28 พ.ค. 2019 เวลา 09:05 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
Gene​ therapy​3​ ตอน2​ ปิดสวิตช์​ภูมิคุ้มกัน​
=แพทย์​มีพยาบาลคอยช่วยงาน=
=GENE​ THERAPY​ ก็ต้องมียาเสริม​ =
Thank​ pic​ from​ medical​express.com
💊​ในขณะที่​ส่งไวรัสดัดแปลง​ หรือ​ gene​ therapy​ เข้าสู่ร่างกายแน่นอนว่ามันคือสิ่งแปลกปลอมที่จะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน​ร่างกาย​โดยอัตโนมัติ​ ทำให้ไวรัสดัดแปลงมิตรใหม่ของมวลมนุษย์​ทำงานไม่สำเร็จ
💊​จึงได้มีการนำเทคโนโลยี​ nanopaticles ที่สามารถย่อยสลายตัวเองได้​ ทำขึ้นจาก​ poly(lactic-co-glycolic acid)
💊​สารตัวนี้จะก่อตัวเป็นทรงกลม​ ถูกออกแบบให้มีช่องว่างภายในทรงกลม​และมีลักษณะ​ที่เม็ดเลือดขาวเห็นเป็นต้องอยากกิน​
Tech​ อันนี้ทำได้ทั้งกดภูมิ​ และกระตุ้นภูมิคุ้มกัน​แล้วแต่ว่าจะใส่สารอะไรเข้าไปข้างใน
💊​ทั้งหมดก็เพื่อที่จะนำสารที่ต้องการป้อนเข้าปาก​ เม็ดเลือดขาว
เมื่แเม็ดเลือดขาว(สีม่วง)​กิน​nanopaticles​ เข้าไปก็จะเอ๋อ​ ไม่ส่งต่อสัญญา​ณให้​ T cell​ (ตัวเขียว)​ ระบบภูมิคุ้มกัน​จะ​ถูกปิดสวิตช์​ชั่วขณะ​
💊​โดยจะใส่สารที่ชื่อว่า​ยา​ rapamycin ปกติแล้วยานี้ใช้เดี่ยวๆให้ผู้ป่วยตรงๆเลยสำหรับคนที่เปลี่ยนอวัยวะ​ ดังนั้น​จะมีผลข้างเคียงสูง​ก็ยาออกฤทธิ์​ทั้งตัว​ กดภูมิ​คุ้มกัน​ทั้งระบบอย่างยาวนาน
💊​แต่เมื่อนำยา​ rapamycin​ มาใส่ไว้ใน​ nanopaticles​ แล้วจับโยนเข้าต่อมน้ำเหลืองที่มีเม็ดเลือดขาวอยู่​กันหนาแน่น​ แน่นอนว่า​ nanopaticles​ โดนกินเรียบ​.... เสร็จเราเม็ดเลือดขาวกินเหยื่อล่อ​ ทำให้โดนปิดสวิตช์​เพราะยา​ rapamycin​ จะไปกดการทำงานเม็ดเลือดขาวตัวที่กิน​nanopaticles​ เข้าไป​ เมื่อเม็ดเลือดขาวชนิดนี้หยุดทำงาน​ จะส่งผลเป็นโดมิโนทำให้ระบบภูมิคุ้มกัน​หยุดทำงานชั่วขณะ​
ในตอนนี้เองแพทย์​ก็จะมีช่วงเวลาให้หน่วยไวรัสดัดแปลงของเรา​นำเอา​ gene​ ที่ต้องการใช้รักษาส่งเข้าสู่ร่างกายผู้ป่วย​ ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะให้​ gene​ therapy​ กี่ครั้ง​ ภูมิคุ้มกัน​ของเราก็จะไม่รับรู้ใดๆ
เอ๋อไปชัว่ขณะนั่นเอง​ อิอิ​
Ps.การใส่​ gene​ ​therapy​ อาจให้พร้อมกับ​ nanopaticles​ ได้แล้วแต่นักวิจัย​จะออกแบบ
💊​ออกนอกเรื่องพาไปดูสมัยแอดเรียน
ว่าไปแล้วเรื่องนี้คล้ายๆกับที่แอดเคยช่วยอาจารย์​เภสัช​ วิจัยสมัยเรียนปี3​
ตอนนั้น​ nano technology​ ยังไม่มีใครได้ยินนอกจากนักวิจัย​ อาจารย์​ของแอดสร้าง​ nanopaticles​ เหมือนกับหัวข้อข้างบนเลย​ แต่เป้าหมายคือให้เซลล์​เม็ดเลือดขาวที่ปอดกิน​ โดยใน​ nanopaticles​ นั้นใส่ยาที่ชื่อว่า​ rifampicin ซึ่งเป็นยาฆ่าเชื้อ​วัณโรค​ mycrobacteria​
เกริ่นอีกนิดปกติการให้ยา​ rifampicin​ เแ็นการให้แบบกิน​ ยาก็จะละลายไปในเลือดคนไข้แล้วค่อยไปที่ปอด​ เมื่อถึงปอด​ แบคทีเรีย​ วัณโรคควรจะโดนกำจัดใช่มะ​ แต่ไอ้แบคทีเรียตัวนี้มันเทพ​ ล่อให้เซลล์​เม็ดเลือด​ขาวกินตัวมัน​ แล้วก็ไปนอนสบายใจออกลูกหลานในเม็ดเลือดขาว​ มันเลยไม่โดนยาไง... ผลคือวัณโรค​รักษาโครตยาก
กลับมาที่เรื่องของอาจารย์​แอดนะ​ แกก็พัฒนา​ยาสูตร​สำหรับพ่นเข้าทางปากเหมือนยาโรคหอบงะ.... Nanopaticles​ ที่มียา​ rifampicin​ ก็จะเข้าไปอยู่ในปอดตรงๆเลย​ เม็ดเลือดขาวก็จะมากินเหมือนกันเพราะมันเป็นสิ่งแปลกปลอม​ ที่นี้เราก็จะได้สภาวะที่ยาและแบคทีเรียอยู่ในสถานที่เดียวกัน... 😎เทพมะ... จริงคนไทยเทพเยอะนะแต่ไม่สามารถออกผลิตภัณฑ์​ได้​
การ์ตูน​อธิบายการทำงานของยการนำส่งยา​rifampicin​ สู่เป้าหมาย​ทำลายตรงๆผลข้างเคียงน้อยดุจดั่งขีปนาวุธ​โทมาฮอค
💊​สองงานนี้คล้ายกันเลย​ แต่ฝรั่งทำออกมาขายได้ในขณะที่ของคนไทยจอดสนิท... ไม่ใช่ว่าไม่อยากขายสิทธิ์​นะแต่กฎหยุมหยิม​มันเยอะ... อาจารย์​แอดเลยไม่ได้สร้างมันออกสู่โลกภายนอก
แอะนี่เรากำลังพูดเรื่อง​ gene​ therapy​ อยู่รึเปล่า555
รอบนี้อาจยาวไปหน่อยใครอ่านจบสดุดี​ให้เลย
ฝากดไลค์, แชร์, คอเม้นต์​ เป็น​กำลังด้วยนะคะ
Gene​ therapy​ 1
=อ.ย.สหรัฐ​เพิ่งอนุมัติ​ยาใหม่ยาขวดละ​ 67 ล้านบาท🤯แพงที่สุดในโลก=
GENE​ THERAPY​ 2
=รักษาโรคตาบอด😎เนื่องจากกลายพันธ์ของยีนส์RPE65. ค่ารักษา​ถูกหน่อย​  27​ล้่านบา… อ่านต่อ
GENE​  THERAPY​ 3​ ตอนที่1
=แพทย์​มีพยาบาลคอยช่วยงาน=
=GENE​ THERAPY​ ก็ต้องมียาเสริม​ ตอ… อ่านต่อ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา