Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
คิด วิเคราะห์ แยกแยะ
•
ติดตาม
19 มิ.ย. 2019 เวลา 15:58 • การศึกษา
ทำยังไงให้ภาษาอังกฤษใช้งานได้จริงๆ EP 2
บทความก่อนหน้านี้ผมเล่าถึงเรื่องว่าผมฝึกภาษาอังกฤษยังไงให้เอาไปใช้จริงๆจังๆได้ โดยผมก็เริ่มต้นด้วยการฟัง ฟัง ฟัง และก็ฟัง ในท้ายบทความผมทิ้งท้ายไว้ว่าจะมาแบ่งปันวิธีการฝึกพูดภาษาอังกฤษในแบบของผม
อย่างที่เคยบอกไว้ วีธีการเรียนรู้ภาษาของมนุษย์โดยธรรมชาตินั้นต้องเริ่มจาก ฟัง>พูด>อ่าน>เขียน เหตุผลที่เรายังสื่อสารภาษาอังกฤษด้วยการพูดไม่ได้ก็เพราะเราเรียนแบบผิดกระบวนการ หลายๆคนเก่งเรื่องการเขียน มาก อ่านหนังสือภาษาอังกฤษพวก text book ได้เข้าใจ มีคลังคำศัพท์ในสมองมากมาย แต่ถึงเวลาต้องพูดกลับทำไม่ได้
ถ้ากลับไปอ่านบทความก่อนหน้านี้ ผมเล่าว่าผมฟังวิทยุ podcast ดูหนังเป็นภาษาอังกฤษแทบจะทุกเวลาที่ผมมีโอกาส เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่งผมจะเริ่มฟัง content ต่างๆที่เป็นภาษาอังกฤษออก ผมก็จะเริ่มออกเสียงตามไม่ต้องทุกประโยคที่ได้ยินนะ แค่บางประโยคก็พอ และผมก็ทำซ้ำๆอย่างนั้นไปเรื่อยๆจนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ผมก็ไม่แน่ใจ แล้วจู่ๆวันนึงผมก็มารู้ตัวเองว่าเริ่มพูดภาษาอังกฤษได้ก็ตอนที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วจำได้ว่าเมื่อคืนฝันเป็นภาษาอังกฤษ แบบเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ หลังจากนั้นผมก็เริ่มพูดกับตัวเองหน้ากระจก หรือตอนกำลังขับรถ เล่าเรื่องราวที่ตัวผมเองเห็นเป็นภาษาอังกฤษด้วยการแต่งประโยคง่ายๆ ผมคิดว่าผมฝึกอยู่แบบนี้ราวๆ 2 ปี จนถึงวันที่ผมได้มีโอกาศไปทำงานต่างประเทศ...
ตอนนั้นบริษัทที่ผมทำงานอยู่มีโครงการสร้างโรงงานในต่างประเทศ และด้วยความที่ผมเรียนจบและมีประสบการณ์ด้านวิศวกรรมโยธา บริษัทจึงส่งผมไปดูแลงานในส่วนการก่อสร้างโรงงาน ทำงานร่วมกับชาวต่างชาติจากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Indonesia, India, Canada, Switzerland, Iceland, Colombia, Germany และ China ในเวลานั้นผมไม่ได้พูดภาษาอังกฤษได้ลื่นไหล เรียกได้ว่าแค่พอถูไถ ผมจึงค่อนข้างกังวลว่ามันจะเป็นปัญหาหรือเปล่า แต่เมื่อผมไปถึงที่นั้นจริงๆแล้ว ผมได้เข้าใจอะไรหลายอย่างๆเกี่ยวกับการใช้ภาษาอังกฤษที่เข้าใจผิดมาโดยตลอด
เราเรียนภาษาอังกฤษกันแบบจับผิดมาโดยตลอด ทั้งเรื่องแกรมม่าและเรื่องสำเนียง ทุกอย่างต้อง perfect อย่างหลังนี่เห็นได้ชัดที่สุดคือเราเรียนในห้องเรียนเพื่อให้พูดภาษาอังกฤษได้แบบสำเนียง native ไม่ว่าจะแบบอเมริกัน (American accent)หรือแบบอังกฤษ (British accent) แต่พอเราพยายามพูดสำเนียงแบบนั้นในชีวิตจริงๆ เราจะโดนหาว่า “กระแดะ” และนี่คือกำแพงอย่างหนึ่งที่ทำให้คนไทยไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ
เมื่อผมไปทำงานที่ต่างประเทศ ผมพบว่าเพื่อนร่วมงานทุกๆเชื้อชาติต่างพูดภาษาอังกฤษในสำเนียงของตนเอง ไม่มีใครพยายามจะพูดภาษาอังกฤษแบบ native speaker เพราะคนที่เขาเป็น native เขาเข้าใจดีว่าภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นภาษาหลักของเรา สิ่งที่เขาคาดหวังมีเพียงสองสิ่งคือคุณฟังเขาเข้าใจ และเขาเข้าใจสิ่งที่คุณพูด เรื่องแกรมม่าก็เช่นกัน ไม่มีใครมาจับผิดคุณว่าคุณจะใช้ Tense ถูกตามหลักไวยกรณ์หรือเปล่า
การที่คุณจะพุดภาษาอังกฤษได้แบบเจ้าของภาษามันเป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณสามารถใช้สื่อสารได้จริงๆ ฉะนั้นเมื่อถึงเวลาที่คุณมีโอกาสได้ใช้มัน คุณต้องอย่าอาย อย่ากลัวหรือกังวล เมื่อคุณได้ใช้มันบ่อยๆหลักไวยกรณ์ต่างๆ มันจะมาเอง สิ่งสำคัญมากๆเลยคืออย่ากลัวว่าจะใช้มันผิด เพราะขนาดเราพูดภาษาไทยบ้างครั้งก็ยังพูดผิดได้เลย หรือบางครั้งเราฟังภาษาไทยเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แล้วจะนับประสาอะไรกับภาษาอังกฤษ ฉะนั้นพูดๆไปเถอะ ถ้าคนฟังไม่เข้าใจเดี๋ยวเขาก็จะขอให้คุณพูดใหม่เอง
ภาษาอังกฤษสำหรับคนรุ่นผมอาจจะเป็น “ความสามารถพิเศษ” ไม่จำเป็นว่าทุกคนต้องพูดได้ แต่สำหรับน้องๆรุ่นใหม่ภาษาอังกฤษคือ “ความสามารถพื้นฐาน” ที่ทุกคนต้องมี กล่าวคือถ้าคุณพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ในโลกยุคปัจจุบันหรือในอีก 10 ปีข้างหน้า คุณจะกลายเป็นคนที่มีความสามารถด้อยกว่าคนอื่นทันที
คุณต้องคิดแล้วละว่าความสามารถคุณพร้อมสำหรับโลกยุคใหม่หรือยัง
#คิดวิเคราะห์แยกแยะ
1 บันทึก
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย