21 มิ.ย. 2019 เวลา 07:45 • กีฬา
เฟอร์นานโด ตอร์เรส ศูนย์หน้าวัย 35 ปีประกาศอำลาอาชีพนักฟุตบอล
ย้อนไปปี 2007 ข่าวการย้ายทีมของพ่อหนุ่ม "เอล นินโญ่" (แปลว่า เด็กน้อย ซึ่งเป็นฉายาที่เจ้าตัวไม่ค่อยปลื้ม) จากแอตเลติโกมาดริด มา ลิเวอร์พูล เป็นข่าวที่ืำให้แฟนลิเวอร์พูลมือสั่น หัวใจเต้นระรัว สมัยนั้นยังไม่มีเฟสบุ๊ก ไม่มีทวิตเตอร์ แฟนลิเวอร์พูลชาวไทยล้วนไปรวมตัวกันที่ www.thekop.in.th
แน่นอนว่าเว็บบอร์ดแทบแตก ตั้งแต่มีข่าวจนถึงเซ็นสัญญา ไม่มีใครอยากจะเชื่อว่าตอร์เรส ศูนย์หน้าดาวรุ่งโคตรฮอต (นึกถึงเอมบาปเป้) ว่าที่กองหน้าเบอร์หนึ่งของสเปน จะย้ายออกจากสเปนมาลิเวอร์พูลจริง ๆ
ตอร์เรสไม่เคยทำให้แฟนบอลหยุดตื่นเต้นได้เลย ท่วงท่าที่โคตรสง่างามยามลงสนาม ทักษะและความเข้าขากับสตีเว่น เจอร์ราร์ด ส่งให้ตอร์เรสเป็นดาวยิงที่ครบเครื่องที่สุดเท่าที่ลิเวอร์พูลเคยมี ทั้งบุคลิก ภาพลักษณ์ หน้าตา ทักษะการจับบอล การทำประตู การเคลื่อนที่ ทุกสิ่งทุกอย่างดูเพอร์เฟ็คไปหมด มันสวยงามทั้งวิธีการเล่นและสถิติที่เขาทำไว้
ทำให้เขาเป็นศูนย์หน้าคนแรกนับจากร็อบบี้ ฟาวเลอร์ในปี 1996 ที่ทำประตูได้เกิน 20 ประตู (24 ในลีก และ 33 จากทุกรายการ) และยังทำ 50 ประตูแรกเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร (ในตอนนั้น)
ทุกตำนานย่อมมีการจากลา แต่แฟนบอลไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเร็วขนาดนั้น ตอร์เรสขอย้ายทีมในช่วงกลางเดือนมกราคม 2011 ทั้งที่สโมสรเพิ่งซื้อหลุยส์ ซัวเรสมาเล่นร่วมกัน ทำให้คิงเคนนี่ ดัลกลิชไม่มีทางเลือก จำต้องแบ่งเงิน 35 จาก 50 ล้านปอนด์ที่ได้จากเชลซีไปซื้อ แอนดี้ แคร์โรล มาแทน เท่านั้นไม่พอ มีการแปลคำพูดภาษาสเปนจากตอร์เรสว่า "เชลซีเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมง"
นั่นทำให้รักกลายเป็นโกรธ จนถึงขั้นเผาเสื้อเบอร์ 9 ของตอร์เรส แล้วเขาก็กลายเป็น "จูดาส" หรือ "ไอ้คนทรยศ" คนใหม่ของแฟนบอลลิเวอร์พูล
หลังจากย้่ายไปเชลซี ฟอร์มของตอร์เรสไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเดิม ทำประตูได้น้อยลงจนถูกเรียกว่า "ตอไม้" ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเขาอายุ 27 ปี ซึ่งควรจะเป็นจุดพีคของนักฟุตบอล
เมื่อมองย้อนกลับไปในตอนที่เขารับใช้ลิเวอร์พูล ความโกรธนั้นก็ค่อยผ่อนลงจนกลายเป็นความสงสาร และขอโทษที่ลิเวอร์พูลมีส่วนทำให้ชีวิตเขาเป็นแบบนั้น
ตอนที่ย้ายมาจากแอตเลติโก ตอร์เรสเพิ่งพ้นจากคำว่าดาวรุ่งได้ไม่นาน นักเตะวัย 23 ปี รับเสื้อเบอร์ 9 และก้าวขึ้นมาเป็นความหวังของมวลมนุษย์หงส์แดง
ด้วยแผน 4-5-1 หรือ 4-4-1-1 ในตอนนั้น ทำให้ ตอร์เรสต้องรับบทบาท หน้าเป้า โดยมีกัปตันยืนกลางรุก/หน้าต่ำ ทุกคนช่วยกันป้อนบอลให้ตอร์เรสควบไปทำประตู
ซีซั่นแรก ตอร์เรสลงเล่นถึง 46 เกม (เกมลีก: 29+4, UCL 10+1) แน่นอนว่าเป็นรองเพียงเจอร์ราดในบรรดาผู้เล่นเกมรุก (52 เกม) เขาทำไป 33 ประตูจากทุกรายการ รองลงมาคือเจอร์ราดที่ 21 ประตู (เกมลีก 11 ประตู) ตามด้วยปีเตอร์ เคราซ์ (เกมลีก 5 ประตู), เดิร์ก คอยท์ (3 ประตูในลีก), เบนายูน (4 ประตูในลีก) ทำไปทุกรายการคนละ 11 ประตู นอกจากนี้ก็มีไรอัน บาเบล (10 ประตู) และจากคนอื่น ๆ คนละนิดละหน่อย
แต่ตอร์เรสไม่ได้รางวัลอะไรเลยในฤดูกาลสุดพีคนั้น เขาเป็นรองดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก, พลาดรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA และ FWA ให้กับคริสเตียโน โรนัลโด้, ดาวรุ่งยอดเยี่ยมก็ตกเป็นของ.เชสก์ ฟาเบรกาส, UCL ตกรอบเซมิไฟนอล และ พรีเมียร์ลีกก็จบอันดับ 4
ความจริงแล้วเชลซีพร้อมจะจ่าย 50 ล้านปอนด์ตั้งแต่ซัมเมอร์ 2008 แต่สโมสรไม่ขายและตอร์เรสก็ไม่ย้าย
ต้องยอมรับว่า ตอนนั้นวิทยาศาสตร์การกีฬาของสโมสรยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร และมันก็ส่งผลกับตอร์เรส เริ่มซีซั่น 2008 ได้ไม่นาน ตอร์เรสมีอาการบาดเจ็บที่แฮมสตริง พักรักษาเกือบเดือน เขาทำผลงานได้ดีแต่อาการเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำให้ตอร์เรสเล่นได้น้อยลงเกือบ 10 เกม และทำได้เพียง 14 ประตูในลีก และ 17 ประตูจากทุกรายการ
ตอร์เรสไม่สามารถทำได้ถึง 20 ประตูในซีซั่นเดียวอีกเลย ยิ่งเห็นได้ชัดในปี 2010 ก่อนย้ายทีมว่าร่างกายของเขาไม่เหมือนเดิม
ตอร์เรสรู้สึกผิดหวังกับการที่ทีมปล่อย ซาบี อลองโซ่ (2009), อัลบาโร อาเบลัว (2009), ฆาเบียร์ มาสเคราโน (2010)
ปี 2011 ลิเวอร์พูลเพิ่งได้เจ้าของทีมคนใหม่ และนั่นคือจุดสิ้นสุดเส้นทางของดาวยิงสเปนกับสโมสรจากเมอร์ซีไซด์
"โคมอลลี่ (ผอ.กีฬาในตอนนั้น) บอกผมถึงแนวคิดของเจ้าของใหม่ในการใช้จ่ายลงทุน"
"พวกเขาต้องการนำเข้าผู้เล่นอายุน้อย เพื่อที่จะสร้างอะไรใหม่ ๆ"
"ผมคิดว่า มันต้องใช้เวลา 2, 3, 4 หรืออาจจะถึง 10 ปี"
"ผมไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น ผมอายุ 27 ปี ไม่เหลือเวลาให้รอแล้ว ผมต้องการที่จะชนะ"
"เราจะอยู่กันอย่างนี้ 5 ปีหลังจากนี้ และพวกเขาก็กำลังสร้างทีมอยู่ ตำแหน่งเดิม ๆ ในตารางพรีเมียร์ลีก ไม่เปลี่ยนจากตอนที่ผมออกจากสโมสร"
"ผมถูกวาดภาพเป็นคนทรยศ ซึ่งมันไม่ใช่แบบนั้นบนโต๊ะเจรจา"
"ลิเวอร์พูลไม่สามารถยอมรับได้ว่าพวกเขาทำผิดพลาดกันทั้งทีม มันต้องมีใครสักคนเป็นคนผิด"
หลังจากย้ายออกจากลิเวอร์พูล เป็นเวลา 9 ปีแล้ว ที่ตอร์เรสไม่เคยยิงได้ถึง 10 ประตูในแต่ละซีซั่นของทุกลีกที่เขาลงเล่น (ยกเว้น 2015-16 ทำไป 11 ประตู)
ตอร์เรสทำได้ทั้ง เอฟเอคัพ (2011-12), แชมเปี้ยนส์ลีก (2011-12), ยูโรป้าลีก x2 (2012-13, 2017-18) ในฐานะกองหน้าตัวหมุนเวียนของทั้งเชลซีและแอตเลติโกมาดริด
ลิเวอร์พูลในยุคของเสี่ยเฮนรี่ก็เดินผิดเดินถูกอยู่หลายปี (อย่างที่ตอร์เรสว่า) ก่อนจะมา (เริ่ม) ประสบความสำเร็จอย่างเป็นทางการในปี 2019
คงงัดเหตุผลมาสู้กันไม่จบ หากจะตั้งคำถามว่า เราสามารถเรียกเฟอร์นานโด ตอร์เรส ว่าเป็นตำนานทีมได้หรือไม่? เอาเป็นว่า เขาคือดาวยิงที่สง่างามที่สุด หนึ่งในเบอร์ 9 ที่ดีสุดของลิเวอร์พูล และมันคงไม่แปลกอะไร หาก Fernando Torres จะถูกเชิญมาโชว์ลวดลายให้กับทีม Liverpool Legends ในอนาคตข้างหน้า
Thank you for all scores and actions in red shirt
จุดจบของสิ่งหนึ่ง มักเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งใหม่ เส้นทางในโลกฟุตบอลของตอร์เรสกับลิเวอร์พูลอาจจบไปนานแล้ว แต่ความทรงจำที่มีต่อ ดาวยิงเบอร์9หน้าสวย จะอยู่กับแฟนลิเวอร์พูลตลอดไป และเชื่อว่าตอร์เรสจะให้เป็นกำลังใจให้ลิเวอร์พูลตลอดไปเช่นกัน
แล้วพบกันเมื่อทีมตำนานต้องการ
#FernandoTorres #Best9 #AlwaysRed
โฆษณา