17 มิ.ย. 2019 เวลา 15:08 • ประวัติศาสตร์
จะเหลาล่ะนะ
หลังจากเล่าถึงแทมโบรา ภูเขาไฟขี้โมโหที่พ่นความเกรี้ยวกราดระบายอารมณ์ของเจ้าหล่อน5วัน5คืน จนชาวโลกทุกสายพันธุ์ทั่วทั้งพื้นพิภพนี้ได้รับความเดือดร้อนกันไปถ้วนทั่ว
ภูเขาไฟกรากะตัวกำลังประทุ
ตอนนี้เลยจะมาเหลาให้ฟังถึง น้องรักของเธอที่ตั้งอยู่ในแนว วงแหวนแห่งไฟ เช่นกัน
ภูเขาไฟกรากะตัว ได้ชื่อว่าบุตรแห่งกรากะตัว ตั้งอยู่บนเกาะชื่อเดียวกัน
ยอดสูง820เมตรเหนือระดับท้องทะเลปานกลาง
ในอดีตก็เคยเกิดการปะทุเล็กๆน้อยๆพ่นแร่ธาตุที่มีประโยชน์ออกมาทำให้เกาะมีความอุดมสมบูรณ์
จนชาวเกาะไม่เคยตระหนักถึงภัยอันตรายใหญ่หลวงที่จะเกิดขึ้นเลย
แต่แล้วในปี พ.ศ. 2224ก็ได้เกิดการปะทุใหญ่ขึ้นครั้งหนึ่ง แล้วก็สงบเงียบไปเนิ่นนานกว่า200ปี
ซึ่งก็นานพอที่จะทำให้ผู้คนหลงลืมว่าภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ร้ายแรงเพียงใด
แต่แล้วฝันร้ายก็มาเยือนชาวเกาะหลังจากเพลิดเพลินกับความอุดมสมบูรณ์ที่กรากะตัวมอบให้มานานจนลืมนึกถึงความโหดร้ายที่แอบซ่อนอยู่ภายใต้ความสมบูรณ์พูนสุขนั้น
ปีพ.ศ.2426 บุตรแห่งกรากะตัวก็เกิดอยากระบายความอัดอั้นตันใจที่สะสมไว้กว่า200ปีเล่นๆ
ให้ชาวบ้านไม่ลืมว่าหนูก็พิษสงนะจ๊ะ หามีแต่ความสวยงามแต่เพียงด้านเดียวไม่
เลยล่อไปเล่นๆแบบชุดใหญ่ซะสามรอบในระยะเวลาแค่หนึ่งปี
ในวันที่20 พฤษภาคม พ.ศ.2426กรากะตัว ก็ซ้อมใหญ่ด้วยการระเบิดอย่างรุนแรงและพ่นเถ้าถ่านเขม่าควันออกมาเป็นจำนวนมากแล้วสงบนิ่งลง
จนวันที่26 สิงหาคม 2426 ก็เกิดการปะทะซ้ำขึ้นอีกครั้ง เกาะทั้งเกาะสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ฝุ่นควัน
ปลิวขึ้นไปบนท้องฟ้าจนสามารถมองเห็นแม้ระยะทางไกลถึง16 กิโลเมตร ในทะเล น้ำทะเลถึงกับมีอุณหภูมิสูงขึ้นจนรู้สึกได้ ผู้คนเริ่มอพยพออกจากเกาะไป แต่บางส่วนก็ยังอาศัยอยู่บนเกาะและหลบเลี่ยงกำบังกายในที่คิดว่าปลอดภัยที่สุด
และแล้วในวันที่27 สิงหาคม 2426 เวลา 10.00น
ก็ถูกจารึกว่ากรากะตัวได้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่สุดขึ้น แรงระเบิดได้คร่าชีวิตทุกชีวิตที่อยู่บนเกาะไปสิ้น พื้นที่65.52%ของเกาะจมอยู่ใต้เถ้าภูเขาไฟ เถ้าถ่านที่พ่นออกมาสูงขึ้นไปในอากาศถึง80กิโลเมตร พื้นที240กิโลเมตรรอบเกาะมืดมนไร้แสงอาทิตย์ดั่งกลางคืน
ชาวเมืองปัตตาเวียที่อยู่ห่างออกไป150กิโลเมตรยังสะดุ้งตกใจจนใช้มือปิดหู เนื่องจากเสียงดังกึกก้องของการระเบิดครั้งนี้
สึนามิที่เป็นผลจากการถล่มของดินหินใต้สมุทรหลังการปะทุนี้สูงกว่า30เมตร พัดเข้าถล่มเกาะใกล้เคียงที่อยู่รอบๆเกาะกรากะตัว
หลังจากการปะทุแล้วเสร็จคาดการณ์ว่าอาจมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 36,000คน
การระเบิดของภูเขาไฟกรากะตัวในครั้งนี้
ได้มีการจดบันทึกไว้โดย กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ขณะดำรงพระยศ พระองค์เจ้าดิศวรการ
และผนวชเป็นพระภิกษุประทับอยู่ ณ วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ บางปะอิน อยุธยา. ในหนังสือ ประวัติอาจารย์ ว่า
ในเดือนสิงหาคมเป็นวันใดข้าพเจ้ามิได้จดไว้
แต่ระหว่างวันที่27-30เวลาบ่าย ข้าพเจ้านั่งอยู่ที่ตำหนัก ได้ยินเสียงปืนใหญ่มาแต่ไกลหลายนัด
นึกในใจว่าคงมีการยิงสลุตต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่เข้ากรุงเทพมาเป็นแน่แท้ แต่ตอนเย็นไปนั่งเล่นที่ท่าน้ำและปรารภเรื่องนี้กับพระที่บวชอยู่ก่อน
ท่านพึ่งมาจากวัดนิเวศน์ ในพระนคร แต่ท่านว่าไม่เคยได้ยินเสียงปืนใหญ่ในพระนคร ข้าพเจ้าไม่เห็นเป็นการสำคัญจึงไม่สนใจค้นหาเหตุต่อไป
ครั้งรุ่งขึ้นอีกวันแสงแดดก็เป็นสีเขียวตลอดวัน
ผู้คนพากันตื่นตกใจ แต่ในรุ่งขึ้นอีกวันก็กลับเป็นปกติ หลายวันต่อมาจึงทราบว่าเกิดภูเขาไฟระเบิดที่เกาะกรากะตัวที่ตั้งอยู่ระหว่างเกาะสุมาตราและเกาะชวา มีคนตายหลายหมื่น
และไอที่พ่นออกมาบดบังแสงอาทิตย์
ละลอกคลื่นในทะเลแผ่ออกไปถึงนานาประเทศไกลกว่าที่เคยปรากฏ
ไกลขนาดไหนกันเชียว
เอ็ดเวริด มงก์(Edvard Munch)ศิลปินชื่อดัง
ชาวนอร์เวย์เจ้าของภาพวาดThe Scream
เล่าถึงแรงบันดาลใจของภาพในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งว่า วันนั้นเขาและเพื่อนสองคนออกไปเดินเล่นที่ถนนเส้นหนึ่งใก้ลกรุงออสโลว์ ได้เห็นท้องฟ้าเป็นสีเลือด เมฆก็ดูเป็นสีเหลืองจ้าและแดงคล้ำ แดดก็เป็นสีคล้ำมัว จนเพื่อนๆของเขารีบกลับบ้านไปก่อน แต่เขายังยืนอยู่บนถนนเพียงลำพัง
ด้วยความกังวลใจและหวาดกลัว จนอยากจะร้องตะโกนออกมา
ด้วยบทสัมภาษณ์นี้ นักประวัติศาสตร์ศิลปะได้สันนิษฐานว่า The Scream อันลือชื่อของเขาน่าจะได้แรงบันดาลใจจากจากเหตุการณ์ภูเขาไฟกรากะตัวระเบิดในครั้งนี้ที่ทำให้อากาศและท้องฟ้าบนโลกเกิดสีสันที่แตกต่างจากปกติ
เรียกได้ว่าเป็นแรงบันดาลใจที่น่ากลัวสมชื่อและราคาของภาพจริงๆ
และมีการปะทุอีกครั้งเมื่อ
วันที่ 22ธันวาคม2561
หลังจากทิ้งช่วงมาเป็นเวลานาน
โดยเริ่มพ่นเถ้าถ่านออกมาแบบไม่รุนแรงก่อนในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน และเมื่อวันที่22 ธันวาคมมาถึง จึงเกิดการปะทุรุนแรงขึ้น
ทำให้มีผู้เสียชีวิต373คน และผู้บาดเจ็บอีก1400คน สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินอีกเป็นจำนวนมาก
แข็งแกร่งแค่ไหนถามใจคุณดู
การเกิดและใช้ชีวิตแบบปกติก็ว่ายากอยู่แล้ว ยังต้องมาห่วงกังวลกับภัยธรรมชาติที่กำหนดเองไม่ได้อีก
แต่ถ้าคำนึงธรรมชาติที่ภูเขาไฟเคยมอบให้ ถามว่า คุ้มมั้ยถ้าต้องไปอยู่แถวนั้น ชาวเกาะที่มีภูเขาไฟเป็นของตนเองคงมีคำตอบอยู่ในใจแล้วแน่นอน
โฆษณา