โลกนี้ยังต้องมีพ่อค้าคนกลาง อยู่ไหม?
เคยชอบหนังสือเล่มหนึ่งเก่าแล้ว สมัย ทักษิณ เป็นนายก และ ได้แนะนำให้ ครม. อ่านชื่อ when the future catches you เล่มนี้ดีมาก แปลไทยในชื่อ เมื่ออนาคตไล่ล่าคุณ สรุปใจความหลักคือ ไม่ว่าคุณจะพร้อมหรือไม่พร้อมก็ตาม สุดท้ายการไหลบ่าของเทคโนโลยีจะเกิดขึ้นเร็วมาก และใกล้ตัวมาก พัดพาทำลายโลกเดิมที่คุณรู้จัก ผู้ที่ขยับเร็ว ปรับตัวก่อนเท่านั้นที่อยู่รอด .... (แต่อ่านตอนนี้อาจจะเก่าไปหน่อย เทคโนโลยีในเล่มเก่าแล้ว)
โลกนี้เราอยู่แบบมีตัวกลางมานานมาก เพราะ เหตุผลเดียวคือ Asymmetric Information เพราะข้อมูลหายาก และเราไม่รู้จะหาจากไหน ยกตัวอย่างเช่นไปเที่ยว ตปท ถ้าเป็นเมื่อก่อน จะไปก็ต้องไปกับทัวร์ เพราะไม่รู้ข้อมูล ข้อมูลหายาก .... เดี๋ยวนี้กด google นิดเดียว จะเอาอะไร รีวิวมีเพียบแทบจะทุกซอกหล่ืบ ทัวร์เลยลดความสำคัญลงไปมาก เพราะข้อมูลหาง่าย แต่ทัวร์ก็ยังอยู่ แต่อยู่แบบ expert คือ รู้ข้อมูลเจ๋งๆ หรือดีลเจ๋งๆ จองให้ก่อนที่จองยากๆ แทน หรือไม่ก็เพราะซื้อความสบาย
ถัดจากทัวร์ ก็โดนกันไปแทบจะทุกอุตสาหกรรม ให้นับจริง ๆ ตอนนี้เหลืออุตสาหกรรมเดียว ที่ยังไม่ถูกเทคโนโลยีตีเท่าไหร่ คือหมวด Financial จนมาปีนี้ เริ่มชัด ... ที่ทุกคนเริ่มถามว่า มีตัวกลางไปทำไม ยังจำเป็นอยู่ไหม (ทำไมค่าธรรมเนียมบางตัวต้องจ่าย เช่น โอนข้ามเขต)
ถ้าอ่านข้อมูลไม่ผิด Jmart ทำ ICO เพื่อลงทุนทำระบบ lending system ใหม่ ไม่แน่ใจว่าใช่ Peer to Peer lending หรือเปล่า ถ้าใช่คือมันเจ๋งมาก ระบบมันเริ่มจากความคิดที่ว่า ทำไมเราต้องปล่อยให้ธนาคารที่ไม่ได้ทำอะไรเลย นอนกินส่วนต่างดอกเบี้ยเฉย ๆ ตั้งเยอะ เช่นเราไปฝากเงินเราได้ 0.75 - 1 % แต่เวลาคนไปกู้โดนดอกเบี้ยตั้งแต่ 7 - 20% แหนะ ส่วนต่างพวกนี้ มันเยอะเกินไปหรือเปล่า ....
ถ้า Uber คือการให้เช่าการขับรถยนต์โดยตรง , Airbnb คือ การให้เช้าห้องว่างโดยตรง
Peer to Peer lending ก็เหมือนกัน คือการให้ยืมเงินโดยตรง โดยที่ทุกคนมี Rating ส่วนตัวไปเลย ว่า เกรดระดับเราควรได้ดอกเท่าไหร่ เช่น ผมจ่ายตรงไม่เคยเบี้ยว เกรด AAA ผมก็ควรได้กู้ดอกสัก 3 - 4% พอ ส่วนคนที่ให้กู้ก็เอาไปเลย 2-2.5% ที่เหลือ 0.5-1% เข้าระบบจัดการแทน ทุกฝ่าย Happy ทั้งผู้ให้กู้ และผู้ถูกกู้
แต่ถ้า Rating ผมไม่ดี ผมก็อาจจะได้ดอกสัก 8 - 10% คนให้ผมกู้ก็จะได้เยอะหน่อย เพราะเสี่ยงเพิ่มนะ อาจจะได้ 7 - 9% อะไรแบบนี้ ผมก็ต้องทำ Credit Score ให้ดีขึ้น ๆ ต่อไปจะได้ดอกน้อยลงเป็นต้น นอกจากนี้ยังถือว่า เพิ่มโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นในราคาถูกลงมาก และคนที่มีเงินเหลือก็เอามาลงทุนได้ผลตอบแทนมากขึ้นด้วย
จึงกลับมาสู่คำถามที่ว่า แล้วระบบตัวกลางยังจำเป็นอยู่หรือ ...
พลันไปนึกถึงสารคดีที่ชอบมากปีที่แล้ว ชื่อว่า Tsukiji wonderland ตลาดปลาขายปลีก และส่งที่มีพ่อค้าคนกลางเต็มไปหมด พวกเค้าตื่นแต่เช้าไปแย่งเลือกปลา แบ่งเกรดปลา และจัดสรรคัดเลือกปลา
มักมีคนถามว่าทำไม ตลาดปลา Tsukiji ยังมีตัวกลาง ทำไมไม่ซื้อกับชาวประมงโดยตรง และทำไมหลายๆ คนถึงยอมจ่ายให้พ่อค้าคนกลางในราคาแพงกว่ามาก
คนในตลาดปลาบอกว่า พ่อค้าคนกลางในตลาดปลา ที่เรียกว่า Agent นั้น
ไม่ใช่พ่อค้าคนกลาง ที่แค่ว่าซื้อมาแล้วขายต่อ แต่สิ่งที่เค้ามีให้คือ ความเป็นมืออาชีพ
และที่ทุกคนจ่ายไม่ใช่ค่ากำไร คนกลาง แต่มันคือ ค่าบริการระดับพรีเมี่ยม
ทุกคนซื้อเองได้ โดยตรง แต่พ่อค้าคนกลางจะรู้ว่านี่เดือนอะไร ปลาอะไรดี แหล่งไหนดี ร้านไหนเอาไปทำอะไร ลูกค้าของแต่ละร้าน คืออะไร position ของร้านที่จะซื้อคืออะไร เอาไปขายราคาเท่าไหร่ .... พ่อค้าคนกลางไม่ได้ขายแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้า บางครั้งเค้าเลือกให้ของที่ดีรองลงไปด้วยซ้ำ เพราะเค้าจะให้แต่สิ่งที่เหมาะกับลูกค้าเท่านั้น
นอกจากนี้เค้าไม่ได้แค่ขายปลา แต่ยังออกไปให้ความรู้ชุมชน
ไปแนะนำโรงเรียนว่า เด็ก ๆ ควรกินปลาอะไร เพื่อพัฒนาเด็ก
ไปจัดโครงการดูแลความสะอาดปลา และแหล่งน้ำ ดูแลการจับปลา
เรียกได้ว่าดูแลทั้งอุสาหกรรมที่เค้าอยู่และช่วยพัฒนามันขึ้นด้วย
วงจรนี้จึงเกิดการเชื่อใจและไว้ใจ และสุดท้ายทุกคนก็ซื้อผ่านพ่อค้าคนกลางหมด
แม้แต่ Chef ที่เก่งที่สุด ยังยอมว่าต้องซื้อกับพ่อค้าคนกลางที่เก่งที่สุดเหมือนกัน
เพราะเค้าคัดมาแล้ว ว่าควรจะทำอะไร และทุกคนล้วนเคารพซึ่งกันและกัน
ดังนั้นโลกนี้ไม่ได้รังเกียจตัวกลาง หรือพ่อค้าคนกลางมืออาชีพ
แต่แค่เทคโนโลยีกำลังมาแทนที่ตัวกลางที่ไม่ได้ทำอะไรเลยต่างหากออกไป ...
- 29
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
