12 มิ.ย. 2019 เวลา 12:11 • กีฬา
เมื่อวานนี้ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็นวันที่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ย้ายจากแมนฯยู ไปอยู่เรอัล มาดริด แต่เชื่อหรือไม่ กว่าการเจรจาจะลุล่วง ต้องใช้เวลาถึง 2 ปีครึ่ง เราจะย้อนไปดูเรื่องราวในวันนั้นอีกครั้ง และจะรู้ได้เลยว่าทำไมถึงถูกเรียกว่า "มหากาพย์"
ในปี 2007 ชื่อเสียงของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็เริ่มดังแล้ว เขาพัฒนาจากปีกตัวจี๊ดจอมสับ เขายกระดับกลายมาเป็นกองหน้ากึ่งปีก ที่สามารถจบสกอร์ได้เฉียบคมมาก
บุคลิกหน้าตาก็หล่อเหลา สามารถสร้างกระแสนิยมได้ไม่ยาก และที่สำคัญโรนัลโด้เพิ่งอายุ 22 เท่านั้น สามารถช่วยทีมได้อีกนับสิบปี
ดังนั้นเรอัล มาดริด จึงสนใจอยากจะดึงตัวโรนัลโด้ มาเสริมทัพให้ได้ และถือเป็นเป้าหมายเบอร์ 1 ในการซื้อขาย
แต่ปัญหาคือ แมนฯยูไนเต็ด ในขณะนั้น พวกเขาไม่ใช่หมูในตลาดนักเตะ ทีมปีศาจแดงมีเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทีมอยู่ และคนอย่างเฟอร์กี้ ไม่กลัวว่าจะโดนเรอัล มาดริด กดดันอยู่แล้ว
27 มกราคม 2007 - "เราจะขายนักเตะที่เราอยากขายเท่านั้น และไม่มีทางที่คริสเตียโน่ โรนัลโด้จะย้ายทีม"
เมื่อเฟอร์กี้ ประกาศแบบนั้น ทีมเจรจาของเรอัล มาดริด ก็ต้องถอยกรูด พวกเขาไม่กล้าทำให้เฟอร์กูสันรู้สึกหงุดหงิดใจ เพราะถ้าหากทำอะไรที่ล้ำเส้นเกินไป อย่าว่าแต่ดีลโรนัลโด้เลย จากนี้ไป อาจไม่สามารถซื้อขายอะไรกันได้อีกเลย
ที่ผ่านมา เรอัล กับ แมนฯยูไนเต็ด มีความสัมพันธ์กันที่ดีมาตลอด เฟอร์กูสันยอมปล่อยนักเตะที่เก่ง แต่สร้างปัญหาให้ทีม โละให้มาดริด ในราคาที่ถูกมากๆ ทั้ง เดวิด เบ็คแฮม, กาเบรียล ไฮน์เซ่ และ รุด ฟาน นิสเตลรอย ดังนั้น เรอัล มาดริด จึงระมัดระวังมาก ไม่ให้การเจรจากระทบความรู้สึกใดๆของเฟอร์กูสัน
16 กุมภาพันธ์ 2007 - "ผมมั่นใจว่าในฤดูกาลหน้าเขาจะอยู่กับเราต่อ" เฟอร์กูสันย้ำชัดเจนอีกครั้ง
นอกจากจะเบรกความพยายามของเรอัล มาดริดแล้ว เฟอร์กี้ ยังออกมาย้ำเตือนโรนัลโด้ว่า เขาเพิ่งย้ายมาแมนฯยูไนเต็ดในปี 2003 และยังไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก เลยสักครั้งเดียว ดังนั้นนี่เป็นเวลาที่เขาต้องพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นกว่านี้ ไม่ใช่มาสนใจเรื่องการย้ายทีม
21 มีนาคม 2007 - "ผมคิดว่าตัวเองคือนักเตะของยูไนเต็ดที่ต้องการจะเล่นให้ดีในทุกเกม และช่วยทีมให้ได้มากที่สุด ผมต้องการอยู่กับสโมสรแห่งนี้ ผมไม่ใช่กาลาคติโก้ ผมคิดแค่ยูไนเต็ดเท่านั้น และอยากจะอยู่ที่นี่ไปอีกนานๆ"
โรนัลโด้ สยบข่าวลือทั้งหมด และต่อสัญญาระยะยาว 5 ปีเต็ม เฟอร์กี้รั้งโรนัลโด้เอาไว้กับทีมต่อไป
เรอัล มาดริด ตอนนั้น ได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆและคิดวางแผน ทำอย่างไรถึงจะได้ตัวโรนัลโด้นะ?
ชื่อเสียงของโรนัลโด้โด่งดังขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ จบฤดูกาล 2006-07 แมนฯยูไนเต็ดได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ส่วนโรนัลโด้ ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี และดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA คือควบสองรางวัลซ้อน
ซัมเมอร์ปี 2007 ตลาดซื้อขายครั้งนั้น โรนัลโด้ไม่ได้ย้ายทีม และอยู่กับยูไนเต็ดต่อไป
ขณะที่เรอัล มาดริด พวกเขาเองก็กำลังเครียด โดยผลงานของทีมในลาลีกาอาจจะโอเค เบียดแย่งแชมป์กับบาร์เซโลน่าได้อยู่ แต่ในเวทียุโรปที่ต้องเจอกับคู่แข่งของจริง มาดริดสู้ใครไม่ได้เลย
4 ฤดูกาลติดต่อกันที่มาดริด ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายในแชมเปี้ยนส์ลีก แสดงให้เห็นว่าเวลาเจอทีมในสเปนพวกเขาตบได้ แต่พอไปเจอของแข็งในยุโรป มาดริด ยังไม่ได้แกร่งพอที่จะเอาชนะได้
พวกเขาขาดสตาร์ระดับโลก คนที่จะชี้เป็นชี้ตายด้วยตัวเองคนเดียว และเรอัล มาดริดมองเห็นสิ่งนั้นในตัวโรนัลโด้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพยายามตะล่อมต่อไปเรื่อยๆ
มาดริด มองว่าถ้าหากการเจรจาตรงๆกับยูไนเต็ดไม่เป็นผล พวกเขาลองใช้วิธีอื่นน่าจะดีกว่า และวิธีนั้นคือหยอดไปเรื่อยๆทีละนิด เพื่อค่อยๆทำให้ตัวโรนัลโด้ รู้สึก "อยากย้าย" ด้วยตัวเอง
ถ้าโรนัลโด้รู้สึกอยากย้ายเมื่อไหร่ คราวนี้ต่อให้แมนฯยูไนเต็ดอยากจะรั้งแค่ไหนก็ทำได้ยาก เพราะคุณจะรั้งตัวเขาได้อย่างไร ถ้าใจไม่อยู่แล้ว
22 มกราคม 2008 - คุณแม่ของโรนัลโด้ ออกมาแย้บเบาๆว่าเธอคงตายอย่างมีความสุข ถ้าหากลูกชายของเธอได้ย้ายไปอยู่เรอัล มาดริด
จากนั้นมีนักข่าวจากสเปน นำความฝันวัยเด็กของโรนัลโด้ มาเผยแพร่ โดยโรนัลโด้เคยบอกไว้ว่า สักวันเขาอยากย้ายมาเล่นในสเปน
23 มกราคม 2008 - เปแดร็ก มิยาโตวิช ผู้อำนวยการกีฬาของมาดริด ระบุว่า "มันคงเป็นเรื่องเศร้าสำหรับเรา ที่ไม่ได้ตัวนักเตะอย่างคริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่ตอนนี้ เขาอยู่กับทีมที่ยิ่งใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอยู่แล้ว"
2 เมษายน 2008 - แบรนด์ ชูสเตอร์ เฮดโค้ชของเรอัล มาดริด เผยว่า "โรนัลโด้นั้นเป็นนักเตะที่เก่งระดับ 10 เต็ม 10 เขาคือผู้เล่นดีที่สุดในโลก แต่ผมไม่คิดว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะยอมทำการเจรจากับเราหรอก"
จะสังเกตได้ว่า ทางฝั่งมาดริด จะค่อยๆแซะทีละนิด ให้คนนั้นคนนี้ออกมาชม เพื่อให้ความรู้สึกของโรนัลโด้เริ่มไขว้เขว
ข่าวลือนอกสนามก็มีไป แต่เรื่องในสนามโรนัลโด้ ยังไว้ใจได้เสมอ เขาช่วยให้ ยูไนเต็ด ได้แชมป์ลีกสมัยที่ 2 ติดต่อกัน และ คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้สำเร็จ
ในปีนั้น โรนัลโด้ยิงไป 42 ลูก ทุกรายการ และคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA ได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน
คราวนี้เมื่อโรนัลโด้ได้แชมป์ทุกอย่างครบแล้ว เขาจึงถามใจตัวเองว่าอยากย้ายทีมหรือไม่ ซึ่งคำตอบแน่ชัดคือเขาอยากไปมาดริดจริงๆ
เขาอยู่อังกฤษมา 5 ปีแล้ว ได้เรียนรู้และเติบโตกลายเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งของโลก ดังนั้นได้เวลาเหมาะสมแล้วที่เขาจะย้ายไปสู่สโมสรที่เขาฝันเอาไว้ตอนเด็ก
"ผมอยากไปเล่นให้เรอัล มาดริด แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่า มาดริด พร้อมจ่ายค่าตัวตามที่ยูไนเต็ดร้องขอหรือไม่ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับผมคนเดียว" โรนัลโด้ยอมรับ
เซอร์อเล็กซ์ตั้งค่าตัวของโรนัลโด้ไว้ที่ 80 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เหลือเชื่อในขณะนั้น โดยสถิติก่อนหน้านี้ซีเนอดีน ซีดาน ย้ายจากยูเวนตุส มา เรอัล มาดริด ในราคาแค่ 45.6 ล้านปอนด์เท่านั้น
นี่เป็นราคาที่ฝั่งมาดริดเองก็ตกใจ พวกเขาไม่คิดว่ายูไนเต็ดจะกล้าตั้งค่าตัวขนาดนี้ แต่ยูไนเต็ดมองว่ามันก็สมเหตุสมผล เพราะโรนัลโด้มีสัญญาอยู่กับทีมถึงปี 2012 นอกจากนั้น ยังอายุ 20 ต้นๆ สามารถช่วยมาดริดไปได้อีกหลายปี ดังนั้นตัวเลข 80 ล้านถือว่าเหมาะที่สุดแล้ว
แต่ปรากฎว่า มาดริด "ไม่จ่าย"
พวกเขารู้ว่าใจของนักเตะอยากย้าย แล้วเขาจะจ่ายแพงๆให้โง่ทำไมล่ะ? สู้ตะล่อมไปเรื่อยๆ ให้โรนัลโด้แตกคอเองกับแมนฯยูไม่ง่ายกว่าหรอ จากนั้นจะได้ตัวมาครองแบบถูกๆ เผลอๆอาจได้ครึ่งราคาเลยด้วย
11 มิถุนายน 2008 - "เราจะไม่ยอมจ่ายเงินตามราคาสูงเกินจริงที่พวกเขาตั้งไว้หรอก" ราม่อน กัลเดร่อน ประธานสโมสรเรอัล มาดริด ยืนยันชัดเจน ขนาดซีดาน ได้บัลลงดอร์ ได้แชมป์โลก แชมป์ยูโร ยังราคาแค่ 45.6 ล้านปอนด์ แล้วนี่จะเรียกร้องค่าตัวแพงกว่าเกือบ 2 เท่า ใครมันจะไปยอมจ่าย
ตลอดเวลาจะมีคนคอยแซะยูไนเต็ดอยู่เรื่อยๆ ถึงความชอบธรรมในการรั้งนักเตะเอาไว้ทั้งๆที่ใจเขาไม่อยากอยู่
22 มิถุนายน 2008 - "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ควรไปทำร้ายจิตใจคริสเตียโน่ โรนัลโด้ และควรปล่อยให้นักเตะได้ย้ายไปเล่นในที่ที่เขาอยากไป" หลุยซ์ เฟลิเป้ สโคลารี่ อดีตโค้ชทีมชาติบราซิลเผย
9 กรกฎาคม 2008 - "ยูไนเต็ดควรปล่อยให้โรนัลโด้ย้าย การปฏิเสธความต้องการของผู้เล่น มันคือการค้าทาสยุคใหม่ชัดๆ" เซปป์ แบลตเตอร์ ประธานฟีฟ่าออกมาวิจารณ์อย่างรุนแรง
ในตอนนี้ ดูเหมือนโมเมนตัมของยูไนเต็ดจะเสียเปรียบมาก กับสโมสรที่มีภาพลักษณ์ดีเลิศ และได้รับความนิยมทั่วโลก การจัดการปัญหาภายในทีมไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องดีเลย เพราะมันทำให้ทีมดูขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ฝั่งสเปนประโคมข่าวกันหนัก ว่ามาดริดต้องได้ตัวโรนัลโด้แน่ๆ ไม่น่าพลิกโผ ราม่อน กัลเดร่อน กำลังจะพามาดริด ชนะยูไนเต็ด ในมหากาพย์การซื้อขายครั้งนี้
เพียงแต่พวกเขาลืมไปเสียสนิท ว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีอยู่คนหนึ่งที่มีอำนาจสิทธิขาดยิ่งกว่าใครทั้งนั้น คำพูดของเขาคือประกาศิตของสโมสร
คนคนนั้นคือเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ปลายเดือนกรกฎาคม 2008 เซอร์อเล็กซ์ขอนัดคุยกับโรนัลโด้ที่โปรตุเกส โดยทั้งคู่ไปเจอกันที่บ้านของคาร์ลอส เคยรอช ผู้ช่วยของเฟอร์กี้
"นายย้ายทีมฤดูกาลนี้ไม่ได้" เฟอร์กูสันยืนยันก่อนที่โรนัลโด้จะพูดอะไร "ไม่มีทางเลยกับสิ่งที่ราม่อน กัลเดร่อนทำกับเรา"
เฟอร์กูสันไม่ได้คิดจะขวางทางโรนัลโด้ เขารู้ว่าวันหนึ่งก็ต้องปล่อยนักเตะให้ก้าวต่อไป เพียงแต่เขาไม่ชอบวิธีการบีบบังคับของกัลเดร่อน การไม่ยอมยื่นข้อเสนอตามราคาที่ตั้งไว้ เป็นการไม่ให้เกียรติเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
"ฉันรู้ว่านายอยากไปมาดริด แต่ฉันหยิบปืนมายิงนายตอนนี้ซะดีกว่า จะยอมขายให้กับผู้ชายคนนั้น"
"ถ้านายทำผลงานได้ดีและไม่สร้างปัญหา แล้วอนาคตมีใครสักคนยื่นข้อเสนอสถิติโลกเข้ามา ฉันสัญญาว่าจะปล่อยนายให้ย้ายทีมแน่นอน"
คำพูดของเฟอร์กูสัน ทำให้โรนัลโด้สงบใจได้ นี่คือสัญญาใจของลูกผู้ชาย และคนอย่างเฟอร์กี้พูดแล้วไม่คืนคำ
"ถ้าฉันปล่อยให้นายย้ายได้ มันเหมือนฉันโดนสโมสรอื่นลูบคม ศักดิ์ศรีของฉันก็คงไม่เหลือเลย คนอื่นคงคิดว่าจะทำอย่างไรกับแมนฯยูไนเต็ดก็ได้ บอกตรงๆฉันไม่สนว่านายจะต้องนั่งบนสแตนด์ไปตลอดปีหรือเปล่า แต่ฉันรู้ว่านายคงไม่งอแงแบบนั้นใช่ไหม"
"ทั้งหมดที่ฉันจะบอกคือฉันจะไม่ปล่อยให้นายย้ายทีมในปีนี้"
และนั่นทำให้โรนัลโด้ ต้องอยู่กับทีมต่อไปในฤดูกาล 2008-09 ซึ่งถือว่าพลิกล็อคทีเดียว เพราะใครๆก็คิดว่าโรนัลโด้ย้ายทีมแน่ๆ แต่สุดท้ายเขาอยู่ต่อ
ซีซั่น 2008-09 โรนัลโด้ ลงเล่นแบบไม่อิดออด และช่วยให้ยูไนเต็ดได้แชมป์พรีเมียร์ลีกอีก 1 สมัย เป็นการคว้าแชมป์ 3 ซีซั่นติดต่อกัน
โรนัลโด้เองก็เข้าใจสถานการณ์ดี ถึงเขาจะแน่แค่ไหน แต่คนที่เขาไม่กล้าหักด้วยที่สุดก็คือเฟอร์กูสัน คนอย่างเฟอร์กี้เมื่อพูดแล้วไม่คืนคำแน่นอน ต่อให้จับโรนัลโด้นั่งสำรอง 3 ปีเต็มจนหมดสัญญาเขาก็ไม่ลังเลแน่
ดังนั้นเมื่อเฟอร์กี้ยืนยันแบบนั้น โรนัลโด้ก็ต้องทำตาม มันเรียบง่ายแค่นั้นเอง
สำหรับราม่อน กัลเดร่อน ถือว่าเขาเสียหายที่สุด เพราะล้มเหลวในการเจรจาซื้อนักเตะ
ฤดูกาล 2008-09 มาดริด ไม่ได้กองหน้ามาเพิ่มแม้แต่รายเดียว ตลาดครั้งนั้น พวกเขาได้ เอเซกีล การาย, รูเบน เด ลา เรด, ฆาบี การ์เซีย และ ราฟาเอล ฟาน เดอ ฟาร์ท ไม่มีสตาร์ระดับโลกเลยสักคน
จบฤดูกาลนั้น เรอัลได้ที่ 2 ในลาลีกา ,ตกรอบ 32 ทีม ในโกปา เดลเรย์ และ ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายในแชมเปี้ยนส์ลีก เป็นปีที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
และคนที่โดนโจมตีหนักที่สุดคือกัลเดร่อน เพราะถ้าหากเขาปิดดีลโรนัลโด้ได้สำเร็จ ทีมคงไม่ย่ำแย่ขนาดนี้
ทำให้การเลือกตั้งประธานสโมสรเรอัล มาดริด ในวันที่ 2 มิถุนายน 2009 กัลเดร่อนต้องลงจากตำแหน่ง และฟลอเรนติโน่ เปเรซก้าวขึ้นมาเป็นประธานสโมสรคนใหม่
11 มิถุนายน เปเรซไม่เล่นแง่เหมือนกัลเดร่อน เขายื่นข้อเสนอ 80 ล้านปอนด์ ตามที่เฟอร์กูสันตั้งราคาเอาไว้ และคราวนี้เฟอร์กี้ทำตามคำมั่นสัญญา เขาปล่อยโรนัลโด้ ให้เรอัล มาดริดในราคาที่เป็นสถิติโลก
ในเรื่องนี้ถ้าไม่นับกัลเดร่อน ทุกคนได้สิ่งที่ตัวเองต้องการทั้งหมด
เฟอร์กูสัน ประกาศให้โลกรู้ว่าไม่มีใครจะมาลูบคมเขาได้ ถ้าเขาไม่ให้ย้ายก็คือไม่ย้าย เขาไม่สนว่าใครจะกล้ามาหักกับเขาด้วย จะประธานสโมสร ซีอีโอจากไหน หรือตัวนักเตะเองก็เถอะ ถ้าเขาบอกไม่ขายคือไม่ขาย ทุกคนจบ
เรอัล มาดริด สุดท้ายก็ได้นักเตะที่ตัวเองต้องการ แม้จะจ่ายแพงแต่โรนัลโด้ก็ตอบแทนไปคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
โรนัลโด้ ก็ได้เรียนรู้ที่จะรอคอย แม้ตัวเองอยากย้ายแต่เขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร และเขาก็รักเซอร์อเล็กซ์มากเกินกว่าจะทำตัวให้มีปัญหา ซึ่งจุดนี้แฟนๆยูุไนเต็ด ก็ชื่นชมความเป็นมืออาชีพของโรนัลโด้เสมอมา
สำหรับการซื้อขายครั้งนี้ แม้จะเป็นมหากาพย์การไล่ล่าตัวที่ยาวนานมากกว่า 2 ปีครึ่ง แต่ก็เป็นการจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง
และมันทำให้เห็นว่าการเจรจาอะไรก็ตาม หากไม่ให้เกียรติคู่เจรจาและไม่รู้จัก Timing ที่เหมาะสม
ต่อให้มีเงินมหาศาลแค่ไหน ก็ยากที่จะชนะใจฝ่ายตรงข้าม
#Ronaldo
โฆษณา