30 พ.ค. 2019 เวลา 06:21 • ไลฟ์สไตล์
#เจ๊าะแจ๊ะจีน
วันนี้จะเล่าเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ ที่คนไทยเรียกว่ากลิ่นเต่า หรือกลิ่นใต้วงแขนนั่นเอง
สำหรับคนจีน เค้าเรียกเรียกว่า กลิ่นจิ้งจอก
狐臭 อ่านว่า หูโช่ว กลิ่นสาปจิ้งจอก
และมีอีกชื่อ 胡臭 อ่านว่าหูโช่ว กลิ่นสาปชาวหู
สรูปคือมันมีความเป็นมายังไงกันแน่
แต่ที่แน่ๆเราต้องรู้ว่าเหตุว่ากลิ่นนี้เกิดจากอะไร
ตำหรับแพทย์แผนจีนกล่าวว่า
人有血氣不和,腋下有如野狐之氣
รักแร้มีกลิ่นเหมือนกลิ่นสาปจิ้องจอก
เพราะเลือดลมไม่ถูกกัน
กลิ่นเต่านั้นเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่งที่สามารถแพ่เชื้อได้ผ่านเหงื่อ
จึงกล่าวว่า 有天生胡臭者,為人所染胡臭者,天生臭者難治,為人染者易治。
หากเกิดจากกรรมพันธุ์ รักษายาก
แต่ถ้าได้รับการแพร่เชื้อจากผู้อื่น รักษาง่าย
มาดามว่าอันนี้คุณต้องกลับไปดูที่ต้นตอสาเหตุของกลิ่นเอง
...
ย้อนเวลาไปสมัยราชวงศ์ เว่ยจิ้น ยุคสามก๊ก
ประมาณ1,700 ปีที่ผ่านมา
ชาวจีนได้แต่งงานกับชาวหู(ที่ไม่ใช่ชาวจีน)
และยุคนั้นเอง ที่ชาวจีนเริ่มมีกลิ่นที่ใต้วงแขน
เลยตั้งชื่อว่า กลิ่นสาปชาวหู เพราะมันมากับชาวหู
ซึ่งคงอารมณ์เหมือนเราได้กลิ่นนมเนย เวลาเรายืนใกล้ฝรั่ง
บางทีเราจะได้กลิ่นเครื่องเทศเวลาเราคลุกคลีกับชาวอินเดีย
แล้วกลายเป็นความทรงจำของเราที่มีต่อคนแต่ละชาติ
...
มีเรื่องเล่าว่า..ในช่วงที่ชาวตะวันตกเข้ามาทำการค้ากับจีน รู้สึกประหลาดใจกับกลิ่นที่ว่า
จึงได้ไปศึกษาที่มาของกลิ่น
ณ เวลานั้นในตำราจีนได้ระบุชื่อกลิ่นนี้ว่า กลิ่นสาปชาวหู ภายหลังได้มีผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ของจีน นาย เฉินหยิ่นเก๋อ เปลี่ยนจากการเขียนชื่อโรคนี้ จาก 胡 เป็น 狐
เพื่อเป็นการให้เกียรติชาวหู ไม่ต้องมาเป็นที่รังเกียจของสังคม
การเปลี่ยนจากกลิ่นสาปชาวหู เป็น กลิ่นสาปจิ้งจอก ตามอาการของโรคที่ตำราแพทย์แผนจีนโบราณระบุไว้ คือความดีงามที่ยิ่งใหญ่
ลองคิดตาม หากเราเป็นชาวหู เราคงยิ้มไม่ออกเมื่อมีคนล้อเลียนเรา
ทั้งๆที่เราเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไร
...
ที่เอามาเล่าเพราะช่วงนี้อากาศร้อน
มีไกด์มาบ่นให้ฟังเรื่องกลิ่นเต่าของลูกทัวร์
แล้วไกด์ก็ถามมาดามว่า มันเรียกว่ากลิ่นอะไรกันแน่
ชักไม่มั่นใจ🤣
...
โลกจะน่าอยู่ขึ้น หากเราเข้าใจและยอมรับกับสิ่งที่เขาเป็น
อย่างน้อยที่สุด มาดามเชื่อว่าพอเราเข้าใจแล้ว
เราจะเลิกบ่น เลิกรังเกียจคนที่มีกลิ่นเต่า
เชื่อเถอะ เขาทรมานใจเพียงแต่เขาไม่พูดเท่านั้นเอง
....
พบกันใหม่น้าาาา
❤️❤️❤️
มาดามลีลี่
โฆษณา