9 ก.ค. 2019 เวลา 09:10 • ธุรกิจ
ใครเป็นเจ้าของ เมกาบางนา? / โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึง ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ย่านบางนา
หนึ่งในชื่อที่หลายคนนึกถึง จะต้องมี “เมกาบางนา” รวมอยู่ด้วย
โครงการนี้ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
จนกำลังถูกพัฒนาให้เป็น เมืองใหม่แห่งกรุงเทพตะวันออก
เรื่องราวของห้างนี้เป็นอย่างไร ลงทุนแมนจะมาเล่าให้ฟัง
http://siamfuture.com
เมกาบางนา เปิดให้บริการมาตั้งแต่ 5 พ.ค. 2555 (ต่อจาก IKEA ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันซึ่งเปิดเมื่อปี 2554) ถือเป็นห้างสรรพสินค้าแนวราบที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน มีพื้นที่ 400,000 ตารางเมตร เปิดให้เช่า 180,000 ตารางเมตร ปัจจุบันมีผู้เช่า 440 ร้านค้า
เจ้าของโครงการนี้ คือ บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันของ 3 ฝ่าย ได้แก่
บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือชื่อย่อในตลาดหุ้น “SF” ผู้พัฒนาและบริหารศูนย์การค้า
1
บริษัท อิคาโน่ รีเทล เอเชีย จำกัด ผู้ถือครองลิขสิทธิ์ IKEA ในประเทศไทย
1
http://ikea.com
บริษัท เอส.พี.เอส โกลเบิลเทรด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ให้กับ IKEA
เมกาบางนา มีผลการดำเนินงานดังนี้
ปี 2559 รายได้ 2,224 ล้านบาท กำไร 634 ล้านบาท
ปี 2560 รายได้ 2,423 ล้านบาท กำไร 818 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 2,738 ล้านบาท กำไร 879 ล้านบาท
โดยในทุกๆ รายได้ 100 บาท ของเมกาบางนา จะมีต้นทุน 40 บาท ค่าใช้จ่ายต่างๆ อีก 31 บาท เหลือเป็นกำไร 29 บาท ซึ่งถือเป็นอัตรากำไรที่สูงลำดับต้นๆ เมื่อเทียบกับบริษัทกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในตลาดหลักทรัพย์
ทำไม เมกาบางนา ถึงได้รับความนิยม?
จะเห็นได้ว่า ในแต่ละปี มีผู้เข้าใช้บริการเมกาบางนาจำนวนสูงมาก และยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากความยิ่งใหญ่ของโครงการแล้ว อีกปัจจัยสำคัญ คือ ทำเลที่ตั้ง ที่อยู่ศูนย์กลางระหว่างจังหวัด ตั้งแต่ กรุงเทพ สมุทรปราการ ไปจนถึง ฉะเชิงเทรา
โครงสร้างพื้นฐาน ในบางนา-ตราด เอง ก็สนับสนุนให้ประชากรในย่านนี้หนาแน่นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเป็นที่ตั้งของธุรกิจและอาคารสำนักงาน การอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ หรือระบบคมนาคม ทั้งถนน รถไฟฟ้า ที่ขยายมาเขตนี้มากขึ้น
เมกาบางนาจึงเป็นที่ดึงดูดให้ร้านต่างๆ มาขอเช่าพื้นที่จนเต็ม 100% ทำให้มีสินค้าครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค
ด้วยศักยภาพดังกล่าว ทำให้ เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ เตรียมลงทุน 67,000 ล้านบาท ยกระดับโครงการขึ้นมาเป็น เมกาซิตี้บางนา สร้างให้เป็น Mixed-use development ที่รวมอสังหาริมทรัพย์หลายๆ ประเภทที่ส่งเสริมกัน แบบครบวงจร โดยหวังให้กลายเป็นแลนด์มาร์กที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง
เป้าหมายสูงสุด คือ การสร้างชุมชนที่ทันสมัย เพื่อเป็นศูนย์กลางในการพบปะ และการใช้เวลาร่วมกันของผู้คน ดังนั้นจึงวางแผนในการต่อยอดต่างๆ โดยใช้เวลา 14 ปี นับตั้งแต่ปี 2560 ไม่ว่าจะเป็น
– ส่วนต่อขยาย Mega Food Walk และซูเปอร์มาร์เก็ต เนื่องจากคนสมัยนี้ นิยมมาทานข้าวที่ห้างกันมากขึ้น
– ที่พักอาศัย คอนโดมิเนียม ซึ่งรองรับได้มากกว่า 50,000 คน
- อาคารสำนักงาน ซึ่งรองรับได้มากกว่า 30,000 คน
– โรงแรม 2 แห่ง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งมีแนวโน้มในการใช้จ่ายสูง
– พื้นที่ความบันเทิงและความรู้ สำหรับให้เด็กและครอบครัว มาทำกิจกรรมร่วมกัน
– พื้นที่สีเขียวและสวนสาธารณะ ให้ผู้คนมาใช้เวลาด้วยกันได้
มีการคาดการณ์ว่า เมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ ในวันๆ หนึ่ง จะมีคนใช้ชีวิตหรือใช้บริการที่นี่ ไม่ต่ำกว่า 250,000 คน
รู้หรือไม่ว่า จำนวนประชากรเท่านี้ เทียบได้กับบางจังหวัด เช่น แม่ฮ่องสอน (2.8 แสนคน), พังงา (2.7 แสนคน), นครนายก (2.6 แสนคน) เรียกได้ว่าแค่พื้นที่ย่านนี้ ก็เปรียบเสมือนเป็นจังหวัดหนึ่งได้เลย
สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ คือ
ในอนาคต ทิศทางการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จะเป็นแบบครบวงจรมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของสังคมเมือง ที่ขยายไปในย่านต่างๆ ใครๆ ก็อยากมีความสะดวกสบาย อยากให้ที่ทำงาน หรือแหล่งชอปปิง อยู่ใกล้บ้าน อีกทั้งผู้ประกอบการ สามารถต่อยอดโครงการตัวเอง เพิ่มรายได้ และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ที่ดินให้คุ้มค่าอีกด้วย
http://angelrealestate.co.th
โฆษณา