18 มิ.ย. 2019 เวลา 11:29 • ธุรกิจ
เปิดประวัติแบรนด์เสื้อผ้าสุดคูล กว่าจะมาเป็น “UNIQLO”
เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะรู้จัก Uniqlo หรือ ยู-นิ-โคล่ แบรนด์เสื้อผ้าญี่ปุ่นซึ่งเป็นที่นิยมมากๆในประเทศเราแถมยังมีสาขาอยู่หลากหลายประเทศในโลก แต่ถ้าใครยังไม่รู้จัก วันนี้เราจะมาเล่าความเป็นมาของ Uniqlo ให้ฟังกัน
.
เกริ่นให้ฟังก่อนว่า Uniqlo จัดเป็นแบรนด์ที่มียอดขายอันดับ 1 ในญี่ปุ่นและอันดับ 4 ของโลก เพราะดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ยังคงมีสไตล์ ใส่สบาย ที่สำคัญคือ Uniqlo จะมีนวัตกรรมใหม่ๆที่ให้ความสบายแก่ลูกค้าเสมอๆ
.
Uniqlo ก่อตั้งโดย มร. ทาดาชิ ยาไน ที่เรียนจบแล้วต้องกลับมาดูแลกิจการของคุณพ่อต่อ แรกเริ่มนั้นพ่อของเขาขายเสื้อผ้าประเภทสูทที่มีชื่อบริษัทว่า โอโงริ โชจิ แต่เมื่อเขาได้กลับมาบริหารจึงเกิดมีแนวคิดใหม่ๆด้วยการทำเสื้อผ้าลำลอง
.
ในปี 2527 “Uniqlo” ได้เปิดทำการร้านแรกที่เมืองฮิโรชิม่า, ประเทศญี่ปุ่น จากนั้นร้านได้ประสบความสำเร็จมากจึงได้เปิดสาขาที่ 2 ในเมืองเดิมโดยมีขนาดใหญ่กว่าสาขาแรกหลายเท่า แต่การตัดสินใจเปิดสาขาสองกลับไม่เป็นไปตามที่หวัง จึงต้องมานั่งปรับกลยุทธ์กันใหม่
.
ต่อมาในปี 2534 ได้ทำเปลื่ยนชื่อบริษัทจากบริษัท โอโงริ โชจิ เป็นบริษัท Fast Retailing โดยหลังจากที่มีการปรับกลยุทธ์และค่อยๆดูกระแสตลาด ก็ทำให้ Uniqlo เข้าที่เข้าทางมากขึ้นจนในปี 2537 ได้มีการเปิดสาขาในเมืองต่างๆทั่วญี่ปุ่นถึง 100 แห่ง
.
สิ่งที่ช่วยให้ Uniqlo ประสบความสำเร็จคือการมองเห็น “ช่องว่าง” ของตลาดเสื้อผ้าในขณะนั้น โดยที่เสื้อผ้าแบรนด์เนมก็จะมีราคาแพง แต่เสื้อผ้าที่ไม่ใช่แบรนด์เนมก็ยังไม่ค่อยมีคุณภาพที่ดีเท่าไหร่ Uniqlo จึงทำสินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่ “จับต้องได้” และมีดีไซน์ที่ไม่เหมือนใครแต่เน้นการใช้ในชีวิตประจำวันเป็นหลักหรือที่เรียกว่า “Life Wear”
.
Uniqlo ทำธุรกิจแบบ SPA Model หรือที่ย่อมาจาก Speciality store retailer of Private label Apparel นั่นคือการทำธุรกิจครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ การหาวัตถุดิบ การผลิต ไปจนถึงการขายปลีก ซึ่ง SPA Model จะช่วยให้เจ้าของแบรนด์ทราบได้ทันทีว่าสินค้าตัวไหนขายได้หรือไม่ได้ เนื่องจากมีร้านค้าปลีกเป็นของตัวเอง
.
จากนั้นในปี 2541 Uniqlo จึงเปิดร้านในย่านฮาราจุกุเป็นที่แรก ซึ่งฮาราจุกุเป็นย่านที่เปรียบเสมือนใจกลางแฟชั่นที่สำคัญของญี่ปุ่นและของโลก และต่อมาในปี 2544 Uniqlo ก็ได้ขยายตัวและมีสาขาอยู่ทั่วญี่ปุ่น 500 แห่ง
.
ต่อมาในปี 2545 Uniqlo ตัดสินใจที่จะขยายกิจการไปประเทศอื่นจึงได้มีการเปิดสาขาที่เซี่ยงไฮ้, ประเทศจีน และเปิดอีก 4 สาขาแรกที่ลอนดอน, ประเทศอังกฤษ แต่มีทีท่าว่าจะไม่ดีนัก ในปี 2547 จึงได้ทำการตลาดใหม่ด้วยการร่วมมือกับนิตยสารญี่ปุ่นและนักออกแบบคนใหม่หลายคน รวมไปถึงการจ้างคนมีชื่อเสียงมาถ่ายโฆษณา
.
หลังจากปรับแผนการตลาดก็ทำให้ Uniqlo กลับมาฟื้นฟูได้อีกครั้ง จนในปี 2548 มีสาขาอยู่ทั่วญี่ปุ่นกว่า 700 สาขาและได้ทำการขยายพื้นที่ไปในเมืองใหญ่ๆของโลก ได้แก่
- สหรัฐอเมริกา (นิวยอร์ก)
- ฮ่องกง (จิมซาจุ่ย)
- เกาหลีใต้ (กรุงโซล)
และในปี 2553 ก็ได้กำเนิด Uniqlo สาขาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย(นอกประเทศ)ขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอ, ประเทศมาเลเซีย พร้อมกับการจ้างดีไซน์เนอร์เพื่อปรึกษา และปล่อยคอลเลคชั่นเสื้อผ้าใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง จนแบรนด์ Uniqlo กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกในยุคนี้
.
ปัจจุบัน Uniqlo มีสาขาอยู่ถึง 1,920 สาขาใน 18 ประเทศทั่วโลก ทำให้บริษัท Fast Retailing เจ้าของแบรนด์ “Uniqlo” และ “GU” มีรายรับ 618,000 ล้านบาทและกำไร 305,000 ล้านบาทจากข้อมูลในปีที่ผ่านมา(2561)
.
กว่าจะมาเป็น Uniqlo วันนี้ไม่ง่ายเลย ต้องยอมรับเลยว่า มร.ทาดาชิ ยาไน ผู้ก่อตั้ง Uniqlo และบริษัท Fast Retailing คือนักธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ ความอดทน และการปรับตัวที่อยู่ในระดับแนวหน้า ทำให้เขาพา Uniqlo มาถึงจุดนี้ได้
.
จากลูกชายของร้านขายสูทที่เกิดไอเดียใหม่และลงมือทำ ผ่านการล้มลุกคลุกคลานและสะดุดอยู่หลายรอบ กว่าจะประสบความสำเร็จขนาดนี้ได้ ต้องผ่านอะไรมามากมาย ดังนั้นอุปสรรคจึงไม่ได้มีไว้ให้ทุกคนท้อ แต่มีไว้ให้ปรับตัว เรียนรู้ และก้าวต่อไป เหมือนกับ “Uniqlo”
ใครสนใจเรียนรู้เรื่องการลงทุน
สอนหุ้นแนวเทคนิค..พื้นฐานฟรี ‼️‼️
LINE SQUARE
[PRB เรียนรู้หุ้นฟรี]
กดที่ลิงค์ได้เลย
โฆษณา