28 มิ.ย. 2019 เวลา 13:04 • การศึกษา
เลือดกำเดาไหลบนเครื่องบิน ทำอย่างไร?
วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นแบบไหน แม้จะบินอยู่บนฟ้า ก็จะทำให้ชีวิตท่านง่ายขึ้น วันนี้มีคำตอบ
หลังจากข่าวความสูญเสียของ น้ำตาล เดอะสตาร์ ที่ทำให้หลายคนต้องตกใจกับการจากไปด้วยเวลาอันสั้น กับอาการที่พบได้ยาก ที่แม้ผลสุดท้ายทีมแพทย์ได้วินิจฉัยแล้วว่า มีสาเหตุมาจากโรควัณโรคหลังโพรงจมูก ซึ่งมีอาการแสดงเริ่มแรกก่อนที่น้องจะทรุดหนัก คือ เลือดไหลออกทางปากและจมูกเป็นจำนวนมาก
ย้อนเวลากลับไปช่วงกลางดึก ของวันที่ 11 มิถุนายน น้องน้ำตาล มีเลือดไหลออกปากและจมูกโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนที่น้องจะช็อคหมดสติ จนทางญาติมีการปั้มหัวใจ และนำส่งโรงพยาบาล
อาการของน้องยังอยู่ในขั้นวิกฤต และหัวใจหยุดเต้นไปถึงสองครั้ง
เช้าวันวันที่ 12 มิถุนายน น้องได้ย้ายตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งทางทีมแพทย์ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าอาการเหล่านี้เกิดจากสาเหตุอะไร แต่ทีมแพทย์ระบุตรงกันว่า เป็นห่วงสมอง และอาการปอดแตกของน้องที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
วันที่ 13 มิถุนายน เลือดหยุดไหลแล้ว แต่น้องยังคงไม่รู้สึกตัว เพราะสมองบวม ยังคงต้องรักษาตามอาการ และต้องหาจุดที่เลือดออกให้แน่ชัด เพื่อจะทำการวินิจฉัยโรคได้สำเร็จ แม้ในขณะนั้นทีมแพทย์จะยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่แน่ชัด แต่ก็สร้างความหวังให้กับครอบครัวและคนรอบข้างเป็นอย่างมาก
แล้ววันที่ 14 มิถุนายน เวลา 02:17 นาที น้องน้ำตาลก็ได้จากไปอย่างสงบ..
ทางครอบครัวได้อนุญาติให้ทางโรงพยาบาลนำชิ้นส่วนภายในบางชิ้นของน้องไปชันสูตร เพื่อหาสาเหตุของโรคต่อไป
🖤ขอขอบคุณทางครอบครัวของน้อง ที่จะทำให้บทเรียนอันมีค่าในครั้งนี้ จะเป็นวิทยาทาน และเป็นโยชน์แก่อีกหลายชีวิต
🖤ขอไว้อาลัย น้องน้ำตาล เดอะสตาร์ หรือ บุตรศรันย์ ทองชิว
🖤บทความและรูปภาพนี้ ไม่มีเจตนาพาดพิงใดๆ เพียงแต่ต้องการนำมาเพยแพร่เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านเพียงเท่านั้น
🖤ขอบคุณรูปภาพจาก Instragram Numtarny
แอร์ป้าอยากจะแชร์..
จากน้องน้ำตาล ที่มีร่างกายแข็งแรง จนต้องเสียชีวิต และไม่เคยแสดงอาการใดๆเลยมาก่อนหน้านี้
และแม้โรควัณโรคหลังโพรงจมูกนี้ จะเป็นโรคที่พบได้น้อยมาก แต่อาการเลือดกำเดาไหล สามารถพบได้บ่อย ซึ่งอาจเกิดได้กับทุกคน ด้วยสาเหตุที่ต่างกัน อาจเพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง หรือสิ่งกระตุ้นภายนอกต่างๆ
แต่สำหรับน้องน้ำตาล ภายหลังพบว่าเลือดที่ไหลออกทางจมูกและปาก ไม่ใช่กำเดา แต่เป็นความผิดปกติของหลอดเลือดบริเวณโพรงจมูก
ซึ่งหากพบเห็นเลือดไหลออกทางปากและจมูก วินาทีแรกที่คิดถึงคงไม่พ้นอาการของกำเดา ที่อาจอ้างอิงและปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้เป็นอันดับแรก
เพราะครั้งหนึ่งบนเที่ยวบิน ที่ผู้โดยสารเกิดกำเดาไหลมาก และสำลักเลือด จนอาการสาหัส เพราะปฐมพยาบาลผิดวิธี
เมื่อรู้ตัวว่าเลือดกำเดาไหล ขณะบินอยู่บนฟ้า
สิ่งที่"ต้อง"ทำคือ..
1. กดไฟเรียกพนักงาน หรือ ปุ่ม Attendant call
2. บีบที่ปีกจมูก
3. นั่งหลังตรง ก้มหน้าเล็กน้อย
4.ในขณะนั้น ลูกเรือจะรีบนำน้ำแข็งหรือของเย็นมาประคบให้ท่าน ให้วางสิ่งนั้นที่ระหว่างหัวคิ้ว
5. ประคบไว้ 5-10 นาทีแล้วคลาย
6. ระหว่างนี้หายใจทางปาก
7.เปิดถุงอาเจียนที่อยู่ในที่เก็บของหน้าที่นั่งของท่านออกมา
8.ใช้กระดาษทิชชู่ซับเลือดที่ไหลออก และทิ้งลงในถุงอาเจียนนั้น
9.ระหว่างนั้นลูกเรือจะคอยดูแลอาการของท่าน หากแสดงอาการที่แย่ลง จะทำการประกาศหาแพทย์บนเครื่องบิน หรือติดต่อกับแพทย์ภาคพื้นดิน เป็นลำดับต่อไป
*สิ่งสำคัญคือ ห้ามเงยหน้าขึ้นเด็ดขาด เพราะเลือดจะไหลลงคอ และหากไหลไปเป็นจำนวนมาก เมื่อเลือดแข็งตัว จะเกาะกันเป็นลิ่มเลือด ทำให้หลอดลมอุดตัน จนทำให้หายใจติดขัด สำลัก หรือเลือดไหลลงปอด และเกิดอาการอื่นๆตามมา
1
หากร้ายแรง จนหายใจไม่ออก หน้ามืด หน้าซีด จากที่แค่เลือดกำเดาไหล ปฐมพยาบาลด้วยวิธีง่ายๆ ก็จะกลายเป็นต้องปั้มหัวใจ ให้ออกซิเจน หรือร้ายแรงที่สุดก็บินกลับไปลงจอดฉุกเฉิน เรียกรถพยาบาล และเข้ารักษาตัวที่ประเทศใดประเทศหนึ่งบนโลกใบนี้...
เพราะเชื่อหรือไม่เคยเจอมาแล้ว ผู้โดยสารเลือดกำเดาไหลออกมาก แม้จะไม่ใช่ครั้งแรก และรู้ดีว่าต้องปฐมพยาบาลตัวเองอย่างไร แต่เพราะความไม่กล้าที่จะบอกลูกเรือ และกังวล จนทำให้เลือดออกจนหน้าซีดมาก เกือบหมดสติ แต่โชคยังดีที่มีแพทย์เดินทางอยู่ด้วยบนเที่ยวบินนั้น..
บนพื้นดินก็เช่นกัน หากเกิดอาการเลือดกำเดาไหล ท่านต้องนั่ง และทำวิธีเดียวกันคือ บีบปีกจมูก ก้มหน้า หาของเย็นประคบระหว่างคิ้ว เพื่อหยุดเลือดทันที ไม่นอนหงาย หรือเงยหน้า และสังเหตุอาการตัวเอง หากเลือดออกไม่หยุดเป็นจำนวนมาก ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นก็เป็นได้ อย่างเช่นกรณีน้องน้ำตาล
เพราะการปฐมพยาบาลที่ถูกวิธีและทันเวลา ในอาการเริ่มแรก จะทำให้มีโอกาสรอด หรือโอกาสที่จะหายจากอาการนั้นๆสูงกว่าเสมอ
"การเจ็บป่วยใดๆ"
แม้แอร์ป้าๆ จะถูกเทรน First Aid กันมาทุกปี สอบผ่าน 100 เต็ม เจอเคสทุกวัน ก็จะช่วยอะไรท่านไม่ได้ หากท่านปกปิดอาการ และไม่แจ้งต่อสายการบิน
บนฟ้าที่ความกดดันอากาศต่างจากบนพื้นดิน จึงทำให้บางอาการต้องทรุดหนักลงได้ง่ายกว่า เมื่ออยู่บนพื้นดิน
การผ่าตัด จึงมีกำหนดระยะเวลาที่จะไม่สามารถทำให้ท่านเดินทางโดยเครื่องบินได้ หากไม่ได้รับจดหมายยินยอมจากแพทย์ และรับรองว่าท่านพร้อมจะเดินทางโดยเครื่องบิน หรือที่เรียกว่า Fit to fly
หญิงตั้งครรภ์ ก็จะไม่สามารถเดินทางโดยเครื่องบินได้ เมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนด เพราะหากท่านไม่อยากเห็นแอร์ป้าทำคลอดให้ ก็อย่าเลยเด้อออ 👀
การบริจาคเลือด ที่ไม่ควรขึ้นบินโดยทันที ซึ่งสำหรับลูกเรือแล้วต้องอยู่บนพื้นดิน และงดบินถึง 3 วัน เนื่องจากบนฟ้าที่สภาพอากาศเบาบาง จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ หรือเกิดอาการหน้ามืดได้ง่ายๆ หรือภาวะโลหิตจาง
1
หรือแม้แต่การดำน้ำ ก็ควรเว้นวรรค พักผ่อน และงดบินเช่นกัน
1
ร่างกายคือขุมทรัพย์พลังงาน ไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
ขอให้มีความสุขและสุขภาพแข็งแรงค่ะทุกคนนน😊
Have a safe flight✈
#แอร์ป้าห้าดาว
Reference
โฆษณา