30 พ.ค. 2019 เวลา 12:20 • กีฬา
LFC's Inspiring Stories : Alisson Becker
ตอนเริ่มเล่นฟุตบอล อลิซง ไม่ได้ตัวใหญ่เหมือนหมีและไม่ได้ถูกเลือกเป็นตัวจริง
เขาเริ่มต้นด้วยการเป็นที่ 2 ตั้งแต่เกิด จับบอลข้างถนน จนเป็นผู้รักษาประตูมืออาชีพ แต่เขาไม่เคยยอมให้โอกาสหลุดมือ
นี่คือเรื่องราวของ "พ่อหมี" อลิซง เบ็กเกอร์ ชายผู้มีชีวิตเพื่อเป็น "เบอร์ 1" อย่างแท้จริง
สายเลือดผู้รักษาประตูบ้าเลือด
"คุณแม่ของผมเคยเฝ้าเสาในทีมแฮนด์บอลโรงเรียน คุณปู่เคยเป็นผุู้รักษาประตูของทีมสมัครเล่น คุณพ่อก็เล่นเป็นโกล์ของทีมบริษัท บางทีอาจเป็นประสงค์ของพระเจ้า คุณว่างั้นมั้ย?"
อลิซงวัย 5 ขวบกับพี่ชายชอบไปดูคุณพ่อเล่นฟุตบอล "จังหวะที่คุณพ่อพุ่งออกมาตัดบอลจากเท้ากองหน้า แมร่งโคตรบ้าเลย แล้วพวกเราก็โคตรถูกใจ นั่นแหละครับ เราทั้งคู่ปลื้มในตัวคุณพ่อ ก็เลยได้สไตล์มา"
"ผมอยากจะเป็นแบบพ่อ" ตอนนั้นผมคิดแบบนี้
แต่จุดเริ่มต้นที่แท้จริงของอลิซง ฟังดูน่าตลก แต่มันคือเรื่องจริงของกลุ่มเด็กที่เล่นฟุตบอลพลาสติก เล่นกับเพื่อนแถวบ้าน อลิซงตัวเล็กกว่าเพื่อน เลยต้องไปเป็นโกล์ แค่นั้นจริง ๆ แต่เขาชอบ เขาอยากเล่นเป็นโกล์
จากนั้นความสนุกก็เปลี่ยนเป็นเป้าหมายชีวิต ฟุตบอลโลกปี 2002 วินาทีที่เขาและพี่ชายนั่งดูนักเตะบราซิลคว้าแชมป์บอลโลก "นี่แหละ ผมจะเล่นให้บราซิล ผมจะไปบอลโลก ผมจะคว้าแชมป์" นั่นคือเป้าหมายของเด็ก 10 ขวบ
คู่แข่งคนแรก
Alisson Ramses Becker เกิดในวันที่ 2 ของเดือนตุลาคม 1992 เป็นบุตรชายคนที่ 2 คุณพ่อคุณแม่ชาวบราซิล
อลิซงมีพี่ชายที่อายุห่างกันถึง 6 ปี และทั้งคู่มีเป้าหมายเดียวกันตั้งแต่เด็ก
มูเรียล กุสตาโว เบ็กเกอร์ (Muriel Gustavo Becker) เริ่มเล่นฟุตบอลให้กับสโมสร นาซิอองนาล พร้อม ๆ กับน้องชาย ขณะนั้นมูเรียลมีอายุ 16 ปี ในขณะที่อลิซงเพิ่งจะ 10 ขวบ แต่นอกจากจะอายุน้อยแล้ว อลิซงยังตัวเล็กมาก ๆ เขาจึงโดนนำไปเปรียบเทียบกับพี่ชายอยู่เสมอ
"อลิซงจะเก่งเท่ามูเรียลมั้ย"
ตัวอลิซงไม่ชอบการเปรียบเทียบ แต่เขาก็มองพี่ชายเป็นไอดอลและเป้าหมายอยู่เสมอ พี่น้องคู่นี้ฝึกหนัก "ทุกวัน" รักกันแค่ไหนก็ไม่มีทางยอมแพ้ให้แก่กัน
"เหนื่อยแล้วเหรอ เอาหน่อยน่า" นั่นคือคำท้าทายจากพี่ชายในความทรงจำของอลิซง
"เฮ้ย ต่อดิลุง ยอมแพ้เด็กอย่างผมแล้วเหรอ" อลิซงท้ากลับเมื่อพี่ชายทำท่าเหนื่อย
สำรองเพราะโตไม่ทัน
อลิซงจริงจังกับฟุตบอล เริ่มจากการเล่นบอลพลาสติกในตำแหน่งโกล์หนู เขาและพี่ชายดวลเดี่ยวกันทุกวัน จากนั้นพวกเขาก็ได้เข้าไปเล่นทีมเยาวชนของสโมสรนาซิอองนัล อลิซงทำได้ดีเลย
แต่ทว่า เขาตัวเล็กเกินไป
ในการทดสอบ maturation test (ประมาณว่าทดสอบสมรรถนภาพทางกาย ด้านการเติบโต) อลิซงอยู่เพียงระดับ 2 จาก 5 ระดับ ทำให้เขากลายเป็นตัวสำรอง
ซ้ำร้าย สโมสรยังไปคว้าโกล์มาจากพัลไมราสอีก ทั้งแข็งแรงและตัวใหญ่กว่า อลิซงกลายเป็นผู้รักษาประตูเบอร์ 3 ทันที
"เยี่ยมเลยว่ะ กลายเป็นเบอร์ 3 ไปเฉย สภาพนี้ตรูจะไปเล่นให้บราซิลได้ไงวะเนี่ย" เด็กน้อยเริ่มคิดไปไกล (โถๆๆ)
หลังจากนั้นก็มีรายการ Nike Cup รุ่นอายุต่ำกว่า 15 ปี พี่ชายของเขาได้รับรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม แต่อลิซงไม่ได้แม้แต่ลงสนาม
สโมสรเริ่มกังวลเรื่องความสูงของอลิซง แต่ขอบคุณพระเจ้า พวกเขาลองที่จะรออีกสักปี แล้วเกมก็เปลี่ยน
ติดทีมชาติครั้งแรก
อลิซงพัฒนาด้านเทคนิก คล้ายว่าพระเจ้าจะมองเห็นความพยายามนั้น มอบความสูงให้อีก 17 เซนติเมตร ภายในหนึ่งปี เด็กที่ยังอายุไม่ถึง 16 ปีก็ตัวยืดจาก 170 ซม. ไปเป็น 187 ซม.
และวันหนึ่ง ในขณะที่เขาอายุได้ 16 ปี คุณปู่โทรให้เขารีบกลับบ้านด่วน
"เกิดไรขึ้นปู่ ใครเป็นไรเปล่า? หรือมีใครตาย?
"ไม่ไม่ไม่ เขาโทรมาบอกให้แกไปเล่นให้บราซิล U-17 เหวย"
อลิซงไม่เชื่อ เขาวิ่งกลับไปที่บ้าน เปิดคอมพ์ เข้าเว็บไซต์สมาคม เพื่อที่จะเห็นชื่อ Neymar, Coutinho และ Alisson Becker
สัมผัสเบอร์ 1
"มันเป็นเรื่องยากมาก ฉันอยากจะเห็นลูกชายทั้งสองคนของฉันเป็นตัวจริง แต่มันจะเป็นได้ไปยังไงล่ะ" - มากาลี เดอร์ ซูซา เบ็กเกอร์
นาซิอองนาลยังคงใช้บริการมูเรียลเฝ้าเสา จนกระทั่งได้รับบาดเจ็บ อลิซงจึงถูกดันขึ้นมาแทน และกว่าที่มูเรียลจะฟื้นตัว นาซิอองนัลก็ขาดอลิซงไม่ได้แล้ว
"ผมรับรู้ความรู้สึกที่เสียตำแหน่ง แต่ผมยินดี ที่เป็นเจ้าน้องชายตัวน้อยที่เอามันไปจากผม" มูเรียลเปิดใจ หลังโดนปล่อยยืมตัวในปี 2009
มูเรียลยังคงเป็นนักเตะของนาซิอองนาล แต่แทบไม่ได้ลงเล่นเลยเนื่องจากถูกปล่อยยืมเป็นเวลาเกือบ 10 ปี เขาถูกปล่อยตัวถาวรให้สโมสรเบเลเนนส์ในปี 2017 และยังคงเฝ้าเสาให้ทีมในโปรตุเกสจนถึงปัจจุบัน (32 ปี)
เผชิญหน้ากับตำนาน
อลิซงเล่นเป็นตัวจริงให้ทีมเยาวชนจนกระทั่งได้รับการโปรโมทขึ้นทีมชุดใหญ่ในปี 2013 มันเป็นการแข่งขันระหว่าง พี่ชาย น้องชาย และอเกนอร์ ที่ย้ายมาฟลูมิเนนเซ่
ผู้จัดการทีม คาร์ลอส ดุงก้า ไม่พอใจกับผู้รักษาประตูของนาซิอองนาลในตอนนั้น มูเรียลเก่งแต่เจ็บบ่อย อลิซงก็ยังเด็ก เขาจึงนำเข้าผู้รักษาประตูที่มีชื่อว่า ดิด้า (Dida) ตำนานอีกคนของเอซี มิลาน
ดิด้าวัย 40 กลับมาจากอาการบาดเจ็บและยึดมือหนึ่งไปจากพี่น้อง ช่วยสโมสรคว้าแชมป์ลีก กัมปิโอตาโน เกาโช แต่หลังจากนั้นเขาก็ฟอร์มดร็อปอย่างน่าใจหาย อลิซงกลับมายึดถุงมืออีกครั้ง ดิด้าตกไปเป็นมือสาม และต้องแขวนถุงมือในที่สุด
อลิซงรักษาร่างกายและฟอร์มไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เขาพาสโมสรคว้าแชมป์ลีกของรัฐ ริโอ กรันดี ดู ซูล (รัฐทางใต้ของบราซิล) ได้อีกสองสมัย กลายเป็นที่จับตามอง
แล้วชีวิตเขาก็ดำเนินมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่
กลับไปเป็นมือสอง
4 กุมภาพันธ์ 2016 เอเอส โรม่าควัก 7.5 ล้านยูโร เซนต์สัญญาล่วงหน้ากับอลิซง เบกเกอร์ ตัดหน้าสโมสรทั่วยุโรป เขาพาอินเตอนาซิอองนัลคว้าแชมป์ ก่อนย้ายมาอิตาลีอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม เพื่อมาพบความจริงว่า เขามาเป็นแบ็กอัพเท่านั้น
ในตอนนั้น อลิซงคือเบอร์หนึ่งของทีมชาติบราซิล แต่สโมสรโรม่ามีวอสเซียจ เชสนี่ ผู้รักษาประตูทีมชาติโปแลนด์เป็นเบอร์หนึ่งอยู่แล้ว อลิซงไม่ได้ลงเล่นในเซเรียอาเลยตลอดฤดูกาล 2016/17
สิ่งที่เขาทำได้คือ ซ้อมให้หนัก ทำผลงานให้ประจักษ์ เขาพาโรม่าไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศของรายการโคปา อิตาเลีย และยูโรป้าลีกรอบ 16 ทีมสุดท้าย
จบซีซั่น เชสนี่อำลาทีมไปเล่นให้ยูเวนตุส อลิซงถูกเลือกให้ขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของทีม เขายิ่งเก่งขึ้นไปอีก ช่วยเซฟจนโรม่าจบอันดับสองของลีก เข้าสู่รอบรองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก "โดยไม่เสียประตูเลยในบ้่าน" จนกระทั่งมาโดนลิเวอร์พูลกระหน่ำยิงตกรอบในที่สุด
เมสซี่ยังรู้พลาด อลิซงยังรู้พลั้ง
"Messi of Goalkeeper" คือฉายาที่ติดตัวอลิซงมาจากอิตาลี ด้วยสไตล์และทักษะการเลี้ยงบอลขั้นเทพ ชอบครองบอลและมั่นใจที่จะล็อกหลบกองหน้า ประดุจลีโอเนล เมสซี่หน้าปากประตู
ช่วงแรกที่เฝ้าเสาประตูให้ลิเวอร์พูล อลิซงมั่นใจเกินร้อย ชอบครองบอลให้กองหน้าวิ่งเข้าใส่ แล้วค่อยเลี้ยงหลบ เขายืนยันว่าเขาจะไม่เปลี่ยนสไตล์ และขอให้แฟนหงส์แดงจงทำใจให้ชิน ซึ่งคลอปป์ก็ไม่ว่าอะไร
หลังจากที่พูดได้วันเดียว อลิซงก็เสียเหลี่ยมให้กองหน้าเลสเตอร์ (อิเฮียนาโช่ คนที่หลุดไปยิงแมนซิตี้...ไม่เข้านั่นแล) เขาโกรธจนหน้าแดง แต่ยังดีที่ทีมเก็บชัยชนะได้
หลังจากนั้นมาพ่อหมีก็ไม่ล็อกหลบพร่ำเพรื่ออีกเลย
อลิซงแสดงออกถึงการก้ามข้ามขีดจำกัดอยู่เสมอ เขาโดนอินซิเญ่ กองหน้านาโปลีแท็ปอินในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม พอกลับมาลุ้นเข้ารอบ 16 ทีมที่แอนฟิลด์ นาโปลีหลุดไปทำแท็ปอินอีกครั้ง แต่อลิซงเซฟได้ เช่นเดียวกันกับการเซฟลูกหลุดเดี่ยวจากนักเตะบาร์เซโลน่า เขาโดนมันมาก่อนที่คัมป์นู แต่เขาไม่อนุญาตให้มันเกิดซ้ำสองที่แอนฟิลด์
ทุก ๆ สเต็ปของอลิซง เขาไม่ได้เริ่มจากการเป็นผู้ชนะ แม้จะตัวเล็กเกินไป เขาก็ยังมุ่งมั่นพัฒนาตัวเองเพื่อเป้าหมายในชีวิต จนพระเจ้าประทานพรมาให้ (แต่เชื่อเถอะ หนึ่งปีที่ต้องรอนั้น เจ้าตัวคงอัดนมอัดโปรตีนจนตัวแตกแน่ ๆ)
อลิซงเป็นต้นแบบของ คนที่สร้างตัวเองให้พร้อมสำหรับโอกาสที่จะมาถึง และเมื่อของขวัญลอยอยู่เหนือหัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะสามารถกระโดดคว้ามันได้อยู่มือในทุก ๆ ครั้ง (รวมไปถึงเรื่องความรักด้วย)
อลิซง เบ็กเกอร์ ขาดเพียงความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในระดับสากล ซึ่งเขาพร้อมแล้ว ที่จะคว้ามันมาให้ได้กับสโมสรลิเวอร์พูลและทีมชาติบราซิล
โฆษณา