4 ส.ค. 2019 เวลา 06:23 • ประวัติศาสตร์
illuminati card ตอนที่ 6 การเก็งกำไร
การ์ดเก็งกำไรค่าเงิน
เด็วนี้ค่าเงินมีความผันผวนมากขึ้น เนื่องจากมีการเก็งกำไรค่าเงินผ่านตลาดการเงินที่เรียกว่า forex
forex หรือ foreign exchange คือ ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยราคาจะแปรผันตาม demand และ supply แต่ละสกุลเงิน ตามปัจจุบันแวดล้อมที่เข้ามากระทบ ตามความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ
ค่าเงินที่นิยมเก็งดำไรก็คือ 4 สกุลหลักของโลก ก็คือ ดอลลาร์ ยูโร ปอนด์ และเยน และมีสกุลย่อย ๆ อีกมากมาย
ด้วยลักษณะที่ตลาดนี้มีสภาพคล่องสูงมาก อีกทั้งมีการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างรวดเร็ว และยังสามารถ ใช้ leverage ได้อีก ทำให้ใช้เงินลงทุนต่ำ แต่ความเสี่ยงก็จะมากขึ้นด้วย
แต่พอมีการเก็งกำไรมาก ๆ จนค่าเงินเกิดแข็งค่ามากกว่าปกติ จนธนาคารกลางประเทศนั้น ๆ ทนไม่ไหว ก็จะเกิดการ์ดใบต่อไปตามมา
การ์ดบิดเบือนตลาด
การบิดเบือนตลาดโดยธนาคารกลาง เจ้าของเงินสกุลนั้น ๆ ทำได้ 3 วิธีหลัก เท่าที่ศึกษามา
1.พิมพ์เงินเพิ่ม การพิมพ์เงินจะทำให้ค่าเงินสกุลนั้นอ่อนค่าลงตามปริมาณเงินพิมพ์ออกมา
2.ลดดอกเบี้ย เพื่อให้คนจะได้ไม่อยากเอาเงินมาฝาก
3.ลดค่าเงิน อันนี้เป็นไม้ตายก้นหีบ ได้ผล 100%
ยกตัวอย่างคือประเทศเทศสวิสเซอร์แลนด์ ในปี 2554 ตอนนั้นค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับประเทศกรีซ ทำให้คนมองว่าเงินฟรังสวิส เป็น safe haven เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศสวิตเซอร์แลนด์แข็งแกร่งมาก คนจึงเปลี่บนจากยูโรมาเป็นฟรังสวิส
ทำให้ค่าเงินสวิส แข็งค่ามาก ธนาคารกลางประกาศลดดอกเบี้ย จนดอกเบี้ยติดลบ ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ สุดท้ายงัดไม้ตายก้นหีบ ประกาศลดค้าเงินลง 10% และ fix ค่าเงินกับยูโร
เจอแบบนี้เข้าไป นักเก็งกำไรค่าเงิน ก็บาดเจ็บล้มตายไปจนหมด เพราะว่า 10% ในวันเดียวเพราะทำ leverage ไว้มาก 50-100 เท่า มันเป็นบิดเบือนกลไกตลาดเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นผ่านไป 4 ปี 2558 ธนาคารกลางสวิสก็ปล่อยลอยตัวค่าเงิน จนกระทั่งปัจจุบันค่าเงินสวิส ก็แข็งขึ้นมา 30-40% เมื่อเทียบกับยูโร
จริง ๆ นักเก็งกำไรก็วิเคราะห์ได้ถูกต้อง แต่เจอการ์ดบิดเบือนตลาดนี้เข้าไป ก็ตายสนิท
ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดติดตาม เป็นกำลังใจใก้กับผู้เขียนด้วยนะครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา