13 ก.ค. 2019 เวลา 15:54 • ธุรกิจ
Google ตอนที่ 1
เรื่องราวของผู้ก่อตั้ง Google
แลร์รี่ เพจ และ เซอร์เกย์ บริน สองนักศึกษาที่เริ่มต้นทำงานร่วมกันตอนเรียนที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในปี 1995 กับโครงการพัฒนาการแสดงผลของเสิร์ชเอนจิน
กว่าหนึ่งทศวรรษหลังจากวันนั้น พวกเขาได้เป็นผู้นำของหนึ่งในองค์กรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์อย่าง Google
Larry Page (แลร์รี่ เพจ)เกิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ.1973 มลรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา เป็นชาวยิว-อเมริกัน จบปริญญาตรีวิทยศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน-แอนอาเบอร์ หลังจากนั้นได้เข้าศึกษาต่อปริญญาโท ณ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
Sergey Mikhaylovich Brin เกิดเมื่อ 21 สิงหาคม ค.ศ.1973 ที่มอสโก รัสเซีย เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายรัสเซีย จบการศึกษาปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาคอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแมริแลนด์ หลังจากนั้นได้เข้าศึกษาต่อปริญญาโท ณ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดโดยได้ทุนจากวิทยาศาสตร์แห่งชาติสหรัฐอเมริกา
เพจและบรินเป็นเพื่อนแท้ต่อกันและกันตั้งแต่นั้นมา
ซึ่งเป็นลักษณะนิสัยในแบบเดียวกับผู้ก่อตั้งร่วมของหลายบริษัท ไม่ว่าจะเป็นคู่หูตั้งแต่สมัยมัธยมอย่างบิล เกตส์ และพอล อัลเลน สองคู่หูผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ และเพื่อนสมัยมัธยมอีกคู่คือแดน บริคลิน และบ็อบ แฟรงสตัน แห่ง VisiCals ซึ่งเป็นผู้สร้างสรรค์สเปรดชีตขึ้นมาเป็นเจ้าแรก นอกจากนี้ยังมีสตีฟ วอซเนียก กับสตีฟ จอบส์ ซึ่งพบกันตอนพวกเขาอายุ 18 ปีในชั้นเรียนวิชาไอทีภาคฤดูร้อน ซึ่งจัดขึ้นโดยบริษัทฮิวเลตต์-แพคการ์ด ในทางกลับกัน ฮิวเลตต์ แพคการ์ดเองก็ถูกก่อตั้งขึ้นมาโดยเพื่อนสมัยมัธยมอย่างบิล ฮิวเลตต์ และเดฟ แพคการ์ด และยังคงมีอีกหลายหลายคู่หูจนถึงทุกวันนี้
มิตรภาพได้สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เพื่อนสามารถแลกเปลี่ยนและทดสอบแนวความคิดกัน และช่วยกันผลักดันซึ่งกันและกันให้งานสำเร็จได้
เพจและบรินมีความเชื่อมั่นในตัวเองและมั่นใจในวิสัยทัศน์ของตน พวกเขามีแนวคิดที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงโลกและพัฒนาระบบค้นหาในอินเตอร์เน็ตหรือเสิร์ชเอนจินให้ดีขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นแนวคิดที่แหกคอกในสมัยนั้น
นอกจากแนวคิดแบบแหกคอกแล้ว ในการตัดสินใจเรื่องใดๆ ก็มักจะขัดกับแนวทางของคนทั่วๆไปอย่างง่ายๆ หากใครได้ติดตามการออกขายหุ้นไอพีโอของ Google จะเห็นได้ชัดๆ ว่าเพจและบรินเอาแนวทางการประมูลที่เรียกว่า Dutch Action มาใช้ ซึ่งทำให้โลกของการลงทุนต้องตื่นตาตื่นใจกับความพยายามในการขายหุ้นของพวกเขาที่จะทำให้ยุติธรรมมากที่สุด
เพจ และ บริน
เพจและบรินก่อตั้ง Google ขึ้นมาในยุคที่มีเงินสนับสนุนจากเหล่าสตาร์ทอัพ เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินจำนวนมหาศาล เช่นเดียวกับสภาพแวดล้อมทางกฏหมายก็เอื้อให้เกิดการโยกย้ายของเหล่าผู้เชี่ยวชาญและทำให้เกิดการหมุนเวียนของไอเดียอย่างกว้างขวางและเป็นอิสระ ในขณะที่การพัฒนาเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ที่ก้าวหน้าอย่างมาก ทำให้ต้นทุนการนำเอาหน่วยความจำและไมโครโปรเซสเซอร์มาใช้งานเพื่อสร้างเครื่องมือที่ดีที่สุดนั้น มีราคาถูกลงเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ซึ่งต้องขอบคุณการผลิตสินค้าในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยเช่นกัน
ทายาทโดยตรงของปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของพวกเขาถือว่าเป็นผลโดยตรงจากการพัฒนาแนวความคิดเรื่องปัญญาประดิษฐ์ หรือ artificial intelligence (AI) เมื่อเพจและบรินอธิบายถึงเป้าหมายของ Google ที่ว่า ‘’ต้องการจะจัดการข้อมูลที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก และทำให้มันสามารถเข้าถึงและใช้งานได้โดยทั่วถึงกัน’’ นั่นจึงเป็นการตอกย้ำอย่างง่ายๆถึง memax agenda ซึ่งเป็นโปรเจคทางด้านทฤษฎีที่ริเริ่มโดยแวนนีวาร์ บูช นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน
โดย บูช ได้กล่าวถึงเครื่องจักรในจินตนาการที่เรียกว่า memax ซึ่งดูเหมือนจะเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ในตอนนั้น แต่กลับกลายเป็นหนึ่งในแหล่งทรัพยากรที่ช่วยให้ความทะเยอทะยานและวิสัยทัศน์ของเพจและบรินที่จะทำให้ข้อมูลทั้งหลายในโลกใบนี้สามารถเข้าถึงได้เป็นจริงได้
เงินก้อนแรกในการก่อตั้ง Google
แอนดี เบ็กโตลไชม์(Andy Bechtolsheim) ผู้ก่อตั้งบริษัทซันไมโครซิสเต็มส์ได้เป็นผู้เขียนเช็คใบแรกให้กับ Google
มีเรื่องร่ำลือกันมาว่าหลังจากเขาพูดคุยกับเพจและบริน แค่ไม่กี่ชั่วโมงเขาก็เขียนเช็คมูลค่าหนึ่งแสนเหรียญ แต่เพจและบรินยังไม่สามารถนำเงินไปขึ้นได้ตอนนั้นเพราะพวกเขายังยื่นเอกสารให้ทางการสำหรับก่อตั้งบริษัทยังไม่เสร็จเลย
Andy Bechtolsheim
เบ็กโตลไชม์ คือหนึ่งใน serial entrepreneurs ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการสร้างธุรกิจมากกว่าหนึ่งธุรกิจ และด้วยประสบการณ์ของเบ็กโตลไชม์ เค้ารู้ดีว่าบริษัทใหม่ๆที่จะก่อตั้งนั้นเป็นอย่างไร จะไปรอดไหม ตั้งแต่แรกเห็น
เวลาจะพิจารณาบริษัทใหม่ๆเพื่อลงทุนนั้น serial entrepreneurs จะถามคำถามทำนองว่า
1. ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานหรือไม่?
2. เงินที่พวกเขาจะลงทุนนั้นจะถูกใช้อย่างรอบคอบได้แค่ไหน?
3. โมเดลของธุรกิจเป็นอย่างไร?
ประสบการณ์ของพวกเขานั้นช่วยลดความเสี่ยงของการลงทุนกับบริษัทใหม่ใหม่และจะทำให้สามารถไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น
ขอบคุณแหล่งที่มาจากหนังสือ the google way
โฆษณา