24 มิ.ย. 2019 เวลา 13:31 • ท่องเที่ยว
เศรษฐศาสตร์ฉบับเดินถนนในกรุง Munich ประเทศ Germany
“มึนเช่น” yeah อ่านออกเสียงแบบคูลๆ มามองโลกในมุมมอง GMH กัน เรารู้จักอะไรเกี่ยวกับประเทศเยอรมันบ้าง เบียร์ ? ขาหมู ? รถยนต์ ? ฮิตเลอร์ ? บาเยิร์นมิวนิค ? ^ ^
ผมใส่รองเท้าวิ่งออกไป survey รอบๆ พบกับ BMW Musuem โอ้วใช่เลย พื้นฐานด้าน Engineering ที่นี่รุ่งเรืองมากนะ เป็นต้นกำเนิดอุตหสากรรมยานยนต์สมรรถนะดีดีมากมาย และใกล้ๆนี้ก็ยังมี Olympic Stadium มีสวนเขียวๆขนาดใหญ่ให้คนมาวิ่งออกกำลังกายกัน ประเทศที่เจริญทางเทคโนโลยีมากๆ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมอยู่ใจกลางเมืองเสมอไป
ดุที่นี่เด่ะ คนปั่นจักรยานเยอะมากนะ มีเลนปั่นกับเลนคนเดินแยกกันชัดเจน มีจักรยานให้เช่าด้วยแบบหยอดเหรียญที่นี่ เอาไปคืนอีกที่นึง เอาจริงๆเมืองไทยก็มีทำโครงการแบบนี้นะ แต่ทำไมสภาพมันไม่เอื้ออำนวยให้ปั่น
เดินผ่าน showroom รถหรูอย่าง Maserati ต้องแปลกใจกับราคาขาย
Levante Gransport Q4 ราคาขาย 74,900 Euro (คิดเป็นเงินไทย~2,600,000 บาท)
Ghibil 350 Essence MY18 ราคาขาย 59,900 Euro (คิดเป็นเงินไทย~2,100,000 บาท)
เทียบกับรายได้ของคนในประเทศ ยกตัวอย่างเลย Average Engineer Salary อยู่ราวๆ 4,000 Euro ต่อเดือน (140,000 หักภาษีแล้ว ที่นี่เค้าหักภาษีเยอะเกือบครึ่งของเงินเดือน) คือ คนธรรมดาสามารถขับราคารถยนต์หรูได้ ถ้าเอาเวลาในชีวิตไปลแลกต้องใช้เวลาทำงาน 2,500,000/140,000 = 15-20 เดือน
แล้วมาดูราคา รถยนต์สองรุ่นนี้ในเมืองไทยบ้าง โอ้ว ฮ่าๆๆ เยดเข้
Ghibli (กิบลี) Ghibli Diesel 7,390,000 บาท , Ghibli 7,890,000 บาท , Ghibli S 8,890,000 บาท , Ghibli S Q4 9,390,000 บาท
Levante (เลอวานเต้), Levante Diesel L 7,990,000 บาท, Levante Diesel H 8,390,000 บาท
ผมจับคู่ไม่ถูกว่ารุ่นที่ถ่ายรูปมาตรงกับรุ่นไหนที่ขายในเมืองไทย ภาษา Deutsch ก็อ่านไม่รู้เรือง แต่ไม่ว่าจะจิ้มตัวไหน ถ้าหลับตาเอาตัวที่ถูกที่สุดของแต่ละรุ่นมาเทียบเลย คิดว่าธรรมดาในประเทศไทย ต้องแลกเวลาชีวิตของตัวเองแทบจะทั้งชีวิต เพื่อซื้อครองรถหรูอย่าง Maserati ในเมืองไทย อ่า สมมติเงินเดือนวิศกรเฉลี่ยเมืองไทย 40,000 ไปเลย คือ ต้องใช้ชีวิต 8,000,000 / 40,000 = 200 เดือน หรือเกือบ 20 ปีเลยทีเดียวแลกกับรถคันนี้เลย (นี่คือไม่ซื้อข้าว ไม่ซื้อบ้าน ไม่เที่ยวเลยนะ)
พอละข้ามไปดูไรถูกๆดีกว่า ช่วงนี้ต้องนี่เลย กำลัง import มาขายบ้านเรา Mövenpick โยเกิร์ตไรวะ ขายถ้วยละ 159.- อร่อยอยู่หรอกนะถ้าไม่แพงขนาดนั้นอ่ะ
อ่าวไหนว่าแพงไง ที่นี่เค้าขายกับ 0.79 Euroหน่ะ !!! ถ้วยละ 28บาท เฮ้ย บวก Margin กันใจเยนนิดนึงคับพี่ เข้าใจว่ามีค่าขนส่ง ค่านำเข้า แต่นี่มัน 5 เท่าของราคาขายที่นู้นเลยนะ คนคิดค้นสูตร สร้างสรรค์ออกแบบผลิตกันแทบตาย ได้กำไรถ้วยละ 15-20 บาท ถือว่าเป็นกำไรทางเศรษฐศาสตร์ที่เหมาะสมแล้วนะผมว่า แต่นี่ยังคิดไม่ออกว่า added value ของตัวกลางนำเข้ามาขายในประเทศเราจะเอากำไรถ้วยละ 120 กว่าบาท ใช้เทคโนโลยีสร้างสรรค์อะไรถึงควรมีกำไรมากขนาดนั้นหน่ะ คนไทยน่าสงสารจริงๆนะ
จริง Mövenpick ยังมีธุรกิจโรงแรม และ ร้านไอศครีมอีกนะคับ มีอยู่หลายประเทศในยุโรปเลย
ไป ! วิ่งต่อเข้าในเมืองละ วิวสวยดี ชิล อากาศดี ว่าละไปดู Freitag สักหน่อย กระเป๋าแบรนด์นี้แม่งติสว่ะ ผลิตจากผ้าใบสิบล้อ , สาย belt นิรภัย , ขอบซีลทำจากยางในมอไซค์ ของใช้แล้วทั้งหมดเลยแต่ทุกชิ้นทำขึ้นมาขายแบบ Unique เพราะลายผ้าใบสิบล้อ ตัดจากตรงไหน ก็ให้สี ลาย ตัวอักษร ออกมาไม่เหมือนกัน ในแง่ของความทนทานผมว่าแม่งอึดสุดตีนเลย ทั้งกันน้ำ ทั้งขาดยาก เสียอยู่ก็แค่ “เหม็น” ฮ่าๆๆๆ รวมๆแล้วชอบนะ มีความ innovation ดีอ่ะ ตอนนี้ก็เข้าไทยแล้วนะ shop ไทยก็บวกไม่เยอะ คือสมเหตุสมผลอ่ะ
ให้ทายว่ากระเป๋ายี่ห้อนี่ ต้องผ้าใบสีอะไร ถึงจะมีราคาเล่นกันในหมู่นักสะสมแพงที่สุด ? เพราะอะไร ?
สุดท้ายก่อนกลับไฟลท์นี้ เจอตู้เขียว วางอยู่ในสนามบิน เฮ้ยมันคือ capsule สำหรับนอนในสนามบิน ไม่ต้องไปนอนเกลื่อนกลาด เรี่ยราดเวลา รอต่อเครื่องนานๆ คือ มึงรูดการ์ดจ่ายเงินแล้วเข้าไปหลับในนี้เลย เงียบ ปลอดภัย ไม่ต้องกลัวกระเป๋าหาย (ไม่ต้องนอนเอาขาเกี่ยวกระเป๋าไว้ อีกต่อไป)
ยังไม่พูดเรื่อง investment เลยสักกะติ๊ดเดียว ไว้ก่อนละกันเนอะ
แล้วพบกันใหม่ได้ใน Navigator !
พี่ติ๊กกล่าว
GMH รายงาน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา