Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ก
เก็บมาเล่า
•
ติดตาม
23 มิ.ย. 2019 เวลา 15:51 • ไลฟ์สไตล์
HAPPY PRIDE Month
ในโลกที่ไร้พรมแดนทั้งการสื่อสาร
และการไร้พรมแดนด้านความรัก
ภาพจากเพจแคทดั้มบ์
หากพูดถึงเรื่องความรักที่ข้ามข้อจำกัดของสังคม
ที่เรียกว่าLGBTQ+
ในอดีตเมื่อไม่นานมานี้ในสหรัฐอเมริกาจัดว่าเป็นอาการป่วยทางจิตชนิดหนึ่ง จนปีค.ศ.1973
สมาคมจิตเวชศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (APA)
ได้ออกมาประกาศว่าการรักรวมเพศไม่ถือว่าเป็นอาการป่วยอีกต่อไป
และต่อมาเมื่อวันที่21 มิถุนายน 2019สมาคมจิตวิเคราะห์แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ออกมากล่าวขอโทษอย่างเป็นทางการที่เคยกล่าววิเคราะห์ว่าการรักรวมเพศถือเป็นอาการป่วยทางจิต
เจ้าหน้าในสมาคมกล่าวว่า เรื่องมันผ่านมานานมากแล้วแต่เราต้องการออกมาขอโทษจากการสร้างความแบ่งแยกและความบอบช้ำทางจิตใจต่อหลายๆคนเนื่องจากวิชาชิพของเรา
และในปี1990 องค์การอนามัยโลกWHO ได้ถอดถอนเอา การรักร่วมเพศ ออกจากรายชื่ออาการป่วยทางจิต
ถ้าจะมองไปในประวัติศาสตร์ให้นานกว่านั้นจะเห็นว่ามีการจดบันทึกในประวัติศาสตร์ในหลายวัฒนธรรมโลกเกี่ยวกับการมีรักรวมเพศ
ท้ังในแนววรรณกรรม จดหมายเหตุ เรื่องเล่าต่างๆก็มีการจารึกไว้ อย่างในสังคมสาวชาววัง ในกรุงรัตนโกสินทร์ ก็มีบันทึกไว้กล่าวถึง การเล่นเพื่อน
ที่มีการหึงหวง ชิงรักหักสวาทราวกับละครช่องหลากสีเป็นที่สนุกสนาน แก่บุคคลรอบข้าง ดูแล้วไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดนัก ในสังคมชาววังแห่งสยามประเทศในเพลานั้น
ในสังคมญี่ปุ่นยุคโบราณ ก็กล่าวถึง ไดเมียวและซามูไรผู้ใหญ่ที่มักมีซามูไรเด็กหนุ่มหน้าตาดี ไว้คอยรับใช้ใกล้ชิดอยู่ข้างกาย เรียกว่านันโชคุ หรือซามูไรฝึกหัด คอยติดตามรับใช้ทั้งในยามปกติและยามมีศึกสงคราม ให้เป็นทั้งองครักษ์และคอยช่วยปลดเปลื้องอารมณ์เปลี่ยงเหงายามอยู่แนวหน้าไม่สะดวกพาสาวงามออกรบพุ่งด้วย
จะมีพิธีสานสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ เรียกว่าพีธี
ชูโด เมื่อผ่านพิธีแล้ว ซามูไรผู้ใหญ่ก็จะคอยสั่งสอนและส่งเสริมซามูไรเด็ก ให้มีความรู้ความสามารถตามอย่างที่ตนเองเคยร่ำเรียนมา ซึ่งซามูไรผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ จะมีความเชี่ยวชาญที่หลากหลายทั้งการฟันดาบ ขี่ม้า ยิงปืน ยิงธนู สู้ด้วยหอก การศาสนา การเมือง ศิลปะทั้งการชงชา ไปจนถึงการจัดดอกไม้เลยทีเดียว
ในสังคมตอนนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดแปลกหรือด้อยเกียรติแต่อย่างใด ซ้ำยังถือว่าเป็นเกียรติและแสดงถึงความใกล้ชิดระหว่างกันอีกต่างหาก ในซามูไรฝึกหัดนั้นก็ยังทำให้มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างรวดเร็วอีกด้วย
ในยุค ฮั่นตะวันตก(200ปีก่อนคริสตกาล-ค.ศ.8)ฮั่นอ่ายตี่ฮ่องเต้ ก็มีความหลงใหลในชายหนุ่มหน้าตาหมดจดนายหนึ่งนาม ต่งเสียน จนไม่สนใจใยดีในฮองเฮาและสาวสวรรค์กำนัลมากมายที่รายล้อม ปรนเปรอให้ทั้งยศฐาบรรดาศักดิ์มากมาย แม้กระทั้งราชสมบัติก็ยังยกให้ในวันสุดท้ายของชีวิตในวัยเพียง27ปี ที่ชิงไปเฝ้าเง็กเซียนก่อนวัยอันควร
แต่ฮองไทเฮารู้สึกว่ามันจะมากไป เลยชิงสมบัติมามอบให้หลานชายของตนซะ
เหตุการณ์ที่ที่แสดงให้เห็นถึงความรักของฮั่นอายตี่ที่มีมอบให้แก่ชายงามล่มเมืองผู่นี้คือ ตอนที่พระองค์และต่งเสียน นอนพักกลางวันอยู่บนแท่นบรรทมเดียวกันแต่พระองค์ทรงตื่นบรรทมก่อนแต่ต่งเสียนยังคงหลับสนิทอยู่ และได้นอนทับแขนของพระองค์ไว้ ด้วยความไม่อยากรบกวนการนอนของชู้รัก จึงทรงใช้กรรไกรตัดแขนเสื้อของพระองค์เองที่ต่งเสียนนอนทับอยู่ จนมีสำนวนจีนบทหนึ่งกล่าวว่า ต้วนซิ่วจือผี
แปลเป็นไทยได้ใจความประมาณว่า พิศวาสจนตัดแขนเสื้อ เป็นคำใช้เปรียบเปรยหมายถึงคนที่รักเพศเดียวกัน ในภาษาจีนเลยทีเดียว
แม้แต่ในวัฒนธรรมกรีกโบราณก็มีการกล่าวถึงคนชั้นสูงแม้จะภรรยาเป็นตัวตนแล้วก็ตาม มักจะมีเด็กหนุ่มหน้าตาดีอยู่เคียงข้าง และมักมีความสัมพันธ์ในเชิงลึกซึ้งด้วย และไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องผิดแปลกในสังคมแต่อย่างใด
คนที่มีชื่อเสียง และความรู้ ก็จะมีผู้ติดตามคล้ายกับซามูไรของญี่ปุ่น และก็สั่งสอนผู้ติดตามด้วยสิ่งที่ตนเรียนรู้มา และผู้ติดตามก็ตอบแทนด้วยการรับใช้หรือทรัพย์สินตามกำลัง และกล่าวเป็นนัยถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งทางเพศ ที่ไม่ได้ถือว่าด้อยเกียรติหรือน่าอับอาย ถือเป็นสั่งสอนเพื่อเติบโตเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบต่อไป
และหลักฐานที่ปรากฏชัดในวรรณกรรมยุคนั้น คือ
บทประพันธ์ของโฮเมอร์ อย่างเรื่อง อีเลียด
อคิลลิส ตัวเอกของเรื่อง เขามีเพื่อนสนิทที่ตัวติดกันตลอดตั้งแต่เด็กนาม เปรโตรคัส ซึ่งอายุน้อยกว่าอคิลลิส
บ้างก็ว่าเป็นญาติลูกพี่ลูกน้องกัน แต่โฮเมอร์ได้อธิบายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไว้กำกวมมาก แต่ความห่วงใยที่อคิลลิสมีให้เปรโตคัสนั้น ล้ำลึกมากถึงขนาดตามมาออกรบด้วยทั้งที่ไม่ได้มีความสนใจอยากจะรบกับใครซักเท่าไหร่
แถมตอนรบไปรบมาอคิลลิสก็ไปสะดุดรักเข้ากับแม่โฉมงามไบเซอัส แต่พอ อกาเมนนอน ไม่ยอมยกนางให้ก็หยุดช่วยรบซะอย่างนั้นจนขบวนรบรวนไม่เป็นท่า เมื่อเปรโตรคัส เห็นแบบนั้นก็ทนไม่ไหวแอบขโมยเกราะและหมวกศึกของอคิลลิส
ออกไปรบหวังเรียกขวัญกำลังใจของกองทัพ แต่ก็พลาด ถูกเฮคเตอร์ฆ่าตาย ด้วยฝีมือด้อยกว่า
หาก เฮเลนทำให้ทัพเรือนับพันออกทะเล
เปรโตรคัส ก็ทำให้ทหารนับหมื่นเสียชีวิตเช่นกัน
ด้วยโทสะแห่ง อคิลลิสที่เสียเพื่อนสนิทคู่กายไป
แม้ว่าจะมีหลายมุมที่แสดงให้เห็นถึงความความห่วงใยท่ีมีต่อกันของทั้งคู่แต่กลับไม่มีการแสดงถึงความหึงหวง และอคิลลิสเองไม่ได้มีความรักเฉพาะเพศใดเพศหนึ่ง ดั่งเหตุการณ์ตอนที่เขาได้ประมือกับทรอยลัสนักรบหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลา
เขาก็เกิดมีอารมณ์พลุ่งพล่านจนเมื่อ ต้อนหนุ่มน้อยไปจนมุม ก็ประกาศว่า จงยอมเป็นของข้าซะ แล้วเจ้าจะรอด แหม่ แม้แต่ในวรรณกรรมอันลือชื่อขนาดนี้ยังแสดงให้เห็นถึงมุมมองที่มีต่อ ความสัมพันธ์เชิงชู้สาว ที่ไม่จำกัดเพศขนาดนี้ ในสังคมจริงก็คงไม่ไดลจากวรรณกรรมทั้งหลายเท่าไหร่
ดั่งนี้แล้ว เราอยากจะบอกกับคุณว่า
ถ้าคุณเป็นแบบไหนแล้วมีความสุขไม่เดือดร้อนทั้งต่อตนเองและผู้อื่นแล้วล่ะก็
จงเป็นแบบนั้น แล้วมีความสุขในทุกๆวันของชีวิต ในสังคมของโลกหลากสีใบนี้ เถิด
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย