25 ก.ค. 2019 เวลา 06:38 • ความคิดเห็น
ต่อเนื่องเรื่องสุรา ว่าด้วย "เหล้าขาว"
ไปญี่ปุ่น เราสั่ง "สาเก"
ไป้มืองจีน เราสั่ง "เหมาไถ"
ไปเกาหลี เราสั่ง "โซจู"
ไปเม๊กซิโก เราสั่ง "เตกิลา"
กลับมาไทย เราสั่ง "..อะไร..."
1
หลายประเทศ เขามีแบรนด์สุรา ที่คนมาท่องเที่ยว และคนในประเทศ เขานิยมทาน
รู้หรือไม่ว่า เหล้าขาว ไทยนี้ก็ไม่ได้น้อยหน้าใครในโลก ถึงแม้ เราๆ จะไม่ค่อยได้ทานกัน(เชื่อว่าคนอ่าน บล็อคดิก ทานสุราน้อย 555+) โดยในการจำหน่ายสุราขาวของโลก สุราขาว ของไทย ขายได้ในปริมาณ อันดับ 2 รองจาก จินโร โซจู ของเกาหลี เท่านั้น
1
เหล้าขาว คือ สุรากลั่นประเภทที่ สอง เป็นสุรากลั่นไม่ผสมที่มีความแรงของแอลกอฮอล์น้อยกว่า 80 ดีกรี เป็นสุราใสๆ ที่มีทั้งนิยมทานเพียวๆ และหรือ ไปผสมสุรา เครื่องดื่มค๊อกเทลและน้ำผลไม้ต่าง ๆ จึงขอเอาที่เขานิยมใช้มาตั้งวงเหล้า!เอ๊ย!เล่าสู่กัน
อันดับแรก คือ "วอดก้า" แต่เดิมเขียนว่า “Vada” เป็นภาษารัสเซีย แปลว่า น้ำแห่งชีวิต ต่อมามีการเพี้ยนไปเป็น “Vodka” เป็น น้ำและเอทานอล ซึ่งกลั่นให้บริสุทธิ์ สีขาวใส จากส่วนผสมหมักอย่างกากน้ำตาลของมันฝรั่ง และธัญพืชโดยมากเป็นข้าวไรย์ ข้าวสาลี หรือ หัวบีท มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 35 - 95 ดีกรี มีกลิ่นเพียงเล็กน้อยจนแทบไม่รู้สึก เนื่องจากผ่านกรรมวิธีในการกำจัดกลิ่นออก เป็นสุราใสแกนนำหลักในการผสมค๊อกเทลเลย
อันดับที่สอง คือ "โซจู" จัดเป็นวอดกาชนิดหนึ่ง เป็นเหล้าที่ เกาหลีใต้ ส่งเข้าประกวด😋😊 เป็นที่นิยมดื่มกันในทุกเทศกาล หรือแม้จะไม่มีเทศกาลก็ตั้งวงดื่มกันเป็นปกติ(อาจเป็นเพราะอากาศหนาวเย็นด้วย) จนเป็นอันดับหนึ่งของสุราขาวที่มีปริมาณจำหน่ายมากที่สุด มีลักษณะใส ไม่มีกลิ่น รสขมอมหวาน ซึ่งเป็นผลจากการกลั่นจากข้าว มันเทศ หรือมันฝรั่งหมัก มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 17 - 53 ดีกรี
อันดับสาม คือ "สาเก" เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมจากประเทศญี่ปุ่น ดื่มได้ทั้งแบบร้อน และ แบบเย็น ทำจากข้าวหมักที่ผ่านการขัดกับกล้าเชื้อ หรือ “โคจิ” จึงมีชื่อเรียกว่า ไวน์ข้าว เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ได้กลั่นเหมือน วอดก้า และรัม แต่ถูกนำมาต้มในกระบวนการคล้ายกับผลิตเบียร์ โดยส่วนใหญ่ สาเกจะมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 18 - 20 ดีกรี และจะเหลือเพียง 15 ดีกรี เมื่อบรรจุลงขวด เป็นเครื่องดื่มที่สามารถดื่มได้ทุกที่ทุกเวลา จะดื่มคนเดียวหรือเพื่อสังสรรค์เป็นหมู่คณะก็ได้ เพราะสาเกสามารถดื่มได้กับอาหารญี่ปุ่นทุกอย่างและเข้ากันได้ดีกับอาหารทุกประเภท
2
อันดับที่สี่ คือ "จิน"หรือ"ยีน" มีลักษณะสีขาวใสบริสุทธิ์ ต้นตำรับจากประเทศเนเธอแลนด์ มีรสชาติโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มีกลิ่นหอมจากรากไม้และสมุนไพร มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 37.5 - 50 ดีกรี ได้จากการนำเมล็ดข้าวโพด ข้าวไรย์ ข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี และข้าวต่างๆ มาบดให้เข้ากันแล้วนำไปต้มและหมัก เมื่อหมักได้ปริมาณแอลกอฮอล์ตามต้องการแล้วก็ทำการกลั่นครั้งแรก แล้วกลั่นซ้ำอีกโดยเติมผลจูนิเปอร์ (Juniper) ลงไปเล็กน้อย นอกจากผลจูนิเปอร์ อาจเติมสมุนไพรอื่นๆ เพื่อให้กลิ่นและรสลงไปด้วย
อันดับที่ห้า คือ "เตกีลา" เป็นเหล้าที่ผลิตในประเทศเม็กซิโก มีวัตถุดิบเป็นต้นกระบองเพชรพันธุ์อากาเว (Agave) โดยจะเลือกเฉพาะพันธุ์สีฟ้า หรือที่เรียกกันว่า "บลู อากาเว" (Blue Agave) เท่านั้น และต้องใช้อากาเว ที่มีอายุ 8-12 ปี ขึ้นไป โดยลักษณะผลอากาเวจะมีลักษณะเหมือนผลสับปะรด ภายในจะมีเนื้อและน้ำฉ่ำซึ่งเหมาะแก่การหมัก โดยจะนำเอาผลไปคั้นเอาน้ำเพื่อนำไปหมัก ใช้ระยะเวลาการหมักประมาณ 2 วัน แล้วจึงนำไปกลั่นก็จะได้น้ำใสที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ 32 – 60 ดีกรี โดยปกติเตกีลาจะไม่มีการบ่มต่อ จะนำไปบรรจุขวดจำหน่ายได้เลย
อันดับสุดท้าย คือ "เหล้าขาว" จัดเป็น White Rum ชนิดหนึ่งทำมาจากน้ำตาลอ้อยคุณภาพดี จึงทำให้มีกลิ่นหอม นุ่ม และมีรสชาติต่างจากเหล้าใสไร้สีอื่น ๆ ปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 35-45 ดีกรี แต่มีบางยี่ห้อที่ผลิตให้มีดีกรีสูงมาก ๆ ถึง 75.50 ดีกรีหรือ ต่ำลงมาถึง 25 ดีกรี ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อความปลอดภัยระดับแอลกอฮอล์ควรอยู่ระหว่าง 35 - 40 ดีกรี โดยเหล้าขาวต้องปราศจากเครื่องย้อม หรือสิ่งผสมปรุงแต่งอื่นนอกจากน้ำ 
ปัจจุบัน ประเทศไทยส่งเข้าประกวด ในประเทศ มีจำกน่ายทั้ง 28 ดีกรี 30 ดีกรี 35 ดีกรี และ 40 ดีกรี โดยสังเกตุได้จากสีและรายละเอียดที่ฉลาก ส่วนส่งต่างประเทศ ใช้ยี่ห้อ "รวงข้าว" 40 ดีกรี 😁
4
โฆษณา