30 มิ.ย. 2019 เวลา 15:17 • การศึกษา
"ทำไมเรากินเนื้อดิบๆแบบสิงโตไม่ได้ ?"
ทำไมเรากินเนื้อดิบๆแบบสิงโตไม่ได้ ?
เคยสงสัยกันไหมครับว่า ทำไมเรากินเนื้อดิบๆไม่ได้?
สิงโตตอนล่าวัวหรือกวางได้
มันก็กินแบบดิบๆไม่ต้องทอดหรือ ย่างไฟ
กวางตอนกินผักกินหญ้ามันก็กินแบบดิบๆ
ไม่เห็นจะต้องต้มให้สุกก่อนที่จะเคี้ยวเลย
แต่ทำไมเราต้อง "ต้ม" ต้อง "ทอด" ต้องทำให้"สุก"ก่อนที่จะกิน
ทำไมกันนะ
ทำไมสัตว์ต่างๆในธรรมชาติถึงกินแบบดิบๆได้ยกเว้นเรา?!
ถ้าคำตอบสั้นๆก็คือ เพราะ"ไฟ"ครับ
แต่ก่อนที่จะไปอธิบายผมมีเรื่องแปลกๆมาเล่าให้ฟังกัน
มันเป็นเรื่องของ"คนที่กินอาหารดิบ!"
ในแถบยุโรปและอเมริกาจะมีคนบางกลุ่มที่เชื่อว่า
"การทำให้อาหารสุก จะทำให้คุณค่าทางโภชนาการลดลง"
เลยกินอาหารโดยไม่ทำให้สุกก่อน ซึ่งคนกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า "Raw foodists"
ในการกินแต่ละมื้อเหมือนกับเราๆเกือบทุกอย่าง
การคำนวณแคลอรี่ ปริมาณอาหารแต่ละมื้อ
และสารอาหารที่จะได้รับ ต่างกันแค่ความสุกของอาหารเท่านั้น
แต่พอนักวิทยาศาสตร์เข้ามาศึกษาจริงๆพบว่า
แม้คนกลุ่มนี้จะคำนวณพลังงานที่เพียงพอ
และสารอาหารที่จะได้รับอย่างดีแล้ว
น้ำหนักก็ยังต่ำกว่าเกณฑ์
เกินครึ่งที่ประจำเดือนไม่มา เพราะผอมเกินไป
ถึงจะมา หลายคนก็มีลูกยากกว่าปกติ
แย่ที่สุดคือ"อารมณ์ทางเพศ"เลิกคิดไปได้เลย หายไปเกือบหมด
1
กินก็กินแล้ว คำนวณก็คำนวณมาดีแล้ว แต่ทำไมยังผอม
ประจำเดือนไม่มา แถมยังพามีลูกยากไปอีกหล่ะ?!
ถ้าการกินปกติทุกอย่าง แล้วอะไรที่ผิดปกติ?
ที่ผิดปกติน่าจะมาจากการย่อยอาหารที่กินเข้าไป
แต่จะพิสูจน์ยังไงหล่ะ?
กระเพาะอาหารและลำไส้
ในร่างกายมีอวัยวะที่ย่อยหลักๆสองที่คือ
กระเพาะอาหารที่ย่อยโปรตีน(เนื้อต่างๆเป็นหลัก)
และ ลำไส้เล็กที่ทั้งย่อยทั้งดูดซึม(ทุกอย่าง)
แต่อยู่ดีๆจะมาขอผ่าอวัยวะแล้วขอดูอาหารที่ย่อยแล้ว
เป็นคนปกติคงไม่ใครยอมแน่ๆ
โชคดีครับที่โลกนี้มีการแพทย์ หลายร้อยปีที่ผ่านมา
มีการบันทึกการทดลองที่ทำไม่ได้ในปัจจุบันมากมาย
เราจะมาดูที่ลำไส้เล็กกันก่อน
ในปัจจุบัน บางกรณีที่คนไข้มีปัญหาที่ลำไส้เล็กส่วนปลาย(ileum)
หมอจะผ่าตัดแล้วเปิดรูทิ้งไว้ที่หน้าท้อง
เพราะอาหารที่ออกมาทางรูเปิดนี้ผ่านการย่อยมาหมดแล้ว
สิ่งที่ได้จากการศึกษาคือ คาร์โบไฮเดรต เช่น
ฟักทอง ถ้าสุกจะโดนย่อยไปประมาณ 90%
และถ้าดิบจะโดนย่อยไปประมาณ 60%
สรุปก็คือคาร์โบไฮเดรตที่สุกกว่า จะย่อยได้มากกว่า
มาถึงการย่อยโปรตีน(เนื้อต่างๆ)ที่กระเพาะ
ในปัจจุบัน เราไม่สามารถที่จะผ่ากระเพาะเพื่อดูเนื้อที่ย่อยแล้ว
แล้วไม่เกิดผลเสียกับคนที่โดนผ่าได้เลย
(มันเกิดผลเสียกับการย่อยในครั้งต่อๆไป)
แต่มีบันทึกในอดีตเอาไว้แล้วของหมอวิลเลี่ยม โบว์มอนท์
เมื่อประมาณ200ปีที่แล้ว เขาเอาชิ้นเนื้อดิบและสุกผูกเชือก
แล้วหย่อนลงกระเพาะของผู้ช่วยของเขา
ผลที่เกิดขึ้นคือเนื้อที่สุกโดนย่อยไปมากกว่าเนื้อที่ดิบเช่นกัน
เผ่าพันธุ์เราเมื่อก่อนที่เจอ"ไฟ"
จะเห็นได้ว่าจะกินอะไรก็ต้องสุกไปหมด
เรารู้วิธีทำให้อาหารสุกได้ยังไง?
จำที่ผมพูดถึงเรื่อง"ไฟ"ก่อนที่เราจะออกเดินทางกันได้ไหมครับ
ในยามที่เกิดไฟป่าหรือลาวาพุ่งพรวดออกมา
ลิงสายพันธุ์อื่นวิ่งหนีกันกระเจิง
มีแต่สายพันธุ์เราที่ยืนนิ่ง แล้วปิ๊งไอเดีย
คิดออกเลยว่าจะเอาไฟร้อนๆตรงหน้านี้ไปทำอะไรดี
แต่ แต่... ตอนแรกก็กินอาหารดิบอยู่ดีๆ
เพราะอะไรเราถึงต้องกินอาหารสุกแบบถาวรหล่ะ?
ถึงตรงนี้ผมอยากให้ท่านผู้อ่านลองจินตนาการว่า
กำลังนั่งกินก๋วยเตี๋ยวรสเด็ดมีทั้งเนื้อหมู ถั่วงอก
และเส้นที่ให้มาไม่อั้น แต่ผมมีข้อแม้ว่าก่อนจะกิน
จะต้องทำให้หมู ผัก แล้วก็เส้นมัน "เละจนเหลว"ซะก่อน
คำถามคือ...
ต้องออกแรงมากแค่ไหนครับ?
ต้องเสียพลังงานไปเท่าไหร่?
ที่ต้องบีบต้องบี้ ต้องทำให้มันเละ?
และถ้าสิ่งที่เรากินมันดิบทั้งหมดเลยหล่ะ?
คงจะเยอะพอสมควรใช่ไหมครับ ทั้งลำไส้และกระเพาะเราๆก็เหมือนกัน
ถึงแม้จะผ่านการเคี้ยวมาแล้ว ก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี
ต้องสร้างน้ำย่อย บีบตัวเพื่อคลุกเคล้าและบีบอาหาร
กว่าที่จะออกมาเป็นสารอาหารได้ ทั้งหมดทั้งมวลนั้น
ต้องใช้พลังงานมหาศาล
การกินอาหารที่สุกแล้วก็เหมือนการช่วยให้
ลำไส้และกระเพาะเราไม่ต้องทำงานหนักมากๆอีกต่อไป
แถมยังประหยัดพลังงานมากกว่าเดิมอีกด้วย...
คนและชิมแปนซี
โดยปกติแล้วสัตว์อื่นๆในธรรมชาติ จะมีสัดส่วนของขนาดตัว
สัมพันธ์กับขนาดของอวัยวะ"เสมอ" ถ้าตัวใหญ่ ตับ กระเพาะ ลำไส้
ก็จะใหญ่ตาม แต่กับคนเรามันไม่เป็นอย่างนั้น
ริมฝีปากเราหนาสู้ชิมแปนซีตัวน้อยๆไม่ได้เลย
กรามเราก็แข็งแรงไม่เท่า พื้นที่ผิวในกระเพาะเราต้องมากกว่านี้
อีกสามเท่าถึงจะสมสัดส่วน ลำไส้ใหญ่เรามีพื้นที่ผิวน้อยไปกว่าครึ่ง
เคยเห็นชิมแปนซีเวลายืนไหมครับ ร่างกายมันจะเหมือนกับพีระมิด
ส่วนบนจะเล็กกว่าส่วนล่างมากๆ เพราะในท้องมีแต่อวัยวะต่างๆ
รวมถึงลำไส้ที่ขดไปขดมาตามขนาดตัว แต่กับเรามันตรงข้ามเลย
ร่างกายชายอกสามศอกเหมือนกับพีระมิดที่เอาด้านแหลมชี้ลง
ส่วนล่างเราไม่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับส่วนบน
เพราะเรา"ไม่จำเป็น"ที่จะต้องมีอวัยวะภายในที่ใหญ่เทอะทะขนาดนั้น
ทำไมกันหล่ะ?!
เอาหล่ะๆ ก่อนที่จะแตกประเด็นไปมากกว่านี้
ผมจะสรุปทั้งสามคำถามเอาไว้ที่ตรงนี้เลยละกันที่ว่า
ทำไมเรากินอาหารสุก?
ทำไมเราต้องกินอาหารสุกแบบถาวร?
และทำไมเราถึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีอวัยวะที่เทอะทะแบบลิงทั่วๆไป?
ไฟป่า
หลายล้านปีมาแล้วที่สายพันธุ์เราควบคุมไฟได้จากธรรมชาติ
และเอาไฟนั้นมาทำหลายๆอย่างที่เป็นประโยชน์
หนึ่งในนั้นก็คือ ..."ทำอาหาร"
อาหารที่สุกเรารู้ดีว่ามันทั้งหอมและนิ่ม
พอมันนิ่มมันก็ย่อยง่าย พอย่อยง่ายนั่นแปลว่า"ดูดซึม"ได้ง่ายด้วย
ทำให้สามารถเอาพลังงานไปใช้ได้เกือบจะ100% ...
ทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้น่าจะเห็นแล้วว่า
การจะย่อยอาหารไม่ใช่เรื่องง่าย
จะบดจะบี้ใช้พลังงานมหาศาล
พอสายพันธุ์เราเข้าถึงพลังงานจากอาหารได้เกือบ 100%
นั่นแปลว่าเราจะมีพลังงานมากพอที่จะย่อย จะบดบี้อาหารแล้ว
การจะมีลำไส้ที่ขดไปขดมามากขนาดลิงอื่นๆคงไม่จำเป็นอีกต่อไป
และเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าๆ กระบวนการวิวัฒนาการก็ค่อยๆ
ตัดสิ่งไม่จำเป็นออกไปเพื่อความเหมาะสมและ "ประหยัดพลังงาน"ให้มากที่สุด
ร่างกายเราเลยมีอวัยวะต่างๆเล็กลงเมื่อเทียบกับตัว
ทำให้เรากินได้แค่อาหารสุกเท่านั้น
เพราะร่างกายสายพันธุ์เราปรับตัวเข้ากับอาหารสุกไปแล้วนั่นเอง!!
***อีกสักเล็กน้อย***
เหมือนผมลืมอะไรไป...
ใช่ครับผมลืมตอบคำถามที่ว่าทำไมสัตว์อื่นๆ
กินแบบดิบๆได้?
คำตอบก็คือเพราะมัน"เหมาะสม"ที่จะกินแบบนั้น
ถ้าเราแบ่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตามอาหารที่มันกิน
ก็จะมีสามแบบคือ กินเนื้อ กินพืช และทั้งเนื้อทั้งพืช
ในสิงโตฟันมันจะห่างกันเพื่อใช้ฉีกเนื้อและป้องกันแมงมากินฟัน
แถมในกระเพาะสิงโตยังมีความเป็นกรดสูงมากๆ
ย่อยและฆ่าเชื้อได้เลยทันที และลำไส้จะสั้นเพราะ(แทบจะ)ดูดซึมได้เลย
ในวัวหรือกวางฟันมันจะชิดติดกันแน่นเหมือนฟันกราม
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการ"บด"อาหาร
แถมกระเพาะที่เยอะลำไส้ที่ยาว
มีจุลินทรีย์มากมายที่ช่วยย่อยหญ้าที่กินเข้าไปในแต่ละวัน
ประเภทสุดท้าย กินทั้งเนื้อทั้งผักคงไม่ต้องไปมองที่ไหนไกลก็"เรา"
นี่แหละ เรามีทั้งฟันเขี้ยวและฟันกรามบ่งบอกเลยว่าเรากินได้ทุกอย่าง
(ที่ไม่ทำให้เราตาย)
ลำไส้และกระเพาะที่ไม่ใหญ่และยาวมากถ้าเทียบกับขนาดตัว
ก็บอกเราได้เหมือนกันว่าเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องกินเนื้อนิด
ผักหน่อย พอเรารู้วิธีใช้ไฟ กระบวนการทุกอย่างก็ก้าวกระโดดขึ้นไปอีก...
...คำถามทิ้งท้าย...
ใครอ่านข้างบนจบแล้วอาจจะสงสัยเรื่อง"ประหยัดพลังงาน"
ทุกๆขั้นตอนที่ผมเล่าไปล้วนเกี่ยวกับการประหยัดพลังงานทั้งหมด
กินสุกเพื่อประหยัดพลังงาน ลำไส้และกระเพาะเล็กลง
เพื่อประหยัดพลังงาน แต่พลังงานทั้งหมดกลับถูกโยนไปที่
"สมอง"แทบจะทั้งหมดเลย
ทำไมถึงเป็นสมองหล่ะ?
ทำไมไม่เป็นกล้ามเนื้อ?
ถ้ากล้ามเนื้อบรรพบุรุษเราไม่แข็งแรงจะสู้กับสิงโตยังไง?
...ตอนหน้ามีคำตอบครับ...
#ขอบคุณที่อ่านกันจนจบนะครับบ 😁
#ถ้าชอบก็ฝากกด"Like"กด"Share"เป็นกำลังใจให้กัน
ด้วยนะครับ 😋
#และถ้าใครสนใจบทความสไตล์นี้ก็อย่าลืมกดติดตามกัน
ด้วยนะจ๊ะ ☺
#อ้างอิงจากหนังสือ"เรื่องเล่าจากร่างกาย"
โฆษณา