28 พ.ค. 2019 เวลา 23:49 • กีฬา
กว่าจะได้ทีมที่ลุ้นแชมป์ยุโรป 2 ปีติด
เมื่อปีที่แล้ว เพียงไม่ถึง 2 วันหลังจบรอบชิง UCL แฟน ๆ ยังปลอบตัวเองและปลอบกันเองไม่เสร็จเลย แฟนสโมสรลิเวอร์พูลก็ประกาศ ฟาบินโญ่ ดีลดัน
เขามาเงียบ ๆ ประหนึ่งแอบออกมาจากมิติควอนตัม ไปแอบคุยกันตอนไหน!
แล้วก็กลายเป็นโมเดล "เซนต์สัญญาฟ้าผ่า" ที่ทำให้แฟนหงส์แดงลุ้นระทึกว่าจะมีการแอบซิวนักเตะหลังปิดซีซั่นทันทีทันใดอีกมั้ย
แต่กระบวนการเบื้องหลัง มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น ไม่มีการเดินไปขอซื้อ อีกสามวันเคอร์รี่มาส่งหน้าบ้าน ไม่มี๊
ความจริงแล้ว ลิเวอร์พูลยุค ไมเคิล เอ็ดเวิร์ด feat. เจอร์เกน คลอปป์ ดำเนินการ "ย่องตอด" มาตลอด เพียงแต่ไม่มีดีลไหนทำได้เนียนเท่าดีลน้องเต่า (ขออนุญาตเรียกน้อง แม้หน้าน้องจะโหดเรียกพี่)
และนี่คือเคล็ดลับการซื้อตัวสุดปัง (และไม่โดนโก่งราคา) ที่แฟนหงส์ยุคเก่า กลาง ใหม่ ควรเข้าใจ หากไม่อยากหงุดหงิดกับข่าวจริงข่าวลวงทั้งหลาย
ลงทุนกับเครือข่าย
ในมุมแฟนบอล เมื่อชื่อของนักเตะคนหนึ่งพุ่งขึ้นมา ไม่ว่าจะจากบอลโลก บอลยูโร บอลลีก บอลยุโรป เรามักจะอยากจะให้สโมสรคว้าตัวมาให้ได้บัดเดี๋ยวนั้น ด้วยความรู้สึกว่า ซื้อดิวะ จะได้มีตัวดี ๆ แข่งกับชาวบ้านเขา
แต่ทีมงานซื้อขายของลิเวอร์พูล (รวมถึงทีมอย่างแมนซิตี้และทีมเทพอื่น ๆ ) ไม่สามารถรอคลิปยูทูปได้
พวกเขาจึงสร้างเครือข่าย scout ไปทั่วโลก เพื่อที่จะมองหาและติดตามเพชรในตมให้ได้ก่อนคู่แข่ง
ข้อนี้เป็นหลักการพื้นฐานที่สโมสรระดับท็ิอปต้องทำ แต่วิธีการจัดการหลังจากได้ลิสต์นักเตะที่ดูดีมีอนาคตแล้ว ย่อมแตกต่างกันไปตามแนวคิดและแผนงานของทีม
ตัดคนที่ไม่มีคู่มือ ออกจากตัวเลือก
นักฟุตบอลเลี้ยงบอลเทพมีเยอะ จ่ายบอลเทพก็เยอะ เข้าฮอร์สเก่งก็เยอะ ตัดบอลเก่งเยอะ โหม่งเก่งเยอะ ฯลฯ นักฟุตบอลล้วนมีทักษะเฉพาะตัว ประเด็นคือ ตัวจริงมีได้แค่ 11 คน รวมตัวสำรอง ตัวแบ็กอัพแล้ว ลงทะเบียนได้เพียง 25 คน (โฮมโกรน 8 คน)
เพราะงั้น มันไม่ใช่แค่ความเก่งหรือวูบวาบ แต่ต้องมีไอเดียว่าจะใช้งานยังไง
นักฟุตบอลมากมายอยากย้ายมาเล่นให้คลอปป์ ด้วยผลงานส่วนตัวและผลงานทีม ย่อมดึงดูดสายตานักเตะดี ๆ ทั่วยุโรป เขาสามารถที่จะใช้วิธี "ซื้อไว้ก่อน" ได้ แบบที่หลายทีมทำ แต่คลอปป์เลือกทางยากกว่านั้นด้วยการ "ถ้าไม่ใช้ ก็ไม่ลงทุน" นั่นทำให้คลอปป์ดูเป็นคนเรื่องมาก คนนู้นก็ไม่ดี คนนี้ก็ไม่เอา แต่เขาเชื่อว่ามันดีต่อผลระยะยาวของทีม
ยกตัวอย่าง แกเรธ เบล คือนักเตะซุปตาร์ที่มีข่าวกับทีม แต่มันก็เป็นแค่กระแสบาง ๆ คลอปป์อาจไม่ได้ใส่เขาไว้ในลิสต์ตัวเลือกเลยด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่ใครก็อยากได้นักเตะระดับนี้ หรือ แซร์จิโอ รามอส ที่สื่อลิเวอร์พูลถึงขนาดบอกว่า ได้ฟรีก็ไม่เอา
เพราะอะไร เพราะคลอปป์ไม่รู้ว่าจะเสียเงินสัปดาห์ละสอง-สามแสนปอนด์ทำไม หากไม่รู้ว่าจะให้พวกเขาลงตัวจริงได้กี่เกม หากต้องทำให้คนที่ทำงานดีอยู่แล้ว เสียตำแหน่งเพื่ออุ้มค่าเหนื่อยซุปตาร์
การสะสมนักเตะเยอะ ๆ หลาย ๆ เกรด ตุนไว้ก่อน แล้วค่อยโละทิ้งไม่ใช่แนวทางของคลอปป์ที่ลิเวอร์พูล
ไม่ทำให้ตัวเองเสียเปรียบ
มองย้อนกลับไปตั้งแต่ซัมเมอร์แรกของคลอปป์ลิเวอร์พูล บอสเป็นคนที่ซื้อตัวตามขนาดทีมตลอดมา
เขาเลือกใช้ผลงานทีมเป็นปัจจัยหลักในการดึงดูดนักเตะ ค่าตัวกับค่าเหนื่อยเป็นปัจจัยรอง
เหตุผลคือ เขาต้องการนักเตะที่จะเติบโตไปกับทีม พร้อมจะร่วมเดินทางไปกับทีม ในระหว่างทางนั้น จะเจอทั้งความสมหวังและความผิดหวัง นักเตะที่มาตั้งแต่ตั้งไข่อย่าง โจเอล มาติป หรือ ซาดิโอ มาเน่ นั้นรู้ว่ามันไม่ง่ายที่จะประสบความสำเร็จในทันที แต่เขาเชื่อว่าคลอปป์จะทำให้พวกเขาเติบโต
ปีแรกเข้าชิงยูโรป้าแต่แพ้ อดไปยูซีแอล ซัมเมอร์นั้นคลอปป์อาจจะต้องเปย์สองเท่าคว้าคนที่ต้องการเข้าทีม แต่ตัวอย่างมันมีให้เห็นในหลายต่อหลายทีม ว่าเงินอย่างเดียว มันซื้อหัวใจและสปิริตไม่ได้
เพราะงั้นสิ่งแรกที่คลอปป์คำนึงถึงคือ ทีมต้องไม่เสียเปรียบ อาจไม่เปรี้ยงปร้าง ไม่วูบวาบ อาจจะโตช้าหน่อย แต่ต้องเป็นทีมที่ "ไม่มีใครอยู่เหนือสโมสร"
ไม่ทำให้ทีมต้นสังกัด รู้สึกว่าโดนเอาเปรียบ
หลายครั้งที่บิ๊กทีมชอบทำตัวเหนือทีมของเป้าหมาย พวกเขาใช้สารพัดวิธีกดดันให้ปล่อยตัวนักเตะ โดยไม่ได้สนใจแผนงานของทีมอื่นเลย เรียกกันว่า "ปลาใหญ่กินปลาเล็ก"
กลวิธีข้างต้นใช้ได้ดีเสมอกับทีมเบี้ยล่าง ทีมที่มีนักเตะเก่งเกินขีดความสามารถของสโมสร
ลิเวอร์พูลเองก็เคยเป็นทั้ง ปลาใหญ่ และ ปลาเล็ก ในตลาดซื้อขายนักเตะ ซื้อจากทีมเล็กมาปั้น โดนทีมใหญ่งาบไปกินต่อ วนเวียนไปเรื่อย เจ็บไม่รู้จบ
คลอปป์เจอเรื่องแบบนี้มาตลอดชีวิตการเป็นผู้จัดการทีม และเขาเบื่อมันเกินทน พอถึงจุดที่เขาพัฒนาลิเวอร์พูลจนกลายเป็นปลาที่ตัวใหญ่ขึ้นแล้ว เขาจึงมีความตั้งใจว่า จะไม่เอาเปรียบใคร และไม่ให้ใครเอาเปรียบอีก
ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลของคลอปป์จะซื้อนักเตะ ในราคาที่ทั้งสองฝั่งคิดว่าเหมาะสม นี่คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้หงส์แดงได้ตัว ซาดิโอ มาเน่, โมฮัมเม็ด ซาลาห์, ฟาน ไดจ์ก, อลิซง เบ็กเกอร์, ฟาบินโญ่, นาบี เกต้า, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน มาแบบที่แฟนบอลงงว่าทำไมถึงง่ายจัง
ความจริงแล้วคลอปป์ตามดู ฟาบินโญ่ มาตั้งแต่ปี 2017 มูรินโญ่ติดต่อขอซื้อตัวก่อน แต่โมนาโกไม่ขาย ด้วยเหตุผลว่า นักเตะยังไม่พร้อม และ ทีมก็กำลังลุ้นป้องกันแชมป์ ปี 2018 ทีมงานซื้อขายลิเวอร์พูลไปเจรจากับต้นสังกัดแบบเงียบ ๆ ให้โอกาสคู่ค้าได้มีเวลาในการหาตัวแทน (เปเล่)
ลิเวอร์พูลเดินเกมพลาดเรื่องฟาน ไดจ์ก เสี่ยเฮนรี่แก้ปัญหาด้วยการออกประกาศเลิกคุย (ในซัมเมอร์) ทันที คลอปป์ให้สัญญาใจกับเวอร์กิลว่าจะรอ โดยไม่ต้องคุยกัน และเป็นปีเตอร์ มัวร์ที่เป็นคนกลางประสานรอยร้าวกับเซาแธมป์ตัน เมื่อปมคลาย เช็ก 75 ล้่านปอนด์ที่เตรียมไว้นานแล้วถูกมอบให้โดยไม่มีต่อรอง
ลิเวอร์พูลตามอลิซงมาตั้งแต่ซัมเมอร์ปี 2017 และเคยมีข่าวว่าจะเอาตั้งแต่มกรา 2018 ด้วย แต่โรม่ายังลุ้นแชมป์ UCL อยู่ ซัมเมอร์มาถึง อลิซงอยากไปมาดริด โรม่าอยากได้ 90 ล้านยูโร ลิเวอร์พูลไม่ดื้อดึง แจ้งไม่ซื้อทันที จนกระทั่งราชันแสดงออกชัดเจนว่าพ่อหมีเป็นแค่ตัวรอง โรม่าเริ่มลดราคา อลิซงก็เริ่มเปิดใจ เชลซีลังเลเรื่องค่าตัว แต่คลอปป์ไม่ลังเล เซย์โอเค 72.5 ล้านยูโร (66.8 ล้่านปอนด์) เป็นราคาที่โรม่ายอมรับว่าปฏิเสธไม่ลง เหมือนตอนที่ขายซาล่าห์
เคสที่เป็นตัวอย่างชัดเจนคือ นาบี เกอิต้า เขาเป็นที่ต้องการของทีมทั่วยุโรป แต่ไลป์ซิกย้ำว่า ไม่ปล่อยใครทั้งนั้นในซัมเมอร์นั้น แล้วก็เป็นไปตามที่เอ่ย ไม่มีใครพรากนักเตะไลป์ซิกไปได้ ยกเว้น ลิเวอร์พูล ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดใช้ไม้อ่อน คุณเก็บไว้ใช้เลย พวกผมยอมจ่ายล่วงหน้า 48 ล้านปอนด์ ไลป์ซิกสบายใจ แล้วบอกเลยว่า พวกเขาอยากขายติโม แวร์เนอร์ให้ลิเวอร์พูล
หลังจากปลดล็อกกับต้นสังกัดได้แล้ว คลอปป์คือด่านสุดท้ายที่ทำหน้าที่โน้มน้าวให้นักเตะตกลงปลงใจกับสัญญาที่จะมอบให้
ทำให้เป้าหมายรู้สึกว่า เขาจะยิ่งใหญ่ไปพร้อมกับทีม
"ตามที่ผมเล่ามา คุณพร้อมจะมาร่วมโปรเจ็กกับผมมั้ยครับ"
เจอร์เกน คลอปเอ่ยประโยคสุดท้าย จับมือกับนักเตะ ลุกขึ้นกอดกัน แล้วอลิซงก็กลายเป็นปรากฏการณ์หน้าตาข่ายของลิเวอร์พูล
ยังไม่มีการเปิดเผยว่าโปรเจ็กของคลอปป์คืออะไร
แต่เราได้เห็นระยะสัญญาของนักเตะชุดลุ้นแชมป์ที่มาดริดแล้ว สัญญานั้นยาวพอที่จะทำให้พวกเขาแขวนสตั๊ดที่สโมสรลิเวอร์พูลได้เลย
พวกเขาสามารถเติบโตไปกับทีม และก้าวสู่ชั้นตำนานสโมสรได้ไม่ยาก
ในระหว่างทาง พวกเขาจะได้รับรู้อารมณ์ร่วมจากแฟนบอลผู้สนับสนุน เสียงเชียร์ และมนต์ขลังที่ทำให้เสียงจากคัมป์นู เบาไปเลย
"คลอปป์คือผู้จัดการทีมที่สามารถทำให้นักเตะวิ่งลืมตายเพื่อตัวเขาได้" มาเน่กล่าวไว้
เจอร์เกน คลอปป์มีทักษะในการดึงนักเตะดี ๆ เข้าทีม แต่สิ่งที่เขากำลังทำ มันเกินกว่านั้น
รากฐานของสโมสรลิเวอร์พูล ประกอบด้วย ถ้วยรางวัล สปิริตทีม การเงิน ทีมโค้ช สแตนด์เชียร์ สนามซ้อม ระบบเยาวชน
ผู้ชายใส่แว่นธรรมดาแต่บ้าคลั่งคนหนึ่ง เป็นหัวแรงสำคัญของการสร้างรากฐานนี้
"The Normal One" ชายผู้อยู่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของความสุขในการเชียร์ฟุตบอลของแฟนหงส์แดงทุกคน
โฆษณา