22 มิ.ย. 2019 เวลา 09:41 • การศึกษา
ตอนที่ 61 ยาพ่นแก้คัดจมูกใช้ต่อเนื่องได้หรือไม่
โรคยอดฮิตของคนไทยโรคนึงคงหนีไม่พ้นจมูกอักเสบภูมิแพ้ หรือที่เรียกว่าแพ้อากาศนั่นเอง หลายคนมียาพ่นจมูกใช้ประจำ แล้วยาตัวไหนใช้ต่อเนื่องได้ตัวไหนไม่ได้ มาดูกันหน่อยดีกว่าฮะ!
อาการของโพรงจมูกอักเสบไม่ว่าจากภูมิแพ้ หรือจากการเป็นหวัด ก็คือ คัดจมูก มีน้ำมูกไหล ยิ่งถ้าใครเป็นนานๆ บ่อยๆ ก็มีโอกาสจะเป็นโพรงไซนัสข้างจมูกอักเสบได้ด้วย (มีน้ำมูกข้น และอาจมีน้ำมูกไหลลงคอตลอดเวลา) การรักษาที่ดีที่สุดในกรณีเป็นภูมิแพ้ คือการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ เช่น ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ ดอกหญ้า ขนและรังแคของแมว เป็นต้น
คราวนี้พออาการยังไม่ดี หมอก็มักจะจ่ายยาแก้แพ้ และแก้คัดจมูกให้ใช้ ซึ่งมีทั้งแบบกินและแบบพ่นจมูก เราพอจะแบ่งประเภทของยาพ่นจมูกได้เป็นประเภทใหญ่ๆ 3 อย่าง ดังแสดงในแผนภาพฮะ
1. น้ำเกลือล้างจมูก น้ำเกลือมีทั้งที่เป็นแบบเป็นขวดสำเร็จขวดใหญ่ๆ ขวดเล็กที่เป็นน้ำเกลือแบบเข้มข้นหน่อย หรือเป็นแบบซองชงน้ำเอง เป้าหมายของน้ำเกลือล้างจมูกคือ ล้างกำจัดสารก่อภูมิแพ้ ฝุ่น เกสร หรืออะไรก็แล้วที่ที่ตกค้างบนเยื่อบุโพรงจมูกและทำให้เรามีอาการแพ้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้น้ำเกลือยังช่วยล้างน้ำมูกที่เหนียวข้นให้หลุดออก ช่วยให้โพรงไซนัสระบายออกได้ดี ดังนั้นจึงมีประโยชน์ในกรณีไซนัสอักเสบด้วยนะฮะ การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือไม่ค่อยมีผลช้างเคียง นอกจากกรณีที่น้ำเกลือมีความเข้มข้นมากก็อาจจะมีอาการแสบจมูกบ้างเท่านั้น ดังนั้นสามารถใช้ได้บ่อยครั้งตามต้องการ ตามปกติแนะนำวันละ 1-2 ครั้ง หรือเมื่อไปสัมผัสถูกฝุ่นปริมาณมากๆ เป็นต้น
2. ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก (intranasal steroid) ยากลุ่มนี้ใช้กับผู้มีอาการน้ำมูก/คัดจมูกจากภูมิแพ้โดยเฉพาะ โดยสเตียรอยด์จะไปทำให้อาการภูมิแพ้ของเยื่อบุโพรงจมูกทุเลาลงโดยเป็นผลเฉพาะที่ ปริมาณของสเตียรอยด์ที่ผสมอยู่ก็มีปริมาณต่ำมาก ตามปกติจึงไม่เกิดผลเสียต่อร่างกายเหมือนสเตียรอยด์ชนิดกินหรือฉีด (นอกจากใช้พ่นปริมาณมากๆๆ ในเด็กตัวเล็กๆ เท่านั้น) ตามปกติแพทย์จะสั่งให้ใช้ต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างสั้นๆ ก็ 1-2 อาทิตย์จึงจะเห็นผลชัดเจน โดยปกติมักต้องใช้ต่อเนื่องหลายเดือน หรือในบางรายอาจต้องใช้ไปตลอด ยากลุ่มนี้สามารถใช้พ่นต่อเนื่องได้ ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใดฮะ
3. ยาพ่นลดอาการคัดจมูกชนิดหดหลอดเลือด (topical nasal decongestant) ยาตัวนี้ทำขึ้นเพื่อใช้ลดอาการบวมของเยื่อบุโพรงจมูกโดยออกฤทธิ์โดยตรงต่อหลอดเลือด ดังนั้นฤทธิ์ของยาจะเห็นผลเร็วมากใน 5-10 นาทีและทำให้จมูกโล่งได้อย่างชัดเจน (ราวกับเป็นยาวิเศษเลยทีเดียวฮะ!) ยากลุ่มนี้มีหลายชนิด ได้แก่ oxymetazoline, ephredrine, phenylephrine ซึ่งสังเกตได้จากฉลากยา แต่ถ้าจำไม่ได้ก็สังเกตง่ายๆ ว่าตัวไหนพ่นแล้วจมูกโล่งแบบสุดๆ ในเวลารวดเร็ว ก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามันคือยากลุ่มนี้นั่นละฮะ ยากลุ่มนี้แม้จะดูเป็นยาวิเศษ แต่ผลจากการใช้ต่อเนื่องของมันดูไม่วิเศษสักเท่าไหร่เลย เพราะในกรณีที่ใช้ต่อเนื่องเกิน 5-10 วัน จะเริ่มเกิดอาการคัดจมูกจากยาแทน และเกิดการ "ติดยา" นั่นคือจะขาดยาไม่ได้ ถ้าขาดยาจมูกจะตันมากกว่าเดิมฮะ! ดังนั้นยากลุ่มนี้จึงมักให้ใช้เฉพาะชั่วครั้งชั่วคราว เช่น ในยามที่เป็นหวัดรุนแรงคัดจมูกมาก นอนไม่ได้ ก็อาจพ่นยาตัวนี้ก่อนนอน และใช้เป็นช่วงสั้นๆ ที่เป็นหวัดเท่านั้น ย้ำว่าไม่ให้ใช้ต่อเนื่องนะฮะ!
จริงๆ ยังมียาพ่นจมูกกลุ่มอื่นๆ อีก เช่น anti-histamine (แก้แพ้) หรือ anti-cholinergic ซึ่งไม่ได้แพร่หลายเท่ากับยา 3 กลุ่มที่กล่าวไป ดังนั้นถ้าได้รับมาจากแพทย์/เภสัช ก็ให้ใช้ตามคำสั่งฮะ
แถมเพิ่มเติมเรื่องวิธีพ่นยาซักนิดฮะ ในกรณีที่มีทั้งยาพ่นและน้ำเกลือล้างจมูก ให้ทำการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือก่อน จากนั้นรอให้น้ำเกลือไหลออกมาหมด (อาจต้องโคลงศีรษะด้านซ้าย-ขวาสักระยะเพื่อให้น้ำเกลือที่เข้าไปในโพรงไซนัสไหลออกมาหมดด้วย) แล้วจึงพ่นยาชนิดที่มีตัวยาฮะ เวลาพ่นจมูกข้างใดก็ให้เล็กหัวฉีดไปทางหัวตาที่อยู่ด้านเดียวกัน (เช่น พ่นจมูกขวาก็เล็งไปทางหัวตาขวา) จะได้ผลดีกว่าฉีดเข้าไปตรงๆ เนื่องจากเยื่อบุโพรงจมูกที่เป็นซอกหลืบและโพรงไซนัสนั้นอยู่ทางด้านข้าง ไม่ได้อยู่ในแนวกลางนั่นเองฮะ!
"เรื่องหมอง้ายง่ายกับมะไฟ" ตีพิมพ์เป็นคอลัมน์ประจำในหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ทุกวันศุกร์ สามารถติดตามได้ทั้งในหนังสือ และทาง Facebook & Blockdit “มะไฟ” ฮะ!
(สามารถโหลด app ได้ทั้ง iOS และ Android จากนั้น search หาชื่อ “มะไฟ” ได้เลยฮะ แล้วก็อย่าลืมกด follow เป็นอันเสร็จ!)
โฆษณา