15 ก.ค. 2019 เวลา 07:00 • สุขภาพ
พยาธิตืดหมู...สายกิน”ดิบ”และ”คลีน”ระวังไว้ให้ดี!
ถ้าใครได้ตามข่าวในช่วงนี้ อาจได้เห็นข่าวนี้ผ่านตา ข่าวที่ว่าผู้ใช้เฟสบุ๊กคนหนึ่งได้โพสเกี่ยวกับก้อนคล้ายสิวที่ขึ้นอยู่บนลิ้นของเธอ เมื่อไปพบแพทย์จึงได้พบว่าเป็น”พยาธิตืดหมู” ซึ่งในเหตุการณ์นี้ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่เฉพาะผู้ป่วยที่ต้องตกใจ เพราะแม้กระทั่งแพทย์เองก็ยังต้องตกใจด้วยเช่นกัน
พยาธิตัวตืด หนึ่งในตระกูลพยาธิที่มีกว่าร้อยสปีชี่ย์ พวกมันคือสิ่งมีชีวิตที่ต้องอาศัยอยู่ในสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่เรียกว่าโฮสต์(Host) เพื่อการเจริญเติบโตและการขยายพันธ์ุ โดยโฮสต์นั้นมีได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สุนัข แมว ปลา และสัตว์ชนิดอื่นๆอีกมากมาย ถ้าขาดโฮสต์ไป พวกมันจะต้องตายเนื่องจากไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมภายนอกเป็นระยะเวลานานได้
อย่างที่ได้บอกไปว่าพยาธินั้นมีหลากหลายสปีชี่ย์มาก แต่ละสปีชี่ย์ก็จะมีความสามารถในการกดขี่ร่างกายของโฮสต์แตกต่างกันไป แต่ในบทความนี้ ผมจะขอเล่าถึง ”พยาธิตืดหมู” ซึ่งถือว่าเป็นพยาธิคู่บ้านคู่เมืองประเทศไทยของพวกเรามาเป็นเวลาแสนนาน และก็กำลังเป็นข่าวที่น่าสนใจอยู่ในตอนนี้ มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
พยาธิตืดหมู (Taenia solium) เป็นพยาธิตัวแบนชนิดหนึ่ง ตัวเต็มวัยสามารถมีความยาวได้ถึง 7 เมตร มีโฮสต์หลักก็คือ”มนุษย์”นั่นเอง และมีโฮสต์ตัวกลางเป็น”หมู”ตามชื่อของพวกมัน และเมื่อพูดถึงพยาธิ สิ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ “วงจรชีวิต” ที่น่าแสนสนุกของพวกมัน...
ผมขอเริ่มต้นจากผู้ป่วยที่ติดเชื้อพยาธิก่อนเลย คนเหล่านี้มีพยาธิตืดหมูจำนวนมากมายอยู่ในลำไส้ของตัวเอง ดังนั้นการอุจจาระทุกๆครั้งของพวกเขา ย่อมมีไข่พยาธิปนเปื้อนออกมาด้วย และไม่ใช่มีเพียงจำนวนน้อยๆ แต่มีจำนวนถึง”หลายหมื่นฟอง”ต่อครั้ง ส่วนตัวพยาธินั้นส่วนใหญ่จะไม่หลุดออกมาด้วย เพราะพวกมันมีปากไว้คอยเกาะติดกับผนังลำไส้อย่างเหนียวแน่น
เมื่อมีไข่พยาธิปนเปื้อนมากับอุจจาระ สำหรับประเทศกำลังพัฒนารวมถึงประเทศไทยนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกเลยที่อุจจาระเหล่านั้นจะปนเปื้อนไปกับพืชผักผลไม้และอาหารอื่นๆได้ และหลังจากนี้พยาธิตืดหมูก็จะสามารถติดต่อสู่มนุษย์คนอื่นได้ทั้งหมด 2 วิธีด้วยกัน
“วิธีแรก”ก็คือการติดต่อผ่านทางหมูนั่นเอง หมูได้กินอาหารพืชผักที่ปนเปื้อนอุจจาระที่มีไข่พยาธิเข้าไป ทำให้ไข่พยาธิเหล่านี้ไปฟักตัวเป็นตัวอ่อนเล็กๆอยู่ในลำไส้ของมัน ตัวอ่อนเล็กๆเหล่านี้สามารถชอนไชทะลุผนังลำไส้เข้าสู่เส้นเลือด แล้วกระจายไปติดเชื้อตามอวัยวะต่างๆของหมูรวมถึงกล้ามเนื้อที่ใช้รับประทาน การติดเชื้อแบบนี้สามารถทำให้หมูตายได้ แต่คุณอาจไม่เคยเห็นหมูตายจากโรคพยาธิ เพราะส่วนใหญ่มันจะถูกจับเชือดเป็นอาหารก่อนนั่นเอง
เมื่อพยาธิตืดหมูกระจายไปทั่วทั้งร่างกาย มันก็จะสร้างถุงน้ำเล็กๆที่มี”พยาธิตืดหมู”อยู่ข้างใน หรือที่เรียกกันในภาษาชาวบ้านว่า”เม็ดสาคู”
เม็ดสาคูเหล่านี้จะฝังตัวอยู่ในกล้ามเนื้อส่วนต่างๆของหมู พวกมันมีขนาดประมาณ 0.5-1.5 เซนติเมตร ดังนั้นถ้าไม่สังเกตุดีๆ ก็อาจมองผ่านไปได้เช่นกัน โดยเม็ดสาคูพวกนี้ถูกทำลายได้เมื่อผ่านความร้อนจนสุก แต่สำหรับคนที่รับประทานเนื้อหมูสุกๆดิบๆ ก็อาจได้รับเม็ดสาคูหรือพยาธิตืดหมูที่ยังมีชีวิตเข้าสู่ลำไส้
เมื่อเม็ดสาคูเหล่านี้เข้าสู่ลำไส้ของมนุษย์ เม็ดสาคูก็จะแตกออกและมีพยาธิตัวตืดขนาดต่างๆออกมา แต่ขนาดตัวของพวกมันก็ไม่ได้เล็กมากพอที่จะสามารถชอนไชทะลุผนังลำไส้มนุษย์แบบที่ทำในหมูได้ เพราะพยาธิเหล่านี้ได้เจริญเติบโตมาได้สักระยะหนึ่งในเม็ดสาคูแล้ว พวกมันจึงต้องอาศัยอยู่ในลำไส้ของมนุษย์แทน เมื่อมีการเติบโตและขยายพันธ์ุจำนวนมากขึ้น พวกมันก็จะคอยแย่งดูดซึมอาหารของผู้ป่วยอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผู้ป่วยซูบผอมลง ขาดสารอาหาร และอาจมีอาการปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้ หรืออุจจาระบ่อย เนื่องจากเกิดจากการระคายเคืองต่อลำไส้
และนี่ก็คือ”วิธีแรก”ที่พยาธิตืดหมูสามารถติดต่อสู่คนอื่นๆ และส่วนใหญ่แล้วการติดต่อจะเกิดขึ้นโดยวิธีนี้ อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าผู้ป่วยอาจไม่ได้มีอาการที่รุนแรงมากนัก เนื่องจากพยาธิตืดหมูเพียงแค่คอยแย่งชิงอาหารเท่านั้น ดังนั้นการรักษาจึงไม่ได้ยากลำบากมากนัก เพียงแค่การกินยาฆ่าพยาธิ ยาก็จะเข้าไปทำลายพยาธิที่อยู่ในลำไส้ทั้งหมด
แต่อย่างไรก็ตาม ความน่ากลัวของพยาธิตืดหมูไม่ได้มีเพียงแต่เท่านี้ เพราะพวกมันยังมีการติดต่อ ”วิธีที่2”
”วิธีที่2” วิธีนี้ทำให้เกิดข่าวพยาธิตืดหมูในลิ้น ในขณะที่วิธีแรกนั้นมนุษย์กิน”ตัวพยาธิ”ที่อยู่ในเม็ดสาคูเข้าไป แต่สำหรับวิธีที่2นี้ เกิดขึ้นจากการที่มนุษย์กิน”ไข่พยาธิ”เข้าไป โดยส่วนใหญ่เกิดจากการรับประทานพืชผักผลไม้ที่ปนเปื้อนไข่พยาธินั่นเอง
ดังนั้นการติดเชื้อวิธีนี้นั้น จะไม่ต่างจากการติดเชื้อพยาธิในหมูที่เล่าไปตอนต้นเลยครับ เพราะไข่ที่กินเข้าไปนั้นจะฟักออกมาเป็นตัวอ่อนพยาธิขนาดเล็กมากๆ เล็กพอที่จะสามารถชอนไชทะลุลำไส้ของมนุษย์ได้ และไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกาย
ดังนั้นการติดเชื้อวิธีที่2นี้จึงเป็นการติดเชื้อแพร่กระจายทั่วทั้งร่างกาย ติดเชื้อได้ในทุกๆอวัยวะ ไม่จำกัดอยู่แค่ในเฉพาะลำไส้แบบวิธีแรก เหมือนกับเม็ดสาคูที่พบได้ทั่วทุกส่วนของตัวหมูนั่นเอง
หลังจากติดเชื้อแล้ว ผู้ป่วยจะมีอาการอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าพยาธิตืดหมูนั้นไหลเวียนไปติดเชื้อที่ส่วนใด ถ้าไปที่”ลิ้น”ก็อาจทำให้เกิดเรื่องตามที่เห็นในข่าว ถ้าไปที่”กล้ามเนื้อ” ก็อาจคลำได้ก้อนหรืออาจไม่มีอาการใดๆ ถ้าไปที่”ดวงตา” ก็ทำให้ตาบอดได้ และที่สำคัญและเกิดบ่อยมากที่สุดก็คือ การติดเชื้อใน”สมอง” สามารถทำให้ปวดหัว ชัก ความจำเสื่อม หรือเป็นอัมพาตได้
1
สำหรับการรักษานั้นอาจต้องกินยาฆ่าพยาธินานกว่าการติดเชื้อวิธีแรก และอาจต้องกินหลายชนิดพร้อมๆกัน นอกจากนี้อาจต้องผ่าตัดในบางราย เช่น การติดเชื้อในสมอง ดวงตา
ดังนั้นขอสรุปให้เข้าใจง่ายๆอีกครั้ง การติดเชื้อพยาธิตืดหมูนั้นเกิดได้ 2 วิธี
1.การรับประทานเนื้อหมูสุกๆดิบๆ เช่น ลาบ ลู่ หมูน้ำตก แหนมดิบ เป็นต้น ถือเป็นการกิน”ตัวพยาธิ”ที่อยู่ในเม็ดสาคู ทำให้เกิดการติดเชื้อเรื้อรังที่ลำไส้
2.การรับประทานผักผลไม้หรือวัตถุดิบอื่นๆที่ล้างไม่สะอาด ถือเป็นการกิน”ไข่พยาธิ” ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ทั่วทั้งร่างกาย
สำหรับการป้องกันนั้นง่ายนิดเดียว นั่นก็คือการรับประทานเนื้อหมูที่สุกดี และล้างผักผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทาน โดยเฉพาะการใช้ผงฟู น้ำส้มสายชู หรือน้ำยาล้างผักอื่นๆในการล้างร่วมด้วย ก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ส่วนถ้าใครกำลังดีใจว่าแม้กินเนื้อหมูดิบๆแรร์ๆไม่ได้ แต่ก็ยังมีเนื้อวัวไว้ชดเชยได้ ก็ต้องบอกข่าวร้ายเลยว่าบนโลกนี้ยังมี”พยาธิตืดวัว”ด้วยเช่นกัน มีความสามารถต่างๆคล้ายๆพยาธิตืดหมูเลย เพียงแต่พวกมันอยู่ในเนื้อวัวเท่านั้นเอง แต่ไม่ว่าจะเป็นพยาธิชนิดใดก็ตาม หลักการป้องกันการติดเชื้อพวกมันนั้น ก็ใช้วิธีเดียวกัน นั่นก็คือการรับประทานอาหารที่”สุกและสะอาด”
แม้ปัจจุบันการรับประทานเนื้อสัตว์ครึ่งสุกครึ่งดิบจะเป็นที่นิยมกันแพร่หลาย สำหรับในประเทศพัฒนาแล้วนั้นอาจไม่มีปัญหาใดๆมากนักเนื่องจากการเลี้ยงสัตว์ที่มีมาตรฐานสูง แต่สำหรับประเทศไทยนั้นยังเป็นประเทศกำลังพัฒนาอยู่ คุณสามารถเห็นการเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อนได้เป็นเรื่องปกติ และร้านอาหารในชุมชนโดยเฉพาะร้านบุฟเฟ่ต์เติมไม่อั้นก็อาจใช้วัตถุดิบจากสัตว์ราคาถูกๆเหล่านี้ ดังนั้นคุณภาพของร้านอาหารจึงเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน ถ้าร้านดีมีมาตรฐานน่าเชื่อถือ ก็จะมีความเสี่ยงน้อยลง
ถ้าใครที่กำลังคิดว่าบทความนี้คือเรื่องไกลตัว ผมอยากจะบอกว่าปัจจุบันนี้ ประเทศไทยมีผู้ป่วยติดเชื้อพยาธิชนิดต่างๆจำนวนรวมกันถึงหลายล้านคน และก็ยังมีผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคพยาธินี้ในหลักหมื่นคนในแต่ละปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอีสาน ดังนั้นพยาธิคือเรื่องใกล้ตัวพวกเรามากกว่าที่หลายๆคนคิด และพวกมันก็อาจอยู่ในอาหารมื้อต่อไปของพวกเรา...
ฝากดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะครับ:D
#Healthstory
อย่าลืมกดLike&Shareด้วยนะครับ^^
ติดตามเรื่องราวสุขภาพดีๆจากปากหมออีกได้ที่
Blockdit : Healthstory - เรื่องสุขภาพ ง่ายนิดเดียว
โฆษณา