18 มิ.ย. 2019 เวลา 14:41 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
บางคนเรียกเค้าว่าอัจฉริยะ บินมาจากสิงคโปร์เพื่องานนี้ (จริงๆเราว่าพิธีกรก้อพูดเว่อร์ไป เค้ามาพูดงาน Tech Sauce พรุ่งนี้ด้วยนะ) ..มุมมองงี้คมมาก ทั้งๆที่ใช้ภาษาธรรมดาๆค่ะ
จากที่เค้าแนะนำตัว ดร. สันติธาร เสถียรไทย นักเศรษฐศาสตร์ (ดาวรุ่งของเอเชีย) เคยทำงานที่ธนาคารเครดิต สวิส 8 ปีในตำแหน่งหัวหน้าทีมวิเคราะห์โซนเอเชีย เคยถูกสิงคโปร์เชิญไปให้ทำงานด้วย ปัจจุบันเป็นผู้บริหารของบริษัท SEA Group ที่เป็นแม่ของ Garena, Shopee และ AirPlay
ตอนย้ายมาทำที่ SEA Group ตำแหน่งที่เค้าเป็นนี่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ Founder คุยด้วยแล้วชอบ บอกให้ไปคิดมาว่าตัวเองจะเข้ามาทำตำแหน่งอะไรในบริษัท.... สร้างตำแหน่งด้วยตัวเอง (ย้ายจากการเงิน มาทำ Tech)
หนังสือที่เขียนจะเขียนแนวพ่อคุยกับลูกเพราะต้องการสื่อถึงลูกที่กำลังจะโตขึ้นไปเจออะไร ในอนาคต
-เดิมโลกเป็นยุคการค้า ทำอุตสาหกรรมมาเพื่อขาย>> ต่อมาเป็นยุคการเงิน (มักเกิดวิกฤตการเงินบ่อยๆ เช่น เตกิล่า, ต้มยำกุ้ง, แฮมเบอร์เกอร์...ชื่ออาหารทั้งนั้น) >> เข้าสู่ยุคปัจจุบันคือยุคที่โลกเชื่อมกันด้วย Data
..อยากรู้ว่าโลกเป็นยุคอะไร ให้ดูหน้าตาของบริษัทที่เป็น Topๆ หรือดูว่านักเรียนอยากไปเรียนต่อที่ไหน เมื่อก่อนอยากเรียน MBA เดี๋ยวนี้อยากเรียน Data science, อยากไปทำบริษัท Tech
-เดิมบริษัทTech อยู่อเมริกา ตอนนี้ย้ายขั้วมาเป็นจีน
มหาอำนาจที่เเข่งขันกันอยู่ทำให้ประเทศเล็กๆมีอำนาจต่อรองมากขึ้น อย่างเช่นอินโดนีเซียต่อรองรถไฟความเร็วสูงกับจีน
-การค้าออนไลน์ของเอเชียคิดเป็นสัดส่วนเพียง 2-3% เท่านั้น ในขณะที่อเมริกาเป็น 1x% จีนเป็น 2x%... แปลว่าไทยตามหลังจีนอยู่ 8 ปี
-จากรายงาน Internet report 2019 ของ Mary Meeker ราชินีแห่งเทค เค้าจะอัพเดททุกปี ถึงรายงานมันจะดูน่าเบื่อแต่คนทั่วไปจะใช้อันนี้เป็น guideline แนวโน้มอุตสาหกรรมตลอด...ปี 2019 มีความพิเศษคือเป็นครั้งแรกที่ คนใช้อินเตอร์เนทมีจำนวนมากกว่าคนไม่ใช่เนท แปลว่าเรื่องง่ายๆที่เกี่ยวกับเนทเราทำไปหมดแล้ว
-บริษัทที่เป็น platform ยิ่งทำ ยิ่งคนใช้เยอะ ยิ่งมีมูลค่าเยอะเพราะมีnetwork effect พวกstart up เริ่มไม่แข่งกันเองเเล้ว หันมาจับมือกันรวมทั้งไปจับมือกับบริษัทใหญ่ๆด้วย เช่นกับ Bank การปล่อยกู้เริ่มเปลี่ยนจาก collateral-based loan >> information-based loan คือไม่ต้องมีหลักประกันแต่ใช้ข้อมูลพฤติกรรมเราแทน อย่าง Ant financial ของ Alibaba
-บริษัทที่จะถูก disrupted ไปก่อนคือพวกที่ไม่ตื่นตัว ไม่ยอม disrupted ตัวเอง ยกตัวอย่าง Gerena เมื่อก่อนไปซื้อเกมมาปรับแต่ง ตอนนี้ยอมเปิดกว้างให้พนักงานพัฒนาเกมเอง จน free fly ติดอันดับ Top 5 และเป็นเกมที่ถูกdownload แล้ว 450 ล้านครั้ง มีคนเล่นวันละ 50 ล้านคน แล้วไปฮตแถบลาตินอเมริกา.. SEA listed ใน NYSE มีมูลค่าเทียบเท่ายูนิคอร์นแล้ว
-Shoppee เข้ามาทีหลัง Lazada แต่ด้วยคอนเซป we run กล้าเปิดตัวเวบไซต์พร้อมกัน 7 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยที่แต่ละประเทศมีภาษาและฟังก์ชั่นของตัวเอง ซึ่งตอนนั้นถือว่าเสี่ยงมาก แต่ตอนนี้ประสบความสำเร็จแล้ว
-ชอบที่ Kai Fu Lee พูดว่า AI ไม่ได้จะมาแทนที่คน แต่มันเป็นสิ่งที่บอกว่า..อะไรที่ทำให้เราเป็นคน (แตกต่างจากหุ่นยนต์) เค้าคิดได้ตอนป่วยเป็นมะเร็งใกล้จะตาย มาคิดว่าอะไรคือความเป็นคน..
1)คนมี creativity ความคิดสร้างสรรค์
2)คนมี compassion คือความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ
ดึงทักษะความเป็นคนออกมาใช้เพื่อเอาชนะ AI
-ระบบการศึกษาปัจจุบันมันเตรียมคนเพื่ออุตสาหกรรมยุคเก่า เรียนเพื่อลดความผิดพลาด แต่ปัจจุบันเรียนเพื่อ learn how to learn..เพื่อเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะ 60% ของอาชีพในอนาคตจะไม่ใช่อาชีพที่มีในทุกวันนี้(ซึ่งก้อยังไม่รู้ว่ามันจะเป็นอาชีพอะไรบ้าง) ดะงนั้นวันนี้ต้องเรียนเพื่อที่รู้ว่าล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ได้
ที่ Sweden เปิด Museum of Failed Innovation เช่นซอส Heize เคยทำสีเขียว Colgate เคยออกลาซานญ่าแช่เเข็งเพื่อที่จะบอกว่าแปรงฟันด้วน Colgate แล้วกินลาซานญ่าอร่อยขึ้น...Sweden ต้องการจะบอกคนในประเทศว่ามันเป็น Museum ที่รววบรวมความคิดสร้งสรรค์ ต้อง failed กันมาก่อนทั้งนั้น
ค่านืยมทั้งไทยและสิงคโปร์ในปัจจุบันไม่นิยมความล้มเหลว..ห้ามล้มเหลว ซึ่งมันปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ เพราะความคิดสร้างสรรค์มันต้องล้มเหลวมาก่อน
-มีบทความหรือหนังสืออะไรสักอย่างบอกว่า มหาวิทยาลัยจะเดินตามโลกดนตรี..โลกดนตรีมันถูก disrupted ไปก่อนเพื่อน ไม่มีเทป ไม่มี CD แล้ว อยากฟังเพลงไหนก้อจ่ายแค่เพลงนั้น มหาวิทยาลัยก้อเช่นกัน จะจบปริญญาไม่ร้องเรียนตามหลักสูตรเเล้ว อยากลงคอรร์สไหนก้อลงเลย อยากเรียนกฎหมาย การเงิน data science ก้อลงไปตามรายวิชา..เป็นไปได้ว่าการสมัครงานในอนาคตไม่ต้องใช้ใบปริญญา
-ต่อไปบริษัทจะมองหาคนที่มี mind set แบบ C O R E
C-Coordination ทำงานกับทีมได้
O-Open mindset เปิดกว้าง อีโก้ต่ำๆหน่อย
RE- Resilient ยืดหยุ่น ทนทาน เหมือนหนังสือชื่อ GRIT คืออึด อดทน วิริยะอุตสาหะ พลาดแล้วต้องทนได้
-Mindset ของการเรียนรู้ตลอดชีวิตคือ
1)ลด Ego ของตัวเองลงบ้าง, humble ฟังความเห็นคนอื่นบ้าง
2)Curiosity สงสัย ตั้งคำถาม
3)Courage กล้าที่จะออกนอกกรอบที่เราไม่คุ้นเคย
เปิดรับความคิดของคนรุ่นเก่าบ้าง..เพราะเค้าก้อมี Data ..แต่มันอยู่ในรูปของ 'ประสบการณ์'
-ชอบอ่านหนังสือของ Yuval Harari...เค้าเหมือนมนุษย์ต่างดาว มองเข้ามาในมนุษย์
จบค่า^^
โฆษณา