6 มิ.ย. 2019 เวลา 04:59 • ประวัติศาสตร์
ปริศนาการตายของ Elisa Lam ep.3 ตอน 2
(ใครยังไม่อ่านตอน 1 ‘ต้อง’ย้อนไปอ่านก่อนนะครับ)
• สาเหตุการตายที่ 4: ฆาตกรรม
สมมติฐานนี้อ้างอิงจากเบาะแสเก่าที่เขียนไปใน ep.1-2 รวมถึงเบาะแสใหม่ที่เพิ่งค้นพบเมื่อวานด้วยครับ
ผมว่าเหตุการณ์จริงๆน่าจะเริ่มตั้งแต่เธอเดินทางมาถึงโรงแรมเลย ด้วยความที่เธอเดินทางคนเดียวเธออาจทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ระหว่างทาง หรือพนักงานในโรงแรมเอง ซึ่งอย่างหลังดูจะเป็นไปได้มากกว่า
เธออาจสอบถามพนักงานว่า แถวนี้มีที่ไปนั่งดริงก์ชิลๆไหม (จากเบาะแสที่เธอบอกว่าไปนั่งกินเหล้าแล้วทำมือถือหาย) ทำให้พนักงานโรงแรมหรือผู้ไม่ประสงค์ดีรู้ว่าเธอเองก็อยากจะปาร์ตี้จึงเริ่มให้คำแนะนำเกี่ยวกับบาร์ อาจจะเลยไปถึงการชวนให้ไปเที่ยวด้วยกัน และผมเดาว่าคงมีการพูดคุยกันตลอดช่วงเวลาที่อยู่โรงแรม
จนถึงวันเกิดเหตุ วันที่ 31 ม.ค. ในช่วงบ่ายเธอโทรหาพ่อแม่อย่างที่ทำประจำทุกวัน แต่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะขาดการติดต่อ นี่เป็นคำอธิบายว่าทำไมพ่อกับแม่เธอถึงบินมา LA ด้วยความรวดเร็ว ในวันที่ 2 ก.พ. เพราะเธอไม่เคยขาดหายไป
มาถึงช่วงกลางคืน เธอคงได้รับคำชวนจากใครบางคนหรือบางกลุ่ม ให้มาปาร์ตี้ด้วยกัน เพราะวันรุ่งขึ้นเธอก็ต้องไปแล้ว และเชื่อว่าน่าจะมีสารเสพติดเข้ามาเกี่ยวของ โดยที่ตัวเธอเองก็ใช้ยารักษาโรคไบโพลาร์อยู่แล้วซึ่งก็คือ Wellbutrin, Seroquel, Lamictal และ Effexor ยาทั้ง 3 ตัวยกเว้น Lamictal สามารถก่อให้เกิดอาการชักได้
ในปาร์ตี้คืนนั้น Elisa น่าจะดื่มเหล้าไปเยอะพอสมควร งานเลี้ยงดำเนินไปด้วยความสนุกสนาน และถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติม โรงแรม Cecil ก็ตั้งอยู่ในย่านที่มียาเสพติดชุกชุมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวล โทรกริ๊กเดียวก็มีเดลิเวรี่ถึงห้อง
หลังจากนั้น สันนิษฐานว่าเธอคงมีเหตุให้ต้องกลับไปห้องของเธอ หมายเลข 506B เพื่อเอาอะไรสักอย่างทำให้เธอต้องใช้ลิฟต์ และก่อนที่เราจะไปถึงพาร์ทของวิดีโอในลิฟต์ ผมอยากถามว่า ท่านผู้อ่านจำได้ไหมครับว่าเธอแต่งตัวอย่างไร?
อย่างที่เรียนไปใน EP.1 ว่า Elisa และน้องสาวของเธอมีความสนใจด้านแฟชั่นเป็นอย่างมาก เธอแต่งตัวตามสมัยตลอด แต่ในวิดีโอนั้นเธอใส่กางเกงขาสั้นผู้ชาย Size M และเสื้อเชิ้ตสีเขียวไซส์ L ยี่ห้อ Alexander Keiths ทั้งๆที่เสื้อเชิ้ตข้างในเธอใส่ไซส์ XS และเธอไม่ใส่บรา?!
รูปการณ์แบบนี้เดาได้สองอย่างคือ เธอตั้งใจจะค้างที่สถานที่นั้น หรือชุดของเธอเปื้อน เปียก หรือเสียหาย เธอจึงตั้งใจจะกลับไปห้องแป๊บหนึ่ง แล้วค่อยกลับขึ้นมาใหม่ เกิดเป็นวิดีโอในลิฟต์อย่างที่เราทราบกัน
เรื่องท่าทางของ Elisa ในวิดีโอลิฟต์ ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน แต่ผมมีข้อสังเกต 2 อย่างในวิดีโอนี้
1. นาทีที่ 0.30 ถ้าเราสังเกตุที่ปากของเธอ จะเห็นว่ามันถูกเบลอหรือทำให้เป็น pixel หยาบๆ เป็นเวลา 3-4 วินาที ทำให้เราไม่สามารถอ่านปากของเธอได้ และไม่รู้ว่าเธอพูดอยู่กับใคร
2. นาทีที่ 1.27 ตอนที่เธอก้าวเข้าไปในลิฟต์ ลองสังเกตที่ข้อเท้าของเธอจะเห็นว่ามันบิดจนผิดธรรมชาติ ซึ่งเราจะเดินเป๋ลักษณะนี้ ตอนที่เราเมามากๆเท่านั้น
เธอลงมาเอาของเสร็จก็คงจะกลับขึ้นไปต่อ แล้วเขาปาร์ตี้กันที่ไหน? ตอนแรกผมคิดว่าบนดาดฟ้า แต่ไม่น่าใช่เพราะ LAPD ก็ขึ้นไปตรวจพร้อมคุณตูบ K9 ในเวลาไม่ถึงสัปดาห์หลังจากนั้น ก็ไม่เจอกลิ่นอะไรตามพื้น ทำให้คิดว่าน่าจะกินดื่มกันในห้องในสักห้อง อาจจะที่ชั้น 14
ตรวจพบแอลกอฮอล์ในเลือดของเธอ คาดว่าเธอคงดื่มเข้าไปไม่น้อย ส่วนสาเหตุที่เสียชีวิตนั้น
ผมคิดว่าเธอน่าจะชักเพราะ Overdose และเสียชีวิตตั้งแต่ก่อนลงไปในแทงค์
สาเหตุคงมาจากยาไบโพลาร์ 3 ตัว รวมกับแอลกอฮอล์ และสารกระตุ้นประสาท คนในวงคงแตกตื่นเพราะไม่มีใครคาดคิด ทุกคนแค่อยากจะสนุกและหาอะไรแผลงๆทำกัน พอเป็นแบบนี้ทำไง
ถ้าห้องที่ปาร์ตี้อยู่ชั้น 14 คงไม่มีที่ไหนดีไปกว่าแทงค์น้ำในชั้น 15
ฆาตกรโดยไม่ได้ตั้งใจที่อยู่ในอาการตื่นตระหนก จัดการถอดเสื้อผ้าที่เธอใส่อยู่ เอาศพใส่ในผ้าปูเตียงแล้วหามขึ้นไปบนดาดฟ้า แน่ละว่าต้องมีกุญแจอยู่กับตัว พวกเขาหยิบมือถือของเธอไป แล้วก็เริ่มคิดกันต่อว่าจะเอายังไง
ถ้าท่านผู้อ่านเคยดูภาพดาดฟ้าและแทงค์น้ำ คงจะเห็นว่าข้างแทงค์น้ำจะมีหอเล็กๆที่ใช้เป็นห้องเก็บอุปกรณ์ มีบันไดเดินขึ้นสะดวก และมีความสูงมากกว่าแทงค์น้ำพอสมควร ผมคาดว่ากลุ่มฆาตกรแบกศพเธอขึ้นไปทางนี้ แล้วทิ้งศพมาจากเหนือแทงค์ลงในช่องสี่เหลี่ยม จากนั้นโยนเสื้อผ้าเธอลงไปในแทงค์ ปิดฝา แล้วเก็บกวาดหลักฐาน
ด้วยวิธีนี้จะสามารถอธิบายได้ว่าทำไม ตอนที่ LAPD และคุณตูบ K9 ขึ้นมาดมกลิ่นตามพื้นดาดฟ้า หรือแม้กระทั่งบันไดลิงที่ติดอยู่กับตัวแทงค์ที่ใช้ปืนขึ้นจึงไม่เจอกลิ่นอะไร นั่นทำให้ตำรวจไม่เปิดฝาแทงค์ค้นต่อ
สัมภาระที่ค้างอยู่ในห้องเธอน่าจะถูกพนักงานโรงแรมทั่วไปเก็บไปไว้ที่ห้องใต้ดินหลังจากที่เธอไม่มาเชคเอาท์ในวันรุ่งขึ้น หลังจากนั้นเรื่องก็ดำเนินไปอย่างที่ผมกล่าวไว้ใน EP.1
ส่วนคนที่ทำ ผมคิดว่าจะต้องมีความรู้เรื่องผังของโรงแรมและกล้องวงจรปิดเป็นอย่างดี โดยเฉพาะตำแหน่งกล้องจริงและกล้องดัมมี่ จะต้องเป็นคนที่เข้าถึงระบบรักษาความปลอดภัย และต้องเป็นคนที่มองปราดเดียวแล้วรู้เลยว่านี่คือศพของผู้หญิงเอเชีย แม้ว่าสภาพศพจะเน่าเปื่อยแค่ไหนก็ตาม
ผมมีชื่อนั้นอยู่ในใจ แต่ถึงอย่างไรคดีก็ถูกปิดไปแล้วครับ
นี่เป็นคดีที่ผมคิดว่า LAPD ทำพลาดมาตั้งแต่ช่วงแรก ทั้งเรื่องการตรวจสอบวิดีโอลิฟต์ก่อนจะปล่อย LAPD คงมารู้หลังจากที่ปล่อยและกระจายไปทั่วโลกแล้วว่าวิดีโอนั้นถูกตัดต่อ ทั้งการเก็บหลักฐานที่แทบจะไม่ได้อะไรเลย และความหละหลวมในการตรวจเชคพื้นที่ด้วย แต่เพื่อรักษาหน้าและไม่ให้เรื่องยุ่งยากไปกว่านี้ ผลสรุปก็เลยออกมาอย่างที่เห็นกันครับ
นี่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานส่วนตัวเท่านั้นนะครับ เรื่องจริงเป็นอย่างไรไม่มีใครทราบ ผมรู้สึกดีใจมากที่งานเขียนชิ้นนี้จบลงเสียที ถึงแม้จะไขปริศนาไม่ได้ แต่ผมก็ทุ่มเทกับมันเต็มที่
สำหรับเรื่องนี้ผมอยากให้ท่านได้รับอุทาหรณ์สอนใจให้ระมัดระวังเวลาเดินทาง อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า และดำรงชีวิตตั้งอยู่ในความไม่ประมาทนะครับ
ขอขอบคุณท่านผู้อ่านที่ติดตามมาตลอดครับ ตอนนี้ย่อยประวัติก็มีครบ 20 บทพอดี เช่นเคยใครคิดเห็นอย่างไร สามารถคอมเมนท์ได้เลยครับ
ขอวิญญาณของ Elisa Lam จงไปสู่สุคติ.
.
.
.
เกร็ดเล็ก: ทฤษฎีวิญญาณร้ายของ Richard Ramirez ถูกหักล้างไป เพราะตอนที่ #ElisaLam เสียชีวิต Richard ยังมีชีวิตอยู่ในเรือนจำครับ
เกร็ดน้อย: มีอีกทฤษฎีสยองหนึ่งชื่อว่า The Elevator Game หรือเกมกดลิฟต์ที่เริ่มเล่นกันในเกาหลี โดยบอกว่าถ้ากดลิฟต์ตามรหัสถูก พอลิฟต์เปิดมันจะเป็นประตูสู่โลกวิญญาณ และถ้าเราดูจากที่ Elisa กดลิฟต์ ไม่แน่เธออาจกำลังเล่นเกมนี้อยู่ก็ได้นะ.
- Xyclopz
โฆษณา