28 มิ.ย. 2019 เวลา 06:18 • ธุรกิจ
แพลตฟอร์มแอปเรียกรถอย่าง Grab และ UBER ตีญี่ปุ่นไม่แตก ทั้งๆที่ค่าแท็กซี่แสนแพง เพราะอะไร ?
สรุปแบบรวบยอดเลยง่ายๆเลย ก็คือ
🚕ระบบขนส่งสาธารณะดีและถูก
🚕ภายในรถสะอาด คนขับสุภาพ ขับรถปลอดภัย ที่สำคัญไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร
🚕มีบริการออกใบเสร็จรับเงินให้ ใบเสร็จนี้จะมีชื่อนามสกุลของคนขับอยู่บนนั้น ซึ่งถ้าหากว่าเราลืมของไว้บนรถแท็กซี่ก็สามารถตามหาของได้
🚕 แท็กซี่ญี่ปุ่นทอนเงินเป๊ะ ไม่มีการปัดขึ้น การเตรียมเศษเงินทอนให้ผู้โดยสารได้เป็นหน้าที่ของคนขับ
1
หลายข้อเพื่อนๆอาจจะรู้อยู่แล้ว วันนี้แอดจะมาเจาะลึกว่าเพราะอะไร คนญี่ปุ่นให้ความเชื่อมั่น และตัดสินใจเลือก "แท็กซี่" มากกว่าจะใช้แอป Grab หรือ Uber กัน?
คำตอบง่ายๆเลยคือ คนญี่ปุ่นมั่นใจในตัวของ "คนขับแท็กซี่" ของบ้านเขาน่ะสิ วันนี้ขอเจาะสกู๊ป "กว่าจะมาเป็นคนขับแท็กซี่" คุณต้องผ่านอะไรมาบ้าง
1. กว่าจะมาเป็นคนขับรถแท็กซี่ญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จะเป็นคนขับแท็กซี่ได้จะต้องถือใบอนุญาตขับขี่ 2 ประเภท
ประเภทที่ 1 คือใบอนุญาตขับขี่แบบธรรมดา (ใครจะขับรถก็ต้องสอบแบบนี้) แต่หากต้องการขับรถสาธารณะก็ต้องไปสอบอีกประเภท เรียกว่าใบอนุญาตขับขี่ประเภท 2 ซึ่งเป็นใบอนุญาตสำหรับผู้ที่จะขับรถสาธารณะอย่างแท็กซี่ รสบัส ต่างๆโดยเฉพาะ สำหรับบุคคลธรรมดา การจะสอบเอาใบอนุญาตก็ต้องเสียเงินค่าสอบอบรม หากไม่เรียนไม่อบรมโอกาสผ่านน้อยมาก แต่หากคุณไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้และไม่ได้มีงบในการออกรถ มีอีกวิธีก็คือ ไปเข้าบริษัทแท็กซี่ซะ ไปเป็นพนักงานตำแหน่งคนขับแท็กซี่ ได้รับเงินเดือนเหมือนพนักงานเงินเดือนเลย แล้วบริษัทแท็กซี่ก็จะรับผิดชอบพวกค่าอบรม และค่าทำใบขับขี่ประเภทที่สองให้ แต่ก่อนจะไปถึงขั้นตอนนั้น บริษัทก็จะทำการเทรนให้ก่อนอย่างเข้มงวด
2. อายุ ไม่ใช่ว่าทำใบขับขี่แบบที่ 1 ได้แล้ว ก็จะมาทำแบบที่ 2 ต่อได้เลยนะ ญี่ปุ่นเค้าก็กลัวว่าคุณยังขับไม่คล่องเลยจะมาทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างไร ก็เลยมีกฎว่า คุณจะต้องถือใบอนุญาตแบบที่ 1 ให้ครบ 3 ปีก่อน ถึงจะมีคุณสมบัติเข้ารับการสอบเพื่อเอาใบขับขี่ประเภทที่ 2 ได้ บริษัทแท็กซี่จึงมักมีข้อกำหนดพื้นฐานว่าจะต้องได้ใบอนุญาตแบบที่ 1 เกิน 3 ปี ถึงจะมีคุณสมบัติพอที่จะมาสมัครได้
3. แท็กซี่ต้องผ่านข้อสอบวิชาภูมิศาสตร์
หากเป็นแท็กซี่ที่ทำงานในพื้นที่ จ.โตเกียว เช่น เมืองโตเกียว มุซาชิโนะ มิตากะ โอซาก้า คานาซาว่า(โยโกฮาม่า ,คาวาซากิ.โยโกสึกะ และมิอุระ) คุณต้องผ่านข้อสอบวิชาภูมิศาสตร์นี้ ว่ากันว่าวิชานี้ยากมากกกกกก ความยากคือ คุณต้องมีความรู้ความชำนาญในเส้นทางอย่างละเอียด ต้องรู้ชื่อถนน ไฟแดง แยกไหนตัดแยกไหน อาคารต่างๆ สถานีรถไฟ รวมไปถึงพื้นที่สำคัญๆต่างๆ ฯลฯ ตัวอย่างคำถามของข้อสอบวิชานี้ จากนิชินิปโปริไปโตเกียวใช้เส้นทางใดเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุด (เทียบของไทยก็คงอารมณ์ว่าจากลาดพร้าวมาอโศก คุณจะขับรถโดยใช้เส้นทางไหนที่สั้นที่สุด) คือวัดเลยว่าคุณรู้จักเส้นทางจริงหรือไม่
* คำถามมีทั้งหมด 45 ข้อ ต้องตอบให้ถูกอย่างน้อย 36 ข้อคุณถึงจะผ่านวิชานี้😱 มีผู้สมัครมากมายสอบแล้วสอบเล่าก็ยังไม่ผ่าน สอบวนไป ถ้าอยากจะเป็นคนขับแท็กซี่ก็ต้องพยายาม😥
1
4. หากคุณผ่านวิชาภูมิศาสตร์ได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือตรวจร่างกาย เนื่องจากเป็นอาชีพที่มีความปลอดภัยของผู้โดยสารเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าหากว่าผลตรวจสุขภาพออกมาไม่ดี เส้นทางการเป็นคนขับแท็กซี่ของคุณโคดลำบาก เพราะหลายคนตกเพราะสาเหตุนี้
5. รับการอบรมมารยาทและการบริการลูกค้า อบรบการโต้ตอบกับลูกค้า มีเวิร์คช็อปทำโรลเพลย์สถานการณ์การคุยกับลูกค้า และการปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
มีในเว็บของบริษัทแท็กซี่ถึงกับมีบอกไว้เลยว่าบุคลิกอย่างไรถึงจะเหมาะกับอาชีพนี้🤣 คือถ้าคุณไม่เหมาะ หรือต้องจำใจทำก็อย่ามาลำบากเลย
หากผ่านด่านอรหันต์ทั้งหมดจึงจะสามารถเริ่มวิชาชีพคนขับแท็กซี่อย่างเป็นทางการได้ เส้นทางและบททดสอบเหล่านี้ ทำให้คนญี่ปุ่นมั่นใจในตัวคนขับแท็กซี่จนทำให้แพลตฟอร์มแอปเรียกรถไม่สามารถทำอะไรแท็กซี่ญี่ปุ่นได้
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ถ้าเราทำตัวเองให้ดีแล้วละก็ แพลตฟอร์มอูเบอร์ หรือจแกร็บ อะไรใดๆก็ทำอะไรเราไม่ได้...
โฆษณา