27 ก.ค. 2019 เวลา 02:10 • บันเทิง
21 Chump Street: The Musical - Lin Manuel Miranda
ช่วง: คนเขียนเล่าละครเพลง
ต้องเกริ่นก่อนว่าเรื่องนี้ นอกจากจะเป็นที่รู้จักเพราะมันขึ้นชื่อว่าเป็นละครเพลงที่สั้นที่สุดด้วยความยาวแค่ประมาณ 14 นาทีกว่าๆแล้ว อีกอย่างที่น่าสนใจคือเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในอเมริกาอีกด้วย ยังไงก็ลองอ่านกันดูนะคะ^^
*ข้อความที่เป็นภาษาอังกฤษคือส่วนที่ถูกดึงออกมาจากละครเพลงทั้งหมดค่ะ
ในเดือนพฤษภาคม ปีค.ศ. 2011 ที่โรงเรียนมัธยมปลาย ปาร์ค วิสต้า คอมมูนิตี้ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกาอเมริกา ผู้ต้องหาจำนวน 31 คนถูกจับในข้อหาค้ายาเสพติดในโรงเรียน ซึ่งในจำนวนผู้ต้องหานั้น เกินกว่าครั้งเป็นนักเรียนเกือบทั้งหมด
มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกประหลาดเลย โดยเฉพาะเมื่อทางรัฐบาลมีโครงการที่เรียกว่า การปฏิบัติการ D - Minus
โครงการที่ให้เจ้าหน้าที่แฝงตัวเข้าไปในโรงเรียนเพื่อสืบเรื่องการค้าขายยาเสพติด
แต่สิ่งที่น่าแปลก คงเป็นเพราะในจำนวนนักเรียนที่ถูกจับกุม มีนักเรียนชายคนหนึ่ง ชื่อ จัสติน ลาบอย
เขาเป็นนักเรียนดีเด่นที่มีประวัติขาวสะอาด ได้เกรดเอทุกวิชา และไม่เคยมีประวัติที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
และนี่... คือคำให้การของเขาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ภาพจากการแสดงจริง
“ตำรวจคนนั้นเข้ามาเรียนในเทอมสุดท้าย เธอนั่งอยู่ด้านหน้าผม ผมเลยขอเพื่อนแลกที่ ชื่อของเธอคือ นาโอมิ โรดริเกส” จัสตินเล่า
“อะไรทำให้คุณสนใจในตัวเธอ?”
“Man, she used to fall asleep in class”
[เธอชอบหลับในห้องเรียน]
“She was a light-skinneded
Puerto Rican-Dominican -- long hair, mature in the body like whoa”
[เธอเป็นคนผิวขาว ผมยาวตรงสีดำ ด้วยรูปร่างและหุ่นแบบ... โว้ว..]
“That's not the only reason I liked her, though”
[นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ผมชอบเธอหรอกนะ]
“She said she moved with her mother to Florida from New York”
[เธอบอกว่าเธอย้ายมากับแม่จากนิวยอร์ค]
“And so did I”
[ผมก็เหมือนกัน]
“ผมเริ่มทักเธอก็ตอนนั้นแหละ เธอดูเป็นผู้ใหญ่มากๆ ผมก็เลยเริ่มเล่าอะไรหลายๆอย่างให้เธอฟัง”
“แล้วผมก็แบบ... นี่ผมต้องทำยังไงให้ได้คบกับคุณ?” จัสตินพูดด้วยสีหน้าเพ้อๆ
“เดี๋ยว นี่คุณบอกเธอไปแบบนั้นเลยหรอ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจถาม
“Well... I texted her! Y’know, I was like...”
[คือ... ผมส่งข้อความบอกเธอน่ะ! แบบว่า...”
Justin: What the heck I gotta do to be with you? lololol
What the heck I gotta do to be with you? Rof lol😂
What the heck I gotta be? For you to be with me?
“แล้วเธอตอบกลับมาว่าไง?”
“ก็... เธอดูจะมีใจนะ...”
Naomi: 😊
“...” <-เจ้าหน้าที่ตำรวจ
“คือพอวันต่อมา ผมก็คุยกับเธอทั้งวันทั้งคืน ผมบอกเลยนะ ผมไม่เคยเจอใครแบบเธอเลยซักคน เธอรับฟังปัญหาของผมทุกเรื่อง ผมยอมให้เธอลอกการบ้านทุกวิชา แล้วผมก็ขอเธอออกเดต...”
“แล้วเธอตอบว่ายังไง?”
“เธอบอกว่า ไม่... คือเธอไม่ได้พูดออกมานะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ทำไมล่ะ!? ผมว่าผมเป็นผู้ชายที่ดีพอตัวนะ!?”
“แล้วคุณทำยังไงต่อ?”
“วันต่อมา ผมก็เลยออกไปเต้นหน้าห้อง ร้องเพลงด้วยนะ!”
“ห้ะ?!”
“ใช่! ผมอยากให้เธอประทับใจ ผมชวนเธอไปงานพรอมด้วย”
“เธอตอบว่าอะไร?”
“เธอบอกว่า ขอคิดดูก่อน!” แล้วเทปอันแรกก็ตัดไป
ต่อมา นี่คือคำให้การของ นาโอมิ โรดริเกส
“ชั้นไม่ได้พูดว่า ขอคิดดูก่อน”
“ชั้นบอกชื่อจริงกับคุณไม่ได้”
“แต่ ใช่ ชั้นยืนยันได้ว่าเขาชวนฉันไปงานพรอมจริงๆ”
“คุณบอกว่าคุณทำงานอยู่ในโครงการ D - Minus ของรัฐบาลด้วย?”
“ใช่ค่ะ หน้าที่ของชั้นคือการปลอมตัวเป็นเด็กนักเรียนเพื่อสืบหาว่ามีใครค้าขายสารเสพติดบ้าง คุณต้องไม่เชื่อแน่ๆว่ามันง่ายขนาดไหนที่จะหาซื้อของพวกนี้” เธอกลอกตา
“ช่วงเวลาที่แย่ที่สุดของการทำงานนี้คือตอนไหน?”
“เหอะ ช่วงที่ต้องอยู่ในโรงอาหารแน่อยู่แล้ว คุณลองจินตนาการถึงเด็กเป็นร้อยตะโกนโหวกเหวกโวยวายแล้ววิ่งไปมาดูสิ”
“เอาง่ายๆเลยนะ ชั้นต้องไปดื่มเหล้าหลังจบงานทุกวัน”
“Seriously these kids need to learn there are consequences in life”
[พูดจริงๆนะ เด็กพวกนี้ต้องหัดเรียนรู้บ้างว่าผลกระทบที่ตามมามันมีอยู่จริง]
“If I’m doing my job, and I’m doing it right”
[ถ้าชั้นทำงานของฉัน และชั้นทำมันได้อย่างถูกต้องล่ะก็..]
“I am making life better one school at a time”
[ชั้นก็กำลังทำให้ชีวิตในโรงเรียนดีขึ้นไปเรื่อยๆ”
“สรุปว่าเขาชวนคุณไปงานพร็อมใช่มั้ย?” เจ้าหน้าที่ถามต่อ
“ใช่ ชั้นพยายามบอกแล้วนะว่ามันแพงๆมาก ซึ่งก็ขอพูดตรงนี้เลยนะว่ามันเป็นเรื่องจริง(เห็นด้วยค่ะ! 555) ชั้นบอกเค้าว่า ฟังนะ ชั้นเพิ่งย้ายมาใหม่ คงเข้ากับเพื่อนเธอไม่ค่อยได้หรอก”
“อันที่จริง ชั้นก็มีเพื่อนระหว่างทำงานนี้นะ ชั้นได้เจอเด็กที่ฉลาด ไวต่อความรู้สึก และป้องกันตัวเองไม่ได้ พวกนั้นแหละคือเด็กที่ชั้นมักจะจำได้ พวกเขาคือคนที่ฉันยังคงนึกถึงแม้จะจากมาแล้ว”
[เทปม้วนที่สอง]
“แล้วทำไมคุณถึงเริ่มไปยุ่งกับยาเสพติดได้ล่ะ?”
“เธอถามผมว่าผมสูบยารึเปล่า ผมเลยตอบไปว่าไม่ แล้วก็..”
“แล้วอะไร?”
“คือ... ผมก็พูดต่อว่า..”
“No, I don’t but if that’s what you need, I can find some for you. I can be your supply.”
[ผมไม่สูบแต่ถ้าคุณต้องการ ผมหามันมาให้คุณได้นะ”
“แล้วเธอตอบว่าไง?”
“You would do that for me?”
[คุณจะทำแบบนั้นเพื่อชั้นหรอคะ?]
“I can be you guy!”
[ผมเป็นคนนั้นให้คุณได้!]
“สรุปก็คือ เธอขอให้คุณหายามาให้เธอ?”
“ใช่ครับ”
“แล้วคุณไปหามายังไง?”
“ผมพูดตรงๆเลยนะครับ ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง คือผมไม่ใช่คนแบบนั้น ไม่เคยไปยุ่งกับคนพวกนั้นด้วย!”
“แล้วสรุปคุณทำยังไง?”
“ก็... Everybody got a cousin who can hook them up with something”
[ทุกคนมีลูกพี่ลูกน้องซักคนที่จะหาของพวกนี้ให้คุณได้]
“ผมโทรหาลูกพี่ลูกน้องให้โทรหาลูกพี่ลูกน้องให้โทรหาเพื่อนที่โทรหาลูกพี่ลูกน้องอีกหลายคน”
“พวกเขาถามผมว่าผมเอามันไปทำอะไร”
“แล้วคุณตอบไปว่ายังไง?”
“Love... Only a few believe in love...”
[ความรัก... มีไม่กี่คนที่เชื่อในความรัก]
“แล้วผมก็ได้ยานั่นมา”
[จบเทปที่ 2]
[เทป 3]
“จากนั้นเกิดอะไรขึ้น?”
“ผมส่งข้อความหาเธอ”
Justin: I got it for you
Naomi: XO cool
Justin: You want it now?
Naomi: See you at school.
“คุณก็เลยเอาไปให้เธอที่ห้องเรียน?”
“ใช่... คือผมก็แบบ ‘โอ้พระเจ้า นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่’ พวกเรานั่งกันอยู่ในห้องเรียน แล้วเธอก็บอกว่า ‘จัสติน นายมีมันรึเปล่า?’”
“ผมก็ตอบไปว่ามี แล้วผมก็รออีกหน่อย คือผมไม่อยากใจร้อนน่ะ แล้วเธอก็บอกว่า ‘โอเค เอามันใส่ในกระเป๋าชั้น’”
“ผมก็หย่อนมันลงไป เธอยื่นเงินมาให้ผมแล้วบอกให้ผมรับเงิน”
“แล้วคุณรับมั้ย?”
“ไม่ ผมบอกเธอว่าผมไม่อยากได้มัน ผมทำให้เธอได้ทุกอย่าง ผมอยู่ข้างเธอได้ตลอดเวลาจริงๆ...”
“แล้วนาโอมิทำยังไง?”
“เธอบอกให้ผมรับเงิน... “
“แล้วเกิดอะไรขึ้น?”
“ผมจูบเธอ แล้ว... ผมก็รับเงินมา”
“นั่นเป็นตอนที่ตำรวจบุกมาพอดีใช่มั้ย?”
“ครับ...”
“คุณรู้ตัวรึเปล่าว่าทำพลาดมากแค่ไหนที่รับเงินมา?”
“ครับ...”
จัสตินถูกจับทันทีเพราะเขาค้ายาเสพติด หลักฐานทั้งหมดอยู่ในข้อความที่เขาคุยกับเธอ โทษของเขาหนักขึ้นอีกเพราะมันเกิดขึ้นในโรงเรียน เขาพลาดมหาลัยในฝัน และต้องใช้ชีวิต 3 ปีอยู่ในสถานพินิจ
[เทปสุดท้าย]
“เด็กพวกนี้ควรจะตื่นได้แล้ว ชั้นไม่อยากลงรายละเอียด แต่ยาเสพติดกระทบกับคนรอบตัวได้มากจริงๆ ฉันเห็นผลของยาพวกนี้มาทั้งหมด...”
“กับสมาชิกครอบครัวหรอครับ?”
“ค่ะ ฉันเห็นว่ามันทำอะไรกับครอบครัวได้บ้าง ชั้นมีเรื่องที่อยากจะพูดแค่นี้ค่ะ”
“คุณอยากให้มีคนทำงานแบบนี้เหมือนคุณไหม?”
“แน่นอนค่ะ และชั้นหวังว่าคนพวกนั้นจะทำมันต่อไป...”
“แต่... มันก็มีเด็กบางคนที่คุณยังจำได้... เด็กที่คุณจะยังคงนึกถึงแม้ต้องจากที่นั่นมาแล้วก็ตาม...” เธอพูดพลางก้มหน้าลง
“เธอเป็นผู้หญิงผิวสีผิวขาว ผมยาวตรงสีดำ ด้วยรูปร่างและหุ่นแบบ... โว้ว...”
“แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ผมชอบเธอ”
“ถ้ามีเด็กผู้ชายเข้ามาถามผมเรื่องยาเสพติด ผมคงไล่กลับไปแล้ว เพราะผมไม่ใช่คนแบบนั้น”
“แต่เพราะนั่นเป็นเธอ... นาโอมิ”
“คุณได้คุยกับเธออีกรึเปล่าหลังจากนั้น?”
“ไม่... แต่ผมอยากคุยกับเธอนะ”
“คุณจะบอกเธอว่าอะไร?”
“ผมจะบอกว่า...”
“Naomi... What the heck did you do...?”
[นาโอมิ... เธอทำอะไรลงไป?]
ปัจจุบันหลังจากที่เรื่องนี้ถูกนำมาทำเป็นละครเพลง คุณจัสตินตัวจริงก็ได้ถูกดึงมาสัมภาษณ์ค่ะ ส่วนตัวตนคุณนาโอมิยังคงถูกเก็บเป็นความลับต่อไป
จัสตินบอกว่าเขาไม่ได้โกรธเธอแล้ว ปัจจุบันเขาทำงานเกี่ยวกับบริษัทซ่อมรถยนต์ เขามีการงานที่ดี แม้จะไม่ได้เป็นอาชีพที่ฝันก็ตาม
เขาบอกว่าชีวิตของเขาก็เดินต่อไป คนสัมภาษณ์ถามว่าเขายังอยากเจอเธออยู่รึเปล่า ถ้าเจอก็จะพูดว่ายังไง โดยจัสตินตอบว่า
“ผมจะเดินเข้าไปจับมือทักทาย แล้วบอกว่า คุณเปลี่ยนชีวิตของผม แล้วชีวิตของคุณล่ะ เปลี่ยนไปบ้างรึเปล่า?”
Talk//
เราจะไม่ปล่อยให้บล็อคว่างค่ะ! เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ซุ่มเขียนมาซักพักแล้ว ไหนๆก็ลงน้องเคิร์ทไม่ได้ เลยเอาอันนี้มาลงซะเลย หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะคะ^^
ขอบคุณที่ติดตาม รักนักอ่านทุกคนมากๆนะคะ💕❤️
นี่ลิงค์มิวสิคัลตัวเต็มค่ะ ใครว่างๆไปดูกันน้า:

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา