ในคืนหนึ่ง “ผู้พันเฒ่า” หมูป่าผู้เปี่ยมปัญญา เรียกประชุมสรรพสัตว์ในไร่ เผยแพร่อุดมการณ์ ซึ่งเป็นความฝันของตนเอง อุดมการณ์นี้มีอยู่ว่า สัตว์ควรจะปกครองกันเอง อย่าปล่อยให้มนุษย์กดขี่ข่มเหงอีกต่อไป เหล่าสัตว์ทั้งหลายต่างประทับใจ และแต่งเพลงสรรเสริญเยินยอกันใหญ่ แต่ไม่กี่วันก็เกิดเหตุเศร้า หมูผู้เฒ่าได้ลาโลกไป
.
.
.
หลังจากหมูผู้เฒ่าลาโลกไปไม่นาน แกนนำหมู ได้แก่ สโนวบอลและนโปเลียน ก็ประกาศลัทธิ “สัตว์นิยม” ยึดอำนาจจากระบอบมนุษย์ได้สำเร็จ กลายเป็นช่วงฟ้าสีทองผ่องอำไพ ได้เขียนค่านิยมสัตว์ 7 ประการบนผนังโรงนา ข้อที่สำคัญที่สุด คือ สัตว์ทุกตัวเท่าเทียมกัน ทำให้การตัดสินใจแต่ละครั้งต้องมีการประชุมลงมติ และห้ามทำตัวเหมือนมนุษย์ พวกหมูเริ่มแบ่งงานกันทำ
.
.
.
สโนวบอลสอนให้สัตว์ใช้ชีวิตตามหลักสัตว์นิยม กินอิ่ม นอนหลับ แบ่งงานกันทำ นโปเลียนรับลูกหมามาบ่มเพาะด้วยตนเองตั้งแต่เด็ก เวลานั้นทุกคนมีความสุข ช่วยกันทำงานอย่างขยันขันแข็ง
.
.
.
ไม่นานนัก สโนวบอลกับนโปเลียนแตกคอกัน
.
.
.
.
สโนบอลเสนอให้มีการสร้างกังหันลมไฟฟ้า เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน นโปเลียนอิฉฉาตาร้อน ใช้ลูกหมาที่ตนเองล้างสมองมาไล่กัด จนสโนบอลต้องหนีออกจากฟาร์ม
ตั้งแต่นั้นเป็นตนมา นโปเลียนประกาศตนเป็นผู้นำ คิดเองทุกอย่างทั้งหมด ไม่ต้องประชุมสภาสัตว์อีกแล้ว โดยบอกว่าทุกการตัดสินใจ เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของเหล่าสัตว์
.
.
.
นโปเลียนเอานโยบายกังหันลมไฟฟ้าของสโนวบอลกลับมาทำ อวดอ้างว่าเป็นผลงานของตน แต่กังหันลมของนโปเลียนไม่แข็งแรงพอ วันหนึ่งมันก็พังลง แทนที่จะเรียนรู้ แก้ไขและดูด้วยตนเอง นโปเลียนกลับเลือกที่แต่งตั้งหมูหนุ่มอีกตัว เป็นรัฐมนตรีโฆษณาชวนเชื่อ ออกไปบอกกับสรรพสัตว์ ว่าเป็นฝีมือของสโนวบอล สมคบกับพวกมนุษย์มาแก้แค้น ถ้ามีสัตว์ตัวไหนต่อต้านนโปเลียน จะชี้หน้าว่าเป็นพวกสโนบอลและขับไล่ออกไป
.
.
.
สมุนผู้จงรักภักดีที่สุดคือม้า ไม่ตั้งคำถามกับผู้นำ ก้มหน้าก้มตาทำงานหนัก หวังให้ฟาร์มก้าวหน้า เพื่อชีวิตของม้าเองจะได้ดีขึ้น
.
.
ไม่มีใครค้าน นโปเลียนก็เริ่มเอาใหญ่ เขียนประวัติศาสตร์ใหม่ให้ตัวเองเป็นฮีโร่สู้กับผู้ร้ายอย่างสโนวบอล กลายเป็นการทำตัวเหมือนมนุษย์เข้าไปทุกที นอนบนเตียง กินไวน์ ซึ่งผิดค่านิยมสัตว์ที่วางไว้ในตอนแรกอยู่แล้ว แต่ สควีเลอร์ เป็นโฆษกมาแก้ต่างให้ หาข้ออ้างให้นโปเลียนทุกครั้ง
ทั้งยังชี้ว่า นโปเลียนเป็นผู้เสียสละทำเพื่อส่วนรวม สวนทางกับสัตว์ทั้งหลายล้วนอดอยาก ทำงานหนักขึ้นทุกวัน และไม่เคยได้รับส่วนแบ่งอาหารที่ลงแรงทำ ส่วนม้าโง่ที่ขยันทำงานหนักจนตาย แต่ก็ยังปักใจเชื่อจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตว่าชีวิตของพวกตน มีความเป็นอยู่ที่ดี อย่างน้อยก็ดีกว่า เมื่อเทียบกับตอนที่มนุษย์ยังบริหารฟาร์ม
.
.
.
หลายปีต่อมากังหันลมได้ผุดขึ้นมาใหม่ สร้างรายได้อย่างงาม โดยทั้งนี้คำสัญญาของพวกหมูเมื่อแรกที่มีการปฎิวัติที่บอกว่าต่อไปนี้คอกปศุสัตว์จะมีไฟฟ้าใช้ น้ำประปาจะทั่วถึง ไม่เคยเป็นจริง แต่เหล่าสัตว์ก็ลืมเรื่องนั้นไปหมดแล้ว
.
.
.
.
นโปเลียนเริ่มติดต่อกับมนุษย์ ใส่เสื้อผ้า ดื่มไวน์ ถืออาวุธไว้ข่มสัตว์อื่น ค่านิยม 10 ประการก็เริ่มมีข้อแม้มาเรื่อยๆ สัตว์ทุกตัวเท่าเทียมกัน แต่สัตว์บางตัวเท่าเทียมกว่าสัตว์อื่น หรือเดินสี่ขาดีแล้ว แต่เดินสองขาดีกว่า(เหมือนมนุษย์)
.
.
.
นโปเลียนเชิญมนุษย์มาที่ฟาร์ม ประกาศจับมือกับมนุษย์ เป็นศัตรูกับพวกแรงงาน ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ สัตว์ที่เหลืออยู่ในฟาร์ม มองลอดหน้าต่างเข้าไปในงานเลี้ยง เห็นนโปเลียนดื่มไวน์เมามาย เล่นไพ่กับมนุษย์ จนสุดท้ายแล้ว ก็เกิดความสงสัยว่า “ใครเป็นสัตว์ ใครเป็นมนุษย์กันแน่”