28 ก.ค. 2019 เวลา 05:32 • ประวัติศาสตร์
Chauchat ปืนจู่โจมฝรั่งเศสสุดห่วย
Chauchat
ปืนกลส่วนมากในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งนั้น มีน้ำหนักมากเคลื่อนย้ายลำบาก มักมีไว้เพื่อป้องกันที่มั่น ฝรั่งเศสมีความคิดที่จะสร้างปืนจู่โจมที่ใช้กระสุนปืนไรเฟิลเพื่อการบุกโจมตี
ปืนรูปร่างหน้าตาประหลาดคล้ายๆกับเอาอะไหล่จักรยานมายำรวมกัน ใช่ครับปืนนี้ถูกผลิตโดยบริษัท gladiator cycle company ซึ่งในยามปกตินั้นเป็นบริษัทผลิตรถจักรยานและมอเตอร์ไซค์ ก่อนจะถูกเปลี่ยนเป็นโรงงานอาวุธในปี 1915
ปืนทำงานด้วยระบบ long recoil เมื่อยิงแล้วลำกล้องจะถอยมา ก่อนจะถูกดีดกลับด้วยแรงจากสปริงทำให้แรงสะท้อนถอยหลังสูงมาก คัดปลอกในขณะที่ลำกล้องกำลังถอยกลับเข้าที่เดิม ยิงจากสถานะลูกเลื่อนเปิด สามารถยิงได้ทั้งทีละนัดและยิงรัว
Chauchat มีศูนย์ปืนต่อสู้อากาศยานด้วย เพื่อใช้ยิงเรือเหาะหรือเครื่องบินข้าศึก
อัตราการยิงของปืนอยู่ที่ 240นัดต่อนาที ซึ่งนับว่าค่อนข้างช้า
กระสุนใช้ขนาด 8x50mmr ขนาดเดียวกับไรเฟิล lebel
น้ำหนักปืนเพียง 9กก. ทำให้ง่ายต่อการถือไปยิง นอกจากนี้ยังมีสายสะพายสำหรับการถือยิงในระดับเอวเวลาเดินด้วย
การถือยิงในระดับเอว
คราวนี้เรามาดูกันว่ามันห่วยยังไง
เริ่มจากวัสดุทำปืนก่อน บางชิ้นก็เป็นเหล็กคุณภาพดีบางชิ้นก็เกรดต่ำ ทำให้ปืนค่อนข้างไม่สมประกอบ ลำกล้องปืนก็ใช้ของไรเฟิล lebel
ระบบป้อนกระสุนของปืนใช้ซองกระสุน 20นัด รูปครึ่งวงกลม โดยจะเปิดช่องไว้เพื่อให้พลยิงดูว่าเหลือกระสุนกี่นัด นี่คือจุดอ่อนที่ร้ายแรง สภาพสนามรบในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งนั้นมีแต่ดินโคลน จึงทำให้โคลนเข้าไปและทำให้ระบบป้อนกระสุนติดขัด ซึ่งปกติมันก็ติดขัดบ่อยอยู่แล้ว ทหารพบว่าการใส่กระสุนไม่เกิน 18นัด ช่วยได้นิดหน่อย จึงต้องใส่กระสุนแค่นั้น
ซองกระสุนเปิดช่องด้านข้างทำให้ดินโคลนเข้า
ศูนย์หลังปืนตั้งอยู่ทางซ้ายของช่องคัดปลอก และยังทำเยื้องไปทางซ้ายอีก ทำให้เล็งยาก พอยิงรัวๆปืนจะสะบัดมาโดนหน้าพลยิงเอง พวกทหารฝรั่งเศสเรียกอาการแบบนี้ว่า "โดนปืนตบหน้า"
ตำแหน่งของศูนย์หลังและช่องเล็งทำเยื้องมาทางซ้าย
ขาทรายด้านหน้าหลวมโพรกราวกับไม่มีอะไรยึดไว้ เมื่อต้องตั้งยิงรัวทำให้ควบคุมปืนไม่ได้ จึงต้องยิงทีละสามสี่นัด ซึ่งทำให้กลไกมีปัญหาติดขัดได้ง่าย เพราะวัสดุที่ทำก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ขาทรายด้านหน้าปืน
เมื่อยิงไปนานๆจนปืนร้อน(ซึ่งก็ประมาณร้อยนัด) จะทำให้เหล็กขยายตัวและทำให้ปืนติดขัด เกิดอาการคาบปลอก บางครั้งก็รุนแรงจนต้องหาอะไรสักอย่างมากระแทกออก
แม้ว่าปืนจะห่วยแต่ก็ยังทนใช้จนสิ้นสุดสงคราม หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งฝรั่งเศสได้ปลดประจำการและแทนที่ด้วยปืน mle 1924 ซึ่งก็ถูกใช้จนปี 2006
mle 1924

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา