27 มิ.ย. 2019 เวลา 03:10 • ธุรกิจ
เปรียบเทียบกลุ่ม ASEAN vs EU / โดย ลงทุนแมน
1
เราทุกคนรู้ว่า ประเทศไทยอยู่ในอาเซียน (ASEAN)
แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ASEAN มีความสำคัญแค่ไหนในเวทีโลก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศที่พัฒนาความร่วมมือไปไกลมากที่สุดอย่าง สหภาพยุโรป (EU)
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ASEAN (ชื่อเต็มว่า Association of Southeast Asian Nations)
คือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ.1967 หรือ 52 ปีที่แล้ว ตอนแรกมี 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และมาเลเซีย
วัตถุประสงค์หลักของการร่วมมือกัน ณ ขณะนั้น คือเรื่องความมั่นคง เนื่องจากการแผ่ขยายของแนวคิดคอมมิวนิสต์ ทำให้เกิดข้อพิพาทในหลายพื้นที่
เมื่อความขัดแย้งสิ้นสุดลง กลุ่มจึงหันมามุ่งเน้นด้านสังคมและเศรษฐกิจแทน โดยประเทศที่เหลือ ได้แก่ ลาว, เวียดนาม, พม่า, กัมพูชา และบรูไน ได้เข้ามารวมกันเป็น 10 ประเทศ
จากนั้น ASEAN ได้พัฒนาสถานะของตนเองขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งล่าสุดในปี 2015 ได้เปิดเป็น ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC (ASEAN Economic Community)
ภายใต้ข้อตกลงนี้ ประเทศสมาชิกจะสามารถเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ เงินทุน และแรงงาน ระหว่างกันได้อย่างเสรี รวมทั้งมีการยกเว้นภาษีบางประเภทด้วย
ทำให้แต่ละคน มีโอกาสเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และอำนาจต่อรองกับต่างประเทศได้
Cr. Founder's Guide
อย่างไรก็ตาม ในระดับโลก มีกลุ่มประเทศที่เป็นเสมือนรุ่นพี่อยู่ นั่นคือ อียู
EU (ชื่อเต็มว่า European Union) คือสหภาพยุโรป ก่อตั้งขึ้นก่อน เมื่อ ค.ศ.1957 หรือ 62 ปีที่แล้ว
ปัจจุบัน มีสมาชิกอยู่ทั้งหมด 28 ประเทศ แต่จะหายไปหนึ่งรายในอีกไม่นาน เพราะสหราชอาณาจักร กำลังเตรียมตัวออกจากกลุ่ม
Cr. Fullfact.org
แล้วถ้าเปรียบเทียบสองกลุ่มนี้ ใครใหญ่กว่ากัน?
ASEAN
มีพื้นที่ 4.52 ล้านตารางกิโลเมตร
จำนวนประชากรทั้งหมด 651 ล้านคน
ปี 2018 มูลค่า GDP อยู่ที่ 94 ล้านล้านบาท
และรายได้เฉลี่ยต่อหัว เท่ากับ 1.4 แสนบาทต่อปี
2
ที่น่าสนใจคือ หากมองว่า ASEAN เป็นประเทศหนึ่ง พวกเขาจะมีมูลค่า GDP สูงเป็นอันดับ 5 ของโลกเลยทีเดียว
ส่วน EU
มีพื้นที่ 4.48 ล้านตารางกิโลเมตร
จำนวนประชากรทั้งหมด 513 ล้านคน
ปี 2018 มูลค่า GDP อยู่ที่ 588 ล้านล้านบาท
และรายได้เฉลี่ยต่อหัว เท่ากับ 1.1 ล้านบาทต่อปี
จะเห็นได้ว่า ในเชิงกายภาพ ทั้งคู่มีพื้นที่ และจำนวนคน ใกล้เคียงกัน ซึ่งน่าสนใจมากที่จะนำมาเปรียบเทียบกัน
แต่ในเชิงเศรษฐกิจ EU มีมูลค่า GDP ที่สูงกว่า 6 เท่า และประชากรโดยเฉลี่ย รวยกว่าถึง 8 เท่า
ทั้งนี้ EU มีการพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันที่ก้าวไปไกลกว่าของ ASEAN
เพราะนอกจากเปิดตลาดแบบเสรีแล้ว ยังได้ปรับมาใช้สกุลเงินเดียวกันด้วย คือ เงินยูโร
รวมไปถึง มีการจัดตั้งรัฐสภาและคณะมนตรีของสหภาพยุโรป ซึ่งมีอำนาจนิติบัญญัติ ในการจัดสรรงบประมาณส่วนกลางไปในด้านต่างๆ
แน่นอนว่า การร่วมมือกันอย่างเต็มรูปแบบ ย่อมสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไม่น้อย แต่ไม่ได้หมายความว่า มันจะเป็นปัจจัยเดียวที่ส่งผลให้สหภาพยุโรป มีความร่ำรวยกว่า เพราะเดิมที พื้นฐานของประเทศสมาชิกนั้น มีความแตกต่างกัน
และในบางครั้ง มันก็ก่อให้เกิดปัญหาที่อ่อนไหวได้
เนื่องจากประเทศต่างๆ ต้องจ่ายค่าสมาชิกให้กับสหภาพยุโรป แต่สหภาพยุโรปอาจเทงบประมาณจำนวนมาก ไปช่วยเหลือประเทศที่เผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ เช่น กรณีประเทศกรีซ
ซึ่งทำให้ประชาชนบางประเทศไม่พอใจ ที่ภาษีของพวกเขากลับถูกนำไปให้ประเทศอื่นใช้แทน จนบานปลายเหมือนที่สหราชอาณาจักร มีประชามติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป
ในขณะที่ ASEAN กำลังพัฒนาความสัมพันธ์ ก้าวเข้าสู่ AEC และ ไม่แน่ว่าในอนาคต AEC อาจจะอยากเปลี่ยนมาใช้สกุลเงินเดียวกันในอนาคตแบบ EU
แต่จากปัญหาที่เกิดขึ้นใน EU ก็อาจทำให้ ASEAN ต้องหันมาหยุดคิดว่า ทางที่จะเดินไปมีผลดี และ ผลเสียอย่างไร
จากเรื่องนี้เราได้เห็นว่า
ประเทศขนาดเล็ก เมื่ออยู่ตัวคนเดียว อาจไม่ได้มีความสำคัญอะไรเท่าไรในสายตาคนอื่น
แต่ถ้ารวมตัวกันเป็นกลุ่ม ดังเช่น AEC ก็จะทำให้มีอำนาจทางเศรษฐกิจ ไม่แพ้ประเทศมหาอำนาจในโลก อย่าง สหรัฐอเมริกา หรือ จีน
หาก ASEAN มีความเข้มแข็ง เรียนรู้ความสำเร็จและบทเรียนต่างๆ จากรุ่นพี่อย่าง EU และแน่นอนว่า โดยเฉลี่ยแล้วตอนนี้ประเทศใน ASEAN มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร็วกว่า EU
ซึ่งกลุ่ม ASEAN เปรียบเสมือนวัยรุ่นที่กำลังมาแรง และกำลังจะมีบทบาทในเวทีโลกมากขึ้น
และหากทำได้สำเร็จ ประเทศไทยก็จะได้ประโยชน์ไม่น้อยจากกลุ่มนี้ ในฐานะหนึ่งในผู้นำ ASEAN
แต่คำถามที่สำคัญคือ ณ วันนี้ ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะเป็นผู้นำ และมีบทบาทใน ASEAN มากน้อยแค่ไหน..
อ่านลงทุนแมนสนุกขึ้น
อ่านในแอป blockdit
โหลดที่ http://www.blockdit.com
โฆษณา