17 มิ.ย. 2019 เวลา 00:30
สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมานำเสนอข้อมูลแบบ Boolean (บูเลียน) หรือข้อมูลที่เป็นค่าจริง(TRUE) หรือเท็จ (FALSE) เท่านั้น
ตอนแรกผมว่าจะเสนอฟังก์ชั่น IF แต่ฟังก์ชั่น IF จะมีข้อมูลประเภท boolean มาเกี่ยวข้องจึงอยากแยกนำเสนอเรื่อง Boolean ก่อนครับ
เริ่มกันเลยครับ Boolean คือข้อมูลที่แสดงค่าออกมาว่าเป็น TRUE หรือ FALSE เท่านั้น
บางคนอาจยังไม่ทราบว่า Excel สามารถแสดงค่าดังกล่าวได้ งั้นมาดูตัวอย่างกันครับ
จะเห็นว่า cell A1 และ B1 มีเลข 1 อยู่
ขอถามว่า 1 = 1 จริง (TRUE) หรือ เท็จ (FALSE)
ทุกคนตอบได้แน่ว่า TRUE ซึ่ง Excel ก็ตอบได้เช่นกันครับดังภาพข้างล่าง
จากภาพด้านบนผมเขียนฟังก์ชั่นว่า =A1=B1 อธิบายดังนี้ครับ
เครื่องหมาย = ตัวแรก ต้องใส่เสมอครับเพื่อให้ excel ทราบว่าเรากำลังจะเริ่มใช้ฟังก์ชั่น
A1=A2 จะหมายถึงการถาม excel ว่า ค่าใน cell A1 และ B1 เท่ากัน TRUE หรือ FALSE ซึ่ง excel ได้ตอบให้เราทราบว่า TRUE เพราะค่าใน cell A1 และ B1 คือเลข 1 ซึ่งเท่ากัน
หรือเราจะเขียนฟังก์ชั่นแบบนี้ก็ได้ครับ
1=1 TRUE หรือ FALSE
excel ตอบให้เราทราบว่า TRUE
ลองเปลี่ยนบางครับว่าถ้า 1=2 จะ TRUE หรือ FALSE
แน่นอนครับต้อง excel ต้องตอบว่า FALSE
หรือจะลองเขียนเป็นสมการ เช่น 1+2=3 2*2=2+2 หรือ 3/3=2 ก็สามารถถาม excel ได้ว่า TRUE หรือ FALSE
นอกจากตัวเลข ยังสามารถนำตัวอักขระมาเปรียบเทียบกันได้เช่นกัน เพื่อหาว่า TRUE หรือ FALSE ดังภาพข้างล่าง
คิดว่าน่าจะเข้าใจหลักการแล้วนะครับผมขอไม่อธิบาย ไปต่อเลยนะครับ
นอกจากเครื่องหมาย = แล้ว excel ยังมีตัวดำเนินการเปรียบเทียบอื่นอีกครับ เช่น มากกว่า น้อยกว่า ไม่เท่ากับตามภาพข้างล่างเลยครับ
ลองมาดูตัวอย่างครับ
Cell A1 ฟังก์ชั่นเขียนว่า 3+3>6 แสดงเป็น FALSE เพราะ 6 เท่ากับ 6
Cell A2 ฟังก์ชั่นเขียนว่า 3+3<6 แสดงเป็น FALSE เพราะ 6 เท่ากับ 6
Cell A3 ฟังก์ชั่นเขียนว่า 3+3>=6 แสดงเป็น TRUE เพราะ 6 มากกว่าหรือเท่ากับ 6
Cell A4 ฟังก์ชั่นเขียนว่า 3+3<=6 แสดงเป็น TRUE เพราะ 6 น้อยกว่าหรือเท่ากับ 6
Cell A5 ฟังก์ชั่นเขียนว่า 1<>2 แสดงเป็น TRUE เพราะ 1 ไม่เท่ากับ 2
จบแล้วครับกับเรื่อง boolean หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะครับ บทความต่อไปจะมานำเสนอวิธีใช้ฟังก์ชั่น IF ซึ่งจะมีเรื่อง Boolean มาเกี่ยวข้องด้วยฝากติดตามด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา