3 มิ.ย. 2019 เวลา 01:55 • บันเทิง
รหัสลับขาไก่ ผู้รู้เท่าทันนาย
คงจะไม่ต้องกล่าวให้มากความถึงความสามารถของเจ้าก๊กวุย โจโฉ ว่ายอดเยี่ยมเพียงไหน
แต่ทว่าแม้ความคิดของโจโฉจะเยี่ยมยอด กลับมีคนคนหนึ่งรู้เท่าทันเสมอซึ่งก็คือ "เอียวสิ้ว"
โจโฉ เอียวสิ้ว สามก๊ก 2010
เอียวสิ้วเกิดในตระกูลบัณฑิต เป็นบัณฑิตหนุ่ม ผู้มีคารมคมคาย มีคำพูดไพเราะ ใช้ภาษาได้งดงามสละสลวย
ทั้งยังเป็นคนที่มีลายมือเป็นเอกลักษณ์น่าชื่นชมยกย่อง
สมัครเข้ารับราชการกับโจโฉตั้งแต่หนุ่มๆ ไต่เต้าขึ้นมาเป็นนายพลฝ่ายพลเรือนตั้งแต่อายุเพิ่งย่างสามสิบ
แต่ทว่าคนในวุยก๊กต่างรู้กันดีว่า เจ้าก๊กวุยอย่างโจโฉ เกลียดขี้หน้าเอียวสิ้วผู้นี้นัก
การที่เอียวสิ้วสามารถไต่เต้าขึ้นมาขนาดนี้ได้ไม่ใช่เพราะโชควาสนา แต่เพราะการทำงานที่
รวดเร็วได้ดังใจโจโฉ ทำให้หนทางสู่อำนาจนั้นราบรื่น
การทำงานของเอี้ยวสิ้วแต่ละครั้ง แค่โจโฉบอกให้ทำ ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร เอี้ยวสิ้วเข้าใจแจ่มแจ้ง จัดการข้อปลีกย่อยได้อย่างดีที่สุด ประหนึ่งว่ามีใจเดียวกับโจโฉ
และนี่เองก็เป็นสาเหตุที่โจโฉชังน้ำหน้าเอียวสิ้วนัก เพราะโจโฉไม่ชอบคนที่รู้เท่าทันตนเอง
โจโฉถึงจะเกลียดแต่เอียวสิ้วทำงานได้ดังใจยังไงก็ขอใช้ไว้ก่อน
เอี้ยวสิ้วนั้นนอกจากทำงานได้ดังใจโจโฉ ยังมีหลายๆครั้งที่รู้เท่าทันความคิด ที่โจโฉไม่อยากให้ใครรู้อีกด้วย
อย่างตอนโจโฉแกล้งละเมอฆ่าคน กอดศพแกล้งเศร้า อ้างว่าตนฝันร้ายละเมอฆ่าคน
เอียวสิ้วจึงพูดแก่ศพนั้น สามก๊กฉบับวณิพกแปลความว่า "เจ้านายของเรามิได้ฝัน เพราะท่านมิได้หลับ แต่ความเป็นสัตบุรุษในตัวท่านต่างหากที่มันหลับ"
ซึ่งเมื่อโจโฉรู้ว่าเอียวสิ้วพูดดังนี้ก็โกรธ และเกลียดเอียวสิ้วมากกว่าเดิมแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
โจโฉมีปัญหาในการแต่งตั้งรัชทายาทอยู่ เพราะใจรักโจสิด ลูกคนที่สี่ แต่การส่งต่อควรจะเป็นลูกคนรอง โจผี
จึงได้ทดลองสติปัญญาของทั้งสองเป็นประจำ ซึ่งคนที่ดูมีปัญญามากกว่าคือ โจสิด บุตรรักนั่นเอง
แต่โจโฉก็ต้องมารู้ทีหลังว่า อาจารย์ของบุตรสุดสวาทคือเอียวสิ้วเอง ทุกการทดลองก็เป็นเพราะเอียวสิ้วคอยให้คำปรึกษาเสมอ
จะเพราะความเกลียดต่อเอียวสิ้วด้วยหรือไม่ก็ไม่ทราบ สุดท้ายก็เป็นโจผีที่ได้สืบทอดอำนาจต่อจากโจโฉ
คนฉลาดอย่างเอียวสิ้วควรจะฝากผลงานไว้ให้คนจดจำ
แต่กลายเป็นว่าเอียวสิ้วกลับต้องตายตั้งแต่ยังหนุ่ม เพราะความฉลาดของตนเอง
ในคราวศึกฮันต๋ง เล่าปี่ได้เปรียบทุกประตู ฆ่าแฮหัวเอี๋ยนยึดเขาเตงกุนสันได้
โจโฉจำต้องนำทัพใหญ่ไปรบกับเล่าปี่ด้วยตนเอง เอียวสิ้วผู้ทำงานคล่องก็ได้ติดตามไปด้วย
ผลการรบโจโฉเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ จนต้องถอยร่นมาตั้งค่ายที่เขาเสียดก๊ก
คืนนั้นโจโฉวิตกถึงศึกสงคราม พร้อมกับกินขาไก่ไปด้วย
โจโฉเคี้ยวขาไก่จนเหลือแต่กระดูก แต่ก็ยังคงคีบดูเล่นอยู่เช่นนั้น
พร้อมๆกับนึกถึงสถานการณ์ตอนนี้จะรบก็จะพ่ายแพ้ จะถอยก็เสียหน้า
เหมือนขาไก่ชิ้นนี้เคี้ยวต่อก็ไม่ได้ จะทิ้งก็เสียดาย อยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ตอนนั้นเองแฮหัวตุ้น นายพลวุยก๊กก็มาขอ รหัสลับ ใช้เดินกันค่าย โจโฉด้วยความพะวงจึงตอบส่งๆไปว่า "ขาไก่"
แฮหัวตุ้นจึงไปบอกรหัสลับให้ทุกกรมกองได้ทราบกัน
จนรหัสลับนี้ถึงหูเอียวสิ้ว เอียวสิ้วจึงบอกแก่แฮหัวตุ้นว่าให้ทหารเตรียมเก็บค่ายถอยทัพกลับฮูโต๋
แฮหัวตุ้นก็งงขอคำอธิบาย เอียวสิ้วจึงอธิบายไปว่า โจโฉอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เปรียบเหมือนขาไก่นี้
จะอย่างไรเสีย ก็คงต้องถอยทัพแน่ จึงให้ทหารรีบเก็บข้าวของเสียตอนนี้จะได้รวดเร็ว
แฮหัวตุ้นเองก็นับถือผู้มีความรู้คนนี้ เมื่อได้ฟังแล้วก็ดูมีเหตุผลจึงสั่งทหารเก็บค่าย
เสียงเก็บค่ายโหวกเหวกไปจนถึงที่พักของโจโฉ ทำให้โจโฉสะดุ้งตื่นนึกว่าข้าศึกมาปล้นค่าย
เมื่ออกมาดูก็ทราบความว่า เอียวสิ้วบอกให้ถอนค่ายกลับเมืองหลวง
โจโฉจึงเรียกเอียวสิ้วมาสอบ เอี้ยวสิ้วก็อธิบายได้ตรงใจของโจโฉยิ่งนัก
ที่เสนอให้ถอยทัพก็เพราะรู้ว่าถ้าฝืนสู้ก็มีแต่เสียกับเสีย
โจโฉเองก็คิดเช่นนี้ แต่ตนยังไม่ได้พูดออกมา เพียงแค่รหัสลับที่พูดส่งๆไป เอียวสิ้วก็สามารถอ่านใจตนได้ถึงเพียงนี้
โจโฉคิดแล้วคนที่รู้ทันตนขนาดนี้ถ้าเกิดเป็นศัตรู ตนคงต้องตายแน่นอน จึงตัดสินใจตัดไฟแต่ต้นลม
ประหารเอียวสิ้วข้อหาพูดจาให้ทหารเสียขวัญกำลังใจ แล้วนำหัวไปแขวนประจาน
หลังจากนั้นโจโฉก็ไม่ยอมเสียหน้า ตัดสินใจรบกับเล่าปี่อีกหน
แล้วก็พบกับความพ่ายแพ่ ซ้ำยังถูกยิงธนูใส่เสียเกือบตาย
นึกเสียใจที่ไม่ฟังคำเอี้ยวสิ้ว จึงให้ทหารเก็บหัวลงมาทำพิธีศพอย่างสมเกียรติ
น่าสงสารเอี้ยวสิ้วผู้เปรื่องปราด กลับต้องตายผู้ความปราดเปรื่องของตนเอง
1
เอียวสิ้วรู้ทันความคิดของนายอยู่เสมอ แต่สิ่งที่เอียวสิ้วไม่รู้และไม่เคยเข้าใจก็คือ"นิสัย"ของนายตน
คนเก่งนั้นใครๆก็ชอบ ใครๆก็อยากใช้
ความรู้แม้จะมีสูงหาตัวจับยาก แต่ถ้าใช้ไม่ถูกกาลเทศะ
กลับกลายเป็นไฟเผาไหม้สังขารตนเอง
ความรู้คือทรัพย์อันประเสริฐ ใช้ให้ดีเถิดจะเกิดผล...
ถ้าชอบก็ฝากกดไลก์👍 กดแชร์➡
กดติดตาม🔁 ฝึกเขียน ด้วยนะครับ🙏🙏🙏
โฆษณา