในถ้วย แล้วยกมาวางบนผ่ามือซ้าย พอวางปุ๊ป! จะพบว่ามันร้อน! ลวกมือ 5555 ก็ให้ระวังกันด้วย
2. แล้วใช้มือขวาข้างเดิม หมุนถ้วยชาตามเข็มนาฬิกา 2 ครั้ง (เป็นมุมราวๆ 90 องศา) เพื่อให้โลโก้สีทองหันเข้าหาตัวเรา
3. ดื่ม! (คำสุดท้ายทำเสียงดัง ซู้ด! ได้ด้วย 5555)
หมดอย่างรวดเร็ว...
ต้องบอกว่าชาเขียวทีนี่คือหอมเข้มแบบไม่เคยเจอมาก่อน ดื่มสลับขนมไส้ถั่วแดงที่หวานกำลังพอดี แบบคำต่อคำคือฟินสุดๆ นี่แหล่ะครับ คือ 700 เยนที่ปลิวไปในเวลาเพียงแค่ 15 นาที ตอนออกมายังไม่พอ มีร้านของฝากของทางพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ข้างๆอีก ก็ตกเป็นเหยื่อไปอีกรอบ ขนมมันจูไส้ชาเขียวคือเด็ดจริง สำหรับใครที่อยากได้ประสบการณ์ประหลาดก็มาลองกันได้ 5555
1
ใครอยากรู้ว่าการ "อยู่ญี่ปุ่น" จริงๆ มันเป็นยังไง
ติดตามทาง Facebook ได้ครับ
#AdminKusatsu
หน้าร้านขายของฝาก
Kyogashi Museum, Kyoto
จาก Imadekawa station เดินไม่กี่ร้อยเมตร
ใกล้ Imperial Palace มากๆ
โฆษณา