29 ก.ค. 2019 เวลา 05:00 • การศึกษา
ความเดิมตอนที่แล้ว
เจ้าหนี้โพสข้อความในเฟซบุ๊กในทำนองปลดหนี้ให้ลูกหนี้ แล้วอ้างว่าแค่ประชดไม่ได้เจตนาปลดหนี้จริงๆ หรอก
เรื่องนี้มีกฎหมายที่บัญญัติล่วงหน้าไว้กว่า 100 ปีเพื่อนำมาใช้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ !
***กฎหมายนั้นคือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๔ บัญญัติว่า “การแสดงเจตนาใดแม้ในใจจริงผู้แสดงจะมิได้เจตนาให้ตนต้องผูกพันตามที่ได้แสดงออกมาก็ตาม หาเป็นมูลเหตุให้การแสดงเจตนานั้นเป็นโมฆะไม่ เว้นแต่คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รู้ถึงเจตนาอันซ่อนอยู่ในใจของผู้แสดงนั้น” หรือที่วงการกฎหมายเรียกสั้นๆว่า “เจตนาลวง”
พูดง่ายๆก็คือ ทำอะไรก็ต้องได้อย่างงั้น ไม่สนว่าในใจคุณจะคิดอะไร!
ปัญหาเรื่องเจตนาเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการกฎหมายมาโดยตลอด ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้วนับตั้งแต่ร่างประมวลกฎหมายในปีพ.ศ. 2451 ก็ยังคงเป็นปัญหาเดิมในวันนี้ ! เพราะเราต้องยอมรับว่า “เจตนา” มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คนจะทำถูกผิด ดีชั่ว ตัวดำอย่างไรขึ้นอยู่กับเจตนาเป็นหลัก ซึ่งเป็นต้นตอของการกระทำทุกสิ่งทุกอย่าง (อ่อ ตัวดำไม่เกี่ยว)
แต่คุณรู้มั้ย สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่าง “เจตนา” กลับเป็นสิ่งที่เข้าใจยากที่สุด เราไม่มีเครื่องมือเทคโนโลยีอ่านเจตนาในใจของใครๆได้เลยแม้แต่นิดเดียว เราจึงแทบจะไม่สามารถพิสูจน์เจตนาของใครได้เลย ไม่ว่าทั้งทางแพ่งหรือทางอาญา!
หมายความว่าถ้าเรามาศาลแล้วบอกว่าเจตนาของเราเป็นอย่างงั้น อย่างงี้ หรือไม่ใช่อย่างงั้น อย่างงี้ ก็ฝันไปเถอะว่าจะมีใครเชื่อ!
สำหรับเรื่องที่เกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทองของนอกกาย ซึ่งเป็นเรื่องทางแพ่ง อย่างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงให้ตัดเจตนาของคนออกไปเลยดีกว่า หมดปัญหา ไม่ต้องไปพยายามทำความเข้าใจให้เหนื่อย มันแค่เรื่องทางแพ่งเอง จึงเกิดมาตรา ๑๕๔ ขึ้นมาในย่อหน้าที่ 4 ที่มีดอกจันสามดวง
เมื่อเจตนาถูกตัดออกไปแล้ว ไม่เอามาใช้พิจารณา ดังนั้นกลับมาที่คดีของความเดิมตอนที่แล้วกัน คำพิพากษาฎีกาที่ ๖๗๕๗/๒๕๖๐ ที่เจ้าหนี้ประชดว่าปลดหนี้ให้จะได้ไม่ต้องติดค้างกันไปในภพชาติหน้า เรารู้ได้ไงว่าประชด? ประชดหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับเจตนาในใจของเจ้าหนี้ ถ้าเจ้าหนี้อ้างเจตนาในใจ ก็ฝันไปเถอะว่าจะมีคนเชื่อ! กฎหมายแพ่งดูแต่สิ่งที่แสดงออกมาเท่านั้น
บทสรุปของเรื่องนี้ศาลพิพากษาว่า “โจทก์ไม่อาจยกเหตุว่าไม่มีเจตนาที่จะปลดหนี้ให้จำเลย แต่ทำไปเพราะความเครียดต้องการประชดประชันจำเลยขึ้นอ้างเพื่อให้เจตนาที่แสดงออกไปตกเป็นโมฆะ...” พิพากษายกฟ้อง ไม่ต้องจ่ายหนี้ 670,000 บาท
อนึ่ง ในเรื่องอาญาซึ่งเป็นเรื่องสิทธิ เสรีภาพและชีวิตของประชาชน นับเป็นเรื่องสำคัญกว่ามาก จึงจำเป็นที่จะต้องพยายามพิสูจน์เจตนาให้ได้ ไม่ใช่ตัดทิ้งไปง่ายๆเหมือนทางแพ่ง การพิสูจน์นั้นเราไม่มีเครื่องมือเทคโนโลยีหรอก แต่เราใช้เครื่องมือบ้านๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมกับกำเนิดมวลมนุษยชาติ นั่นก็คือ “กรรม” !
อะสอง เรื่องเจตนาทางอาญาเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด และสนุกมากที่สุด ไว้ว่างๆจะเล่าให้ฟังครับ ^^
โฆษณา