17 ก.ค. 2019 เวลา 07:06 • ความคิดเห็น
ROUTINE พลังแห่งความจำเจ...อาวุธคู่กายของผู้ที่ประสบความสำเร็จ
คำว่ากิจวัตรประจำวันหรือ Routine แค่พูดขึ้นมาคนฟังส่วนใหญ่ก็แทบเมินหน้าหนีแล้ว เพราะแค่ชื่อมันฟังก็ดูน่าเบื่อมากๆ เพราะมันคือการทำอะไรซ้ำๆซากๆอยู่เป็นทุกวัน
แต่คุณหรือหรือเปล่าครับว่าRoutineนั้น ถ้าใช้ให้ถูกจุดมันคือเครื่องมือที่จะทำให้คุณนั้นมีเวลาเอาไปทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่าและใช้พลังงานมากกว่าได้ อย่างเช่นการใช้สมองในการคิดวิเคราะห์ เป็นต้น ซึ่งในแต่ละวันนั้นการใช้ความคิดนั้นบอกเลยว่าเปลืองพลังงานมากๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการสร้างนิสัยในการทำอะไรสักอย่างให้เป็นกิจวัตรประจำวันนั้นไม่มีหลักตายตัวนะครับ คุณสามารถประยุกต์ใช้กับสิ่งที่ตัวเองต้องการที่จะให้มันเป็นRoutineได้เลย
ผมขอยกคำพูดของหนังสือ The Disruptor ของคุณ รวิศ หาญอุตสาหะ CEO ของศรีจันทร์ ในบทที่เป็นเรื่องพลังของความซ้ำซาก ที่ยกตัวอย่างเกี่ยวกับเรื่องกิจวัตรประจำวันของนักกีฬาในแต่ละวันตอนที่ไม่มีแข่งขัน ไว้อย่างน่าสนใจมากๆ
เมื่อนักกีฬาไม่มีแข่งเค้าก็จะซ้อมอย่าหนัก กินอาหารที่นักโภชนาการจัดให้แบบเดิมซ้ำๆ ทั้งก่อนที่จะมีแข่งขัน และหลังจากที่มีการแข่งขัน ซึ่งกลุ่มนักกีฬาจะเรียกได้ว่าเป็นอาชีพที่ใช้ชีวิตโครตจะจำเจมากๆเลยก็ว่าได้
บ็อบ โบว์แมน เคยกล่าวไว้ว่า “จงจดจ่อกับกระบวนการ ไม่ใช่ผลลัพธ์” ซึ่งถ้าให้ผมตีความคือ ลงมือทำให้มากๆและเรียนรู้ข้อผิดพลาดแล้วนำมาปรับปรุงตัวเอง เดี๋ยวผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะดีเอง ซึ่งผมก็รู้สึกเช่นนั้นไม่ต่างกัน
เหมือนสมการ (Input+Process = Output) ถ้าเราใส่อะไรดีๆเข้าไป และกระบวนการทำงานก็ดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะดีเช่นกัน ซึ่งเมื่อคุณทำจนมันเป็นRoutineแล้วและคุณต้องการตัวเร่งให้ประสบความสำเร็จเร็วขึ้น คุณก็แค่ลองจินตนาการความสำเร็จของคุณดู แต่ก็ต้องไม่เวอร์จนเกินไป เพราะจินตนาการมันจะเป็นแรงพลักดันและตัวกระตุ้นชั้นดีที่จะทำให้คุณมีแรงที่จะสู้ต่อไปมากขึ้น โดยสมองของคนเราไม่สามารถแยกแยะระหว่างจินตนาการและความจริงได้มากนัก ดังนั้นถ้าสร้างจินตนาการให้ทรงพลังไม่เวอร์วังมากจนเกินไป สมองเราจะสั่งการให้มันเกิดขึ้นจริงได้
Routine นั้นจึงช่วยให้เรามีเวลาในการใช้ชีวิตมากขึ้น
เพราะอะไรกันหรอ ก็เพราะการใช้ชีวิตในแต่ละวันเราไม่สามารถวางแผนในทุกๆการกระทำได้ เพราะแค่วางแผนธรรมดาทั่วไปก็ใช้พลังงานสมองไปค่อนข้างมากแล้ว ถ้าเป็นการวางแผนในเรื่องที่ยากๆก็ต้องใช้พลังงานสมองมากขึ้นกว่าปกติ ซี่งก็จะเหลือพลังงานในการลงมือทำน้อยมาก หรืออาจจะเป็นบ้าไปก่อนที่จะได้ลงมือทำเลยก็ได้
ดังนั้นคุณควรที่จะชั่งน้ำหนักให้ดี หาจุดกึ่งกลางที่พอดีให้เจอ
ผมขอยกอีกตัวอย่างนึงนะครับเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างนิสัยการออม และการลงทุน จากหนังสือเล่มเดิมเลยครับ ซึ่งเป็นบทที่ทางคุณรวิศได้เชิญคุณหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์ ที่เป็นผู้จัดรายการพ็อดคาสท์ The Money Case by The Money Coach มาพูดเรื่องการออมและการลงทุนให้ทีมงานฟัง
โดยพี่หนุ่มได้พูดคำๆหนึ่งไว้อย่างเฉียบคมว่า “สิ่งสำคัญในการออมไม่ใช่จำนวนเงิน แต่เป็นทัศนคติ ,คนจนเงินยังช่วยได้ แต่จนความคิดช่วยอะไรไม่ได้” เท่าที่ผมเข้าใจคือถ้าคุณรู้จักการสร้างนิสัยในการออมให้เป็นนิสัย จนเกิดเป็นRoutine เมื่อคุณเห็นจำนวนเงินในบัญชีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คุณจะเปลี่ยนวิธีการใช้เงินโดยอัตโนมัติทันที และถ้ามีใครมาเกทับคุณโดยบอกคุณว่า เก็บเดือนละ500เองกระจอกว่ะ เดี่ยวสิ้นปีเราใส่แม่งที่เดียวเลย6,000 พี่หนุ่มบอกว่ามันเกิดขึ้นได้โครตยาก หรืออาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้
ดังนั้นมันจึงต้องแก้ที่ทัศนคติ โดยคุณต้องเข้าใจก่อนว่าธรรมชาติของเงินก่อนว่า”ยิ่งออมเร็วยิ่งได้เปรียบ” แล้วเมื่อคุณเริ่มมีเงินออมมากขึ้นเรื่อย ความคิดที่คุณจะนำเงินไปลงทุนอะไรสักอย่างก็จะตามมา อีกเรื่องที่พี่หนุ่มพูดน่าสนใจมากครับ อย่าอ้างว่าฉันอายุเยอะ ภาระค่าใช้จ่ายเยอะ จริงๆไม่ว่าวัยใดก็ตามต่างก็มีภาระทั้งนั้น แค่มันจะเป็นภาระคนละรูปแบบกันแค่นั้น อย่าพูดว่า “ไว้เงินเดือนเยอะขึ้นแล้วค่อยออม” เพราะมันแถบไม่ค่อยเกิดขึ้นจริง เพราะถึงแม้เงินเดือนจะขึ้น แต่อย่าลืมว่าค่าใช้จ่ายก็เพิ่มเช่นกัน
เราจึงควรทำให้เกิดเป็นนิสัยหรือทำให้เป็นRoutine โดยใช้วิธีการหักเงินเข้าบัญชีทันทีที่ได้ ไม่ใช่ใช้ก่อนเหลือค่อยเก็บ ควรตั้งเป้าเลยว่าจะออมครั้งละเท่าไรจะน้อยแค่ไหนก็ต้องทำ ทำให้เป็นนิสัย อย่าหมิ่นเงินน้อย เพราะมันเป็นการสร้างนิสัย แล้วเราจะมีวินัยมากขึ้นและเราจะออมมันได้มากขึ้น
และสุดท้ายนี้พี่หนุ่มก็ให้ข้อคิดที่ดีมากอีกข้อหนึ่งคือ ถึงคุณจะเป็นหนี้ก็ต้องออม เพราะหนี้ก็ส่วนหนี้ เงินออมก็ส่วนเงินออม อย่าหลงประเด็น
ใครที่ยังไม่เริ่มสร้างนิสัยในการออมและการลงทุน ควรเริ่มได้แล้วนะครับ เดี่ยวจะไม่มีเงินไว้ใช้ในยามแก่นะครับ
ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ The Disruptor ด้วยนะครับ
ถ้าที่ถูกใจบทความนี้อย่าลืมกดLikeเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ หรือถ้าอยากบอกต่อให้โลกรู้ก็กดShareได้เลยครับ
ติดตามช่องทางบน FB Fanpageของเราได้โดยค้นหาคำว่า : ความรู้วันละหน้ากระดาษ
โฆษณา