ทีมนักขุดนำข้อมูลของกลุ่มอาสาสมัครที่ Sato รายงานไว้ในเปเปอร์ เช่น อายุ น้ำหนัก ความดัน มวลกระดูก และอีกหลายร้อยตัวแปร มาพล็อตรวมกันเพื่อหาค่า p-value ซึ่งบอกถึงความต่างหรือคล้ายคลึงกันระหว่างกลุ่มตัวอย่างในแต่จะงานวิจัย พวกเขาพบว่ากลุ่มผู้ป่วยจากงานวิจัยทั้ง 33 เรื่องมีความเหมือนกันอย่างผิดปกติ จึงเป็นไปได้อย่างสูงว่า Sato ปลอมข้อมูลขึ้นแทนที่จะเก็บมาจากตัวอย่างจริง เมื่อได้เห็นสถิติที่เหลือเชื่อเช่นนี้ ทีมนักขุดจึงติดสินใจส่งผลงานการขุดไปตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ
กราฟฟิกแสดงผลงานปลอมๆของ Sato และผลกระทบที่มีต่องานวิจัยอื่น /ภาพจาก Science
ถึงแม้ว่าเปเปอร์ของทีมนักขุดจะวนลูป rejection อยู่หลายปี แต่ข่าวความสะตอของ Sato ก็แพร่ออกไปเป็นวงกว้าง ทำให้สำนักพิมพ์ต่างๆค่อยๆ retract งานของ Sato ออกจากวารสารของตน และตั้งคณะกรรมการสอบสวน Sato และ co-authors จนจับได้ว่า Sato มีความผิดจริง
Sato ฆ่าตัวตายในปี 2016 หลังจากเปเปอร์แฉถูกตีพิมพ์ได้ไม่นาน
ใบปัจจุบัน เปเปอร์ 46 ฉบับของ Sato ถูกถอนจากวารสารวิชาการ โดย 21 ฉบับมาจาก clinical trials 33 เรื่องที่ถูกแฉ ทำให้ชื่อของ Sato ติดอันดับ 5 ของ Retraction Watch List ซึ่งจัดอันดับนักวิจัยที่มีเปเปอร์ที่ถูกถอนออกจากวารสารมากที่สุดในโลก
ที่น่าแปลกคือ ใน Top 10 ของ Retraction Watch list เป็นนักวิจัยชาวญี่ปุ่นถึง 4 คน (อันดับ 1, 3,5,6) ทั้งๆที่ 5% ของเปเปอร์ที่ตีพิมพ์ในโลกมาจากญี่ปุ่น