รู้หรือไม่ว่า American Express ที่พวกเรารู้จักนั้นเคยโกงเรื่องการStockน้ำมันถั่วเหลือง
บริษัทต่างๆที่โด่งดังอยู่ทั่วโลกในทุกวันนี้ ต่างก็มีสตอรรี่ที่แตกต่างกันออกไป แต่คุณรู้หรือไม่ครับว่า AmEx หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม AMERICAN EXPRESS ที่เป็นตัวกลางและเป็นตัวแทนในการชำระเงินในหลายๆประเทศ ทั่วโลก นั้นเคยมีเรื่องอื้อฉาว และเป็นข่าวใหญ่ใน WallStreet ณ ช่วงเวลานั้น
เรื่องอื้อฉาวที่ว่านั้นก็คือ การโกงเรื่องการStockของน้ำมันถั่วเหลือง...
ใช่คับคุณฟังไม่ผิดหรอกครับ เค้าเคยทำจริงๆ แล้วAmExเค้าใช้วิธีไหนในการตบตาผู้ที่มาตรวจสอบทั้งบุคคลากรของธนาคาร และหน่วยงานภายนอกได้ และเค้าทำไปเพื่ออะไร วันนี้ผมมีเรื่องสนุกๆจะมาเล่าให้ฟัง
เรื่องมันเริ่มต้นจากการที่ เขาซื้อน้ำมันสลัดที่ทำจากถั่วเหลือง แล้วฝากไว้ในโกดัง ซึ่งน้ำมันนี้ถูกตั้งราคาซื้อขายในตลาดเป็นรายวัน เค้าจึงใช้Stockน้ำมันที่มีนั้นมาเป็นหลักประกันเพื่อกู้เงินจากธนาคารจำนวนทั้งหมด 51ธนาคาร โดยAmerican Express นั้นเป็นผู้บริหารโกดังที่เก็บน้ำมัน โดยออกใบรับรองเพื่อยืนยันว่าโกดังมีน้ำมันเก็บอยู่จริงและสามารถซื้อขายได้ตลอด ธนาคารเลยมั่นใจและปล่อยกู้เงินให้เค้าหลายสิบล้านเหรียญ
คุณคงเดาออกเลยใช่ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ไป และเค้าใช้วิธีไหนในการโกงกันละ คนที่รู้แล้วอย่าพึ่งบอกเพื่อนข้างๆนะครับ ส่วนคนที่ยังไม่รู้ผมขอบอกใบ้ให้นิดนึงคือ “เค้าใช้ข้อบกพร่องบางอย่างที่เป็นธรรมชาติของน้ำมันมาใช้ให้เป็นประโยชน์” คุณคงอ๋อแล้วและสินะ .... ผมขอเฉลยนะครับ เค้าใช้น้ำครับ
ซึ่งเขารู้ว่าเขาสามารถดัดแปลงให้ผู้ที่มาตรวจสอบสามารถตรวจเจอน้ำมันได้ทุกครั้ง โดยเค้าเอาน้ำทะเลใส่ลงถังใส่น้ำมันจนเกือบเต็ม แล้วเอาน้ำมันใส่เข้าไปนิดหน่อยพอ เมื่อน้ำมันเจอน้ำ มันก็ลอยขึ้นเหนือน้ำ พอผู้ตรวจจากธนาคารและผู้ตรวจของบริษัทเองมาตรวจ เค้าก็จะแค่ซุ่มเอาตัวอย่างจากด้านบนสุดของถังที่วางซ้อนกันไว้ขึ้นมาตรวจ พวกนั้นเลยสรุปว่าถังเหล่านั้นก็มีน้ำมันอยู่ข้างในเป็นจำนวนมาก
ยิ่งไปกว่านั้นในปี1963 เค้ารู้ว่าเค้ามีอำนาจในการต่อรองราคาในตลาดค้าน้ำมันถั่วเหลืองได้ จากการที่สหภาพโซเวียตช่วงนั้นจำเป็นต้องนำเข้าน้ำมันที่กินได้ เค้าจึงกู้เงินจากโบรกเกอร์นอกเหนือจากเงินกู้ก้อนเดิมไปซื้อFutureน้ำมันอีก
แต่ก็เกิดคำถามต่อว่า หลังจากAmerican Express ถูกจับได้เรื่องการโกงStockน้ำมัน แล้วทำไมในเวลานั้น ทำไมความน่าเชื่อถือของบริษัทถึงไม่ลดลง หรือลดลงน้อยมาก คำตอบก็คือ AmExมีธุรกิจหลักที่ทำอยู่ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 60%ในเวลานั้นซึ่งแม้จะเก็บค่าธรรมเนียมแพงกว่าคู่แข่งก็ตาม นั่นก็คือ ธุรกิจเช็คท่องเที่ยวและเป็นผู้นำในธุรกิจบัตรเครดิต ซึ่งคุณปู่บัฟเฟตต์นั้นเค้าสังเกตเห็นว่า คนทั่วไปต่างใช้บัตรเครดิตของAmerican Express ในการรูดจ่ายค่าอาหาร โดยไม่ได้สนใจเรื่องอื้อฉาวกรณีน้ำมันถั่วเหลือง ที่WallStreetกำลังหวาดกลัวอยู่เลยแม้แต่น้อย ซึ่งไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อรายได้ และชื่อเสียงของAmExมากนัก
แต่ต้องยอมรับว่าธนาคารและร้านค้าส่วนใหญ่ในไทยนั้นไม่ค่อยนิยมรับบัตรเครดิตที่มีตัวกลางในการชำระเงินAmEx สักเท่าไหร่ ส่วนมากเราจะเจอแต่ VISA MASTERCARD และ JCB ซึ่งผู้ใช้บริการส่วนมากและร้านค้าที่ร่วมรายการกับทางAmEx ในปัจจุบันนั้น ส่วนใหญ่นั้นอยู่ในสหรัฐอเมริกา และในประเทศที่เป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจมากกว่า (อันนี้เป็นการสังเกตของผมเท่านั้นเองนะครับ)
ขอบคุณข้อมูลดีๆจากหนังสือ The Deals of Warren Buffett ด้วยนะครับ
ถ้าที่ถูกใจบทความนี้อย่าลืมกดLike เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ หรือถ้าอยากบอกต่อให้โลกรู้ก็กดShareได้เลยจ้า
ติดตามช่องทาง FB Fanpage ของเราได้โดยพิมพ์ว่า : ความรู้วันละหน้ากระดาษ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
