24 มิ.ย. 2019 เวลา 07:40 • ประวัติศาสตร์
ความคิดที่แตกต่างเรื่อง SEX. ของคนโบราณกับคนยุคไทย 4.0!!
1
คุณอาจจะคิดผิด! หรือคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เพราะแท้จริงแล้วเซ็กซ์ในสมัยโบราณ เปิดเผยแบบจริงใจและจริงใจมากกว่ายุคสมัยนี้ก็เป็นได้ทั้งที่ไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรช่วยเหลือ
เรื่องนี้ไม่ได้ยกเมฆ แต่มีผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์โบราณคดีท่านหนึ่งได้ให้ข้อมูลและความจริงหลายเรื่องหลายประเด็นที่คนยุคปัจจุบันอาจจะยังไม่รู้ หรือมองไม่เห็นไว้ให้คนรุ่นหลังได้เข้าใจและเรียนรู้กัน
เนื้อหาสาระไม่ธรรมดา ท่านได้กล่าวถึงเซ็กซ์ไว้ว่าได้รับการยกย่องเป็นกิจกรรมศักดิ์สิทธิ์มาแต่ดั้งเดิม พยานหลักฐานต่าง ๆ ที่พบในไทยและเพื่อนบ้านเกี่ยวกับเซ็กซ์ดึกดำบรรพ์ เป็นเรื่องปกติธรรมดาของผู้หญิงผู้ชาย ไม่เป็นสิ่งชิงชังน่ารังเกียจ ไม่เป็นความลับ ไม่ถูกซ่อนเร้น ส่วนมากหรือเกือบทั้งหมดพิมพ์เผยแพร่แล้วในเอกสารวิชาการของทางการไทย
ปัญหาอยู่ที่ระบบการศึกษาของไทยถูกครอบงำโดยอคติของคนชั้นนำ แล้วกีดกันประวัติศาสตร์สังคม เลยไม่มีคำอธิบายเรื่องวิถี กิน ขี้ ปี้ นอน โดยเฉพาะเซ็กซ์
1
สมัยหลัง ๆประชาชน มีทัศนคติต่อเซ็กซ์เป็นเรื่องลามก สกปรก โสมม ไม่สมควรพูดถึง ทั้งที่เซ็กซ์ของคนไทยไม่พิสดารกว่าคนอื่น ๆ ในโลก มีหลายอย่างสืบทอดมาจากบรรพชน แต่บางอย่างสร้างสรรค์ดัดแปลงปรุงแต่งจนต่างไปก็มี
ก่อน พ.ศ. 2500 คนกรุงเทพฯรู้จักคำฝรั่งว่าเซ็กซ์ แต่รู้จักต่างกันอย่างน้อย 2 ระดับ คนชั้นสูงรู้จักอย่างคุ้นเคย คนทั่วไปรู้จักอย่างครั่นคร้าม ทรรศนะของชาวบ้านทั่วไป ใครพูดคำว่า เซ็กซ์ หากเป็นชายถูกมองว่าหื่นกระหายบ้ากาม หากเป็นหญิงถูกมองว่าโชกโชน
3
หลัง พ.ศ. 2500 คำว่าเซ็กซ์คลายความสยดสยองกลายเป็นคำสามัญ รู้กันดีทุกเพศทุกวัย ไร้ชนชั้น ด้วยผลจากแผนพัฒนาทางเศรษฐกิจ มุ่งสู่ความทันสมัยแบบอเมริกัน รูปแบบ
ภายนอกเหมือนเสรีนิยมหัวก้าวหน้า แต่วัฒนธรรมคนชั้นสูงครอบงำให้สังคมไทยอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง ว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องสกปรกบัดสี ต้องปกปิดซ่อนเร้น โดยเฉพาะระบบการศึกษามักอ้างวัฒนธรรมไทยให้ผู้หญิงรักนวลสงวนตัวครอบงำให้ขี้อายเรื่องเพศ แล้วต่อต้านแนวคิดให้เด็กและเยาวชนเรียนรู้เท่าทันเรื่องเพศ ทั้งเพศสัมพันธ์และเพศสภาพ
“วัยรุ่นหญิงชายไทยในประวัติศาสตร์ อายุ 15 โดยเฉลี่ยต่างมีเพศสัมพันธ์ เอาผัวเอาเมีย
แล้วอาจมีลูก เป็นเรื่องธรรมชาติปกติธรรมดาเหมือนวัยรุ่นทั่วไปในโลก สังคมไทยปัจจุบันที่ผ่านมาพากันรับไม่ได้ต่อความจริงที่มีหลักฐานวิชาการสนับสนุน เพศสัมพันธ์ยุคนี้เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล แทบไม่เกี่ยวกับครอบครัวเหมือนแต่ก่อน และจำนวนมากนำไปสู่การตั้งครอบครัว”
อาจมองว่าทางเลือกของสังคมไทยต่อเรื่องเพศในอนาคต คือ เพศศึกษา ต้องรู้กว้างกว่าเพศสัมพันธ์ ต้องพัฒนาบุคลิกภาพของปัจเจกบุคคลไปพร้อมกันโดยคิดเองเป็นในทุกเรื่อง ไม่เฉพาะเรื่องเซ็กซ์ อีกทั้งต้องมีนัยถึงด้านอื่นด้วย เช่น อารมณ์ ความผูกพันทางสังคม ความรับผิดชอบต่อตนเองและคู่นอน ต่อสังคมโดยรวม เป็นต้น และไม่ปล่อยให้เรื่องเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องของนักกฎหมายเท่านั้น
1
สมัยโบราณเรื่องเพศเขาเป็นและเห็นกันในแต่ละประเด็นอย่างไร ? มาลองดูกัน..นับแต่..
1
วัยเจริญพันธุ์-ไม่ใช่ชิงสุกก่อนห่าม
คนในประวัติศาสตร์ เด็กหญิงอายุครบ 11 ย่างเข้า 12 ถือเฉลี่ยว่าเริ่มจะมีระดู และเริ่มจะมีกำหนัด แสดงว่าเริ่มเป็นสาวแล้ว จะมีพิธีสู่ขวัญเด็กหญิงเท่ากับเป็นการบอกเตรียมตัวมีเพศสัมพันธ์ได้แล้วอย่างมีสติและรู้เท่าทัน ก่อนวันพิธีพ่อแม่และเด็กหญิงจะนอนด้วยกัน หลังพิธีจะให้เด็กหญิงออกนอกห้อง ไปไหนมาไหนก็ได้ตามใจชอบ ไม่บังคับคอยระวังอีก
วัยรุ่นทุกวันนี้มีเพศสัมพันธ์ช่วง 15-19 ปี (ตัวเลขของกรมอนามัย) จึงอยู่ในเกณฑ์ปกติของคนไทยสมัยก่อน ไม่ได้ชิงสุกก่อนห่าม ตามที่สังคมผู้ใหญ่กล่าวหา และแม้ว่าวัยเริ่มมีเพศสัมพันธ์จะมีอายุน้อยลงเรื่อย ๆ ก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติ
1
หญิงกำหนดชายแต่งองคชาต
1
ประเด็นนี้อาจจะล้ำหน้าไปหน่อย แต่ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ในประวัติศาสตร์บอกว่าผู้หญิงอุษาคเนย์มีอำนาจทางเพศเหนือผู้ชาย จึงเป็นฝ่ายกำหนดให้ผู้ชายแต่งองคชาต เพื่อบำเรอความสุขให้ผู้หญิง บันทึกจีนของหม่าฮวน ผู้เดินทางเข้าไปในอยุธยายุคต้น บอกไว้ว่าพอชายมีอายุ 20 ปี มีการเจาะดึงหนังหุ้มองคชาตออกมา แล้วใช้มีดคมบางรูปร่างอย่างใบหอกกรีดผ่าผิวและยัดลูกปัดดีบุกโหลหนึ่งเข้าไปใต้ผิวหนัง ปิดไว้แล้วเยียวยาด้วยสมุนไพร รอกระทั่งแผลหายสนิทดีจึงเดินไปไหนมาไหน หากว่าเป็นขุนนางผู้ใหญ่หรือคนชั้นสูง จะใช้ทองคำทำเม็ดกลวงข้างในใส่ทรายแล้วเอาฝัง ไปไหนส่งเสียงกรุ๋งกริ๋ง ถือว่างามนัก ผู้ชายที่ไม่มีลูกปัดฝัง คือพวกคนชั้นต่ำ นี่เป็นเรื่องพิลึกพิสดารเหลือหลาย
อยู่ก่อนแต่งประเพณีดั้งเดิม
เป็นประเพณีดั้งเดิมของอุษาคเนย์ รวมทั้งไทย มีเหตุมาจาก “หญิงเป็นนาย ชายเป็นบ่าว” รับใช้บ้านหญิงเพื่อหวังแต่งงานเป็นผัวเมีย ต้องยอมเป็นบ่าวไปจนกว่าเครือญาติฝ่ายหญิงจะยอมรับ ซึ่งใช้เวลานานหลายปี เช่น 5 ปี 10 ปีก็มี ระหว่างนี้สังคมยุคนั้นยอมให้ “อยู่ก่อนแต่ง” แล้วมีลูกก็ได้ กฎหมายยุคอยุธยาตอนต้นมากกว่า 500 ปีมาแล้ว ยอมรับการอยู่ก่อนแต่งอย่างเป็นทางการ
อยากมีลูก แต่ไม่อยากมีผัว
น่าจะเป็นร่องรอยของวิถีชีวิตเก่าแก่มากของอุษาคเนย์ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ราว 3,000 ปีมาแล้วอยู่ก่อนแต่ง หรือเทพอุ้มสมในกัมพูชาโบราณหญิงชายมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน เป็นกิจกรรมธรรมดา พบในเอกสารจีนโจวต้ากวาน ว่า หญิงชายส่วนมากได้เสียกันมาแล้วจึงได้แต่งงานกันตามประเพณีของเขา ไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าละอายและไม่ถือเป็นเรื่องประหลาด วรรณกรรมโบราณยืนยันว่าหนุ่มสาวแต่ก่อนมีเพศสัมพันธ์กันได้ก่อนแต่งงาน แล้วเป็นที่รับรู้ทั่วไปไม่ถูกประณาม (เหมือนสมัยนี้)
1
บริการทางเพศ
ความรู้ด้านประวัติศาสตร์บอกว่า ไทยตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าโลก ไม่น้อยกว่า 1,500 ปีมาแล้ว และอยู่เกือบกึ่งกลางของอุษาคเนย์ เสมือนสะพานแผ่นดินเชื่อมตะวันออกกับตะวันตก หรือเชื่อมจีนกับอินเดีย เมืองท่าบนเส้นทางการค้า มีผู้คนนานาชาติพันธุ์เคลื่อนย้าย อพยพไปมา เป็นที่ชุมนุมพบปะเจรจาต่อรอง พ่อค้านักเดินทางล้วนเป็นผู้ชาย ต้องจอดเรือพักค้างเมืองท่าบางแห่งเป็นเวลานานหลายเดือน จึงมีผู้หญิงพื้นเมืองรับจ้างเป็นนางทาส และนางบำเรอ สนองความต้องการของชาวยุโรปและชาวจีน
1
ยุคอยุธยา นอกเกาะเมืองด้านทิศใต้ มีโรงโสเภณี 4 โรง รับจ้างทำชำเราบุรุษ อยู่ตลาดบ้านจีน ปากคลองขุนละครชัย (คลองตะเคียน) เจ้าของซ่องโสเภณีเป็นชายผู้หนึ่ง มีหญิงโสเภณีอยู่ในปกครองมากถึง 600 คน เจ้าของซ่องเป็นขุนนางมีบรรดาศักดิ์ชื่อ “ออกญามีน” ลาลูแบร์บันทึกว่าซ่องโสเภณีเหล่านี้ตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะซ่องทุกแห่งต้องส่งเงินภาษีเข้าท้องพระคลังหลวง
2
เรื่องเซ็กซ์บรรพชนไทย ก็เป็นด้วยประการฉะนี้ สุดท้ายนี้กรุณาอย่าคิดมาก การบอกเล่าก็แค่ให้ข้อมูลในอดีต มิได้มีจุดประสงค์เป็นอื่นแต่ประการใดและเป็นความรู้สำหรับคนรุ่นใหม่ๆอย่าเราครับ
1
โฆษณา