Time traveler มีจริงเหรอ?
เหตุผลที่มาสนับสนุนการเดินทางข้ามเวลาล่ะมีไหม?
วันนี้ผมหาข้อมูลมาเล่าให้ฟังครับ
ทฤษฎีแบบดั้งเดิมเชื่อว่า "เวลา" เดินทางเป็นเส้นตรง หากเรากลับไปแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตแล้ว เหตุการณ์ในอนาคตจะถูกเปลี่ยนไป อย่างในหนังเรื่อง Butterfly effect /back to the future /about time /หรือแม้แต่ Harry potterก็ตาม....
แต่ทฤษฎีแบบเก่าอธิบาย "Grandfather paradox" ไม่ได้
"Grandfather paradox" คือ ทฤษฎีขัดแย้ง
เหตุการณ์สมมุติว่า หากเราย้อนเวลากลับไปฆ่าปู่ของตัวเราเองก่อนที่ปู่จะมีพ่อล่ะ แล้วเราที่เกิดมาตอนนี้ เกิดมาได้ยังไง เพราะ เราถูกขัดขวางการเกิด ตั้งแต่ต้น ลำดับเวลามันย้อนแย้ง...
แสดงว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติ....
จึงมีนักวิทยาศาสตร์คิดทฤษฎีใหม่ขึ้น
คือ ทฤษฎีจักรวาลคู่ขนาน
ทุกเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายรูปแบบซ้อนทับกันอยู่ หมายถึง เมื่อมาถึงจุดทางเลือกทุกครั้ง จะมีเหตุการณ์จริงเกิดขึ้นทุกครั้งในทุกๆเส้นทางที่เราเลือก
ยกตัวอย่างเช่น เราเดินมาถึงจุดทางแยก ซ้าย และ ขวา จะมีตัวเราจริงๆเดินทางไปทั้งทางซ้าย และทางขวา เกิดขึ้นจริงๆ เพียงแต่ซ้อนทับกันอยู่ แล้วแต่ว่าตัวตนหลัก(จิตวิญญาณ) จะเลือกไปทางไหน
และเค้าเชื่อว่าจุดทางเลือกมีอีกนับล้านๆเหตุการณ์ ซ้อนทับกันอยู่เกิดเป็นตาข่ายโยงใยไม่มีที่สิ้นสุด
เพราะ จุดทางเลือกของ1 บุคคลก็เยอะอยู่แล้ว แล้วถ้าเพิ่มตัวแปรเช่นเป็นเพื่อนเราอีกล่ะ มันจะเยอะขนาดไหน
สมมุติเพื่อนเจอกัน 5คน แต่ละคนมีโอกาสตัดสินใจได้แตกต่างกันได้กี่รูปแบบกัน มันเยอะมาก
ทฤษฎีจักรวาลคู่ขนาน ถูกนำมาใช้ในหนัง The Avengers end game นั่นเอง
แบบนี้จะก็จะอธิบาย Grandfather paradoxได้ คือต่อให้เราฆ่าปู่เราไป ตัวเราก็ไม่ได้ถูกลบไป
เราก็เดินทางใหม่ต่อไปได้เลย เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ยังคงอยู่ เหมือนรอยพิมพ์ ที่ลบออกไปไม่ได้
ว่าแต่ Time traveler มีจริงๆหรือ?
แล้วมันเกิดขึ้นจริงๆใช่ไหมในฐานข้อมูลปัจจุบัน
มีหลายๆภาพถ่ายหลุดออกมา ว่าเป็นTime traveler นักเดินทางข้ามเวลาจริงๆครับ
เหตุการณ์ที่1 .....
รูปถ่ายปี 1940 .....ชายชาวแคนนาดา แต่งกายล้ำสมัย ใส่แว่นตาเหมือนโทนี่ สตาร์คเลยทีเดียว
มีแว่นแบบมีครอบปิดตาด้านข้างตาด้วย ในรูปใส่เสื้อฮูด สวมเสื้อยืดแฟชั่นหลุดโลกแตกต่างจากคนสมัยนั้น
แถมถือกล้องถ่ายรูปเล็กๆ ที่มือด้วย ซึ่งสมัยนั้น ยังไม่ควรมีเลย
เชื่อได้แน่ว่า.... เขาคือ Time traveler ที่ถูกถ่ายติดโดยเค้าก็ไม่ได้ตั้งใจ
อีกหนึ่งเหตุการณ์คือ....
หญิงที่เดินคุยโทรศัพท์มือถือ ในหนังถ่ายติด เรื่องชาลี แชปปลิ้น ตอน The circus
ยังเป็นภาพขาวดำอยู่เลย ก่อนโทรศัพท์มือถือ จะถือกำเนิดซะอีก ซึ่งหนังถูกถ่ายทำขึ้นในปี 1928
เธอคืออีก1คนที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดข้อผิดพลาดหรือถูกจับได้ ในการเดินทางย้อนเวลา ของTime traveler ของเธอ...
อีกหนึ่งตัวอย่างของ Time traveler....
ปี 1938 มีวีดีโอถ่ายติด หญิงสาวเดินออกจากบริษัท เธอเดินคุยโทรศัพท์มือถืออีกเช่นกัน ในหมู่เพื่อนๆ
นี่ก็คงแน่ชัดแล้วว่าTime travelerมีจริง
เพราะ......
โทรศัพท์มือถือเครื่องแรก ถูกสร้างขึ้นในปี 1973 นะ แล้วที่เห็นในคลิปคืออะไร?
แถม ปี 1983 ที่มือถือเครื่องแรกถูกวางจำหน่ายนั้นยังมีขนาดใหญ่เหมือนกระติกน้ำเลย แถมน้ำหนักมากถึง 1กิโลกรัมเลยทีเดียว....
เหล่านี้เป็นเหตุการณ์ Time travelerทั้งสิ้น
แปลว่าTime traveler มีจริงๆครับ
แต่เดี๋ยวก่อน
จริงแค่ไหน....?
ลองหาข้อมูลต่อไปอีกหน่อยดีไหม? ก่อนเชื่อ
ในเหตุการณ์ที่ 1.
ในปี 1940....
ทีมฮอกกี้ "Montreal maroons" ที่เล่นในลีก NHL ตั้งแต่ปี 1924-1938 มีเสื้อประจำทีมLogo เป็นรูปตัวM เป็นแบบเดียวกับที่ชายหนุ่มแคนนาดาใส่เปี๊ยบเลย
แถมแว่นตาที่เห็นแบบมีครอบปิดหางตา ก็เป็นแว่นตาที่มีมาก่อนปี1940เสียอีก แต่ยังไม่นิยมเท่าไหร่
และสิ่งที่ชายหนุ่มถือคือกล้องถ่ายรูปKodak35 ครับ ซึ่งในยุคนั้น คือ ปี1938 ออกวางจำหน่ายแล้ว.....
แป่ววว!!!.... เดี๋ยวนะ แล้วอันอื่นๆล่ะ...
เหตุการณ์ที่ 2...
คลิปวีดีโอในปี 1928 ที่หญิงสาวคุยมือถือที่ปรากฎในหนังชาลี แชปปลิ้นนั้น
จริงๆแล้ว ที่เธอถือไว้ในมือคือ "Hearing Aid" หรือเครื่องช่วยฟังครับ ถูกผลิตขึ้นจากบริษัท"SIEMENS" ในปี 1924 ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายอย่างมากครับ
เหตุการณ์ในคลิปสุดท้ายนั้น
Getrude Jones เธอคือหญิงสาวคนนั้น ตอนนั้นเธอมีอายุเพียง17ปีเท่านั้น หลานของเธอออกมาให้ข้อมูลว่า สิ่งที่Getrude ถืออยู่ในมือคือ เครื่องสื่อสารไร้สายที่ทางบริษัทให้ใช้ติดต่อภายในโรงงาน และถ้าสังเกตุดูดีๆ คนรอบๆข้างเธอก็ไม่มีคนแปลกใจในสิ่งที่เธอทำแต่อย่างใด
บางครั้ง สิ่งที่เราเห็นก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเสมอครับ หากต้องหาข้อมูลและพยายามวิเคราะห์ ข้อมูลให้ถูกต้อง เราจะได้ไม่หลงทางกับข้อมูลที่มีอยู่กลาดเกลื่อนแบบในโลกปัจจุบัน
Time travler อาจมีจริงก็ได้ครับ
แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้...ที่พิสูจน์ยังไม่ได้แบบนี้
ที่มา : I am cappuccino
- 20
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
