Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Moccawriteblog
•
ติดตาม
4 ส.ค. 2019 เวลา 06:12 • บันเทิง
Parasite : ความเหลื่อมล้ำอันเป็นสากล
Cr. Themister_movie
สำหรับแฟนคลับสายหนังเกาหลี คงจะรู้จักหรือได้ยินชื่อภาพยนต์เรื่อง Parasite กันมาบ้างอยู่แล้ว โดยเฉพาะชื่อเสียงของผู้กำกับ บง จุน โฮ บวกกับรางวัล ปาล์มทองคำ ซึ่งนับเป็นรางวัลใหญ่สุดจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ ยิ่งทำให้ชื่อเสียงของ Parasite ภาพยนต์สัญชาติเกาหลี เป็นที่รู้จักไปอย่างแพร่หลายมากขึ้น
คอภาพยนต์หรือซีรีส์เกาหลี ย่อมคุ้นตากับบ้านที่เป็นบ้านๆ ของเกาหลีกันอยู่แล้ว ทั้งแบบเดี่ยวธรรมดาทั่วไป ที่เป็นดาดฟ้า ที่ทาพื้นสีเขียว กันน้ำรั่วซึมบนดาดฟ้า มีพื้นที่พออยู่ได้คนเดียวคละแบบกันไป หรือบ้านที่ต้องเดินขึ้นเดินลงบันไดไต่ภูเขาที่สลับซับซ้อนของเมือง และบ้านแบบบ้านๆ อีกแบบของเกาหลี คือบ้านที่อยู่ชั้นใต้ดิน มีเพียงหน้าต่างด้านบนของบ้านเท่านั้น ที่อยู่พ้นพื้นดิน ให้แสงแดดพอส่องเข้ามาได้
Cr. Sydney film festival
ส่วนบ้านที่ไม่บ้านๆ นั้น ก็จะดูหรูหรา ทันสมัย มองเห็นวิวได้ทั่ว รับแสงแดดได้ทุกมุมของบ้าน ทุกอย่างดูทันสมัยราวกันไม่ได้อยู่ในประเทศเดียวกัน ทั้งๆ ที่อาจจะห่างกันแค่คนละซอยหรือถนนกั้นแค่นั้น
Hot Issue โลกของเราตอนนี้กำลังพูดถึงเรื่องความเหลื่อมล้ำ Parasite ก็เช่นกัน ความเหลื่อมล้ำในที่นี้ ไม่ได้มีแค่ในประเทศด้อยพัฒนาเท่านั้น แต่ในประเทศกำลังพัฒนา หรือพัฒนาแล้ว ก็ยังหนีเรื่องความเหลื่อมล้ำไปได้ไม่พ้น
“เขาไม่ได้ใจดี เพราะเขารวย แต่เพราะเขารวย เขาถึงใจดี”
เรื่องใหญ่ของคนรวย คือจะจ้างใครมาบริการความสบายให้ตัวเองดี เมื่อมีเงินจ้างบริการที่ดี ก็ทำให้จิตใจดี ไม่เคร่งเครียด หรือแม้แต่ดูแลตัวเองให้ดูดีได้อยู่ตลอดเวลา ในขณะที่คนไม่รวย อย่าว่าแต่คิดจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แค่คิดว่าวันนี้จะหาเงินที่ไหนมาซื้อข้าวกินแต่ละมื้อ ก็ดูเป็นเรื่องที่หนักหนาแล้ว การมีงานทำเป็นเรื่องที่เหมือนสวรรค์เมตตาอย่างที่สุด
แล้วจะทำอย่างไรให้มีงานทำล่ะ
Parasite ไม่ได้พูดถึงการดิ้นรนเอาชีวิตรอดของคนเท่านั้น แต่ยังแฝงข้อคิดผ่านมุกตลกที่ออกจะเป็น dirty joke สำหรับคนที่ต้องหาเช้ากินค่ำอยู่บ้าง
การเป็นคนฉลาด แต่ไม่ได้รับโอกาสทางด้านการศึกษา ก็อาจจะต้องใช้ความฉลาดนั้น ไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควร แต่ถามว่า เพราะมีนิสัยสันดานไปทางนั้นเลยหรือไม่ ก็ไม่ถูกซะทีเดียว แต่ภาวะปากกัดตีนถีบ ทำให้เขาได้ทำอย่างนั้น
และความเหลื่อมล้ำในภาพยนต์เรื่องนี้ ไม่ได้พูดถึงแค่เรื่องเงินทองอย่างเดียว แต่หมายถึงโอกาสในการที่จะได้ทำตามที่ต้องการ หรือโอกาสในการที่จะได้พัฒนาตัวเอง ด้านการศึกษา เพื่อจบแล้วอนาตจจะได้มีงานทำที่ดีหาเลี้ยงชีพตัวเองอีกด้วย
อย่างในเรื่อง ลูกชายของครอบครัวบ้านใต้ดิน เก่งภาษาอังกฤษมาก ทั้งพูด อ่าน เขียน เคยพยายามสอบเข้ามหาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศมาหลายรอบ แต่ไม่สำเร็จ ทั้งต้องไปเป็นทหาร และไม่มีโอกาสไปติวหนังสือเตรียมสอบอย่างที่ลูกคนมีเงินเขาทำกัน จึงทำได้เป็นนายกระจอกอยู่บ้านชั้นใต้ดิน เดินหาไวไฟฟรีเพื่อหางานแรงงานทำอยู่แบบนั้น
ลูกสาวของครอบครัว เก่งด้านตัดต่อภาพ ฝีมือไม่เป็นรองใคร แต่เพราะขาดโอกาสทางการศึกษา ความสามารถจึงอยู่แค่เพียง ทำเอกสารปลอมเพื่อใช้สมัครงานแค่นั้น
ในขณะที่บ้านบนเขา มีความสามารถในการหาเงินอย่างล้นเหลือ ลูกอยากเรียนอะไร ขาดเหลือในส่วนไหน ครอบครัวก็พร้อมจ่ายเงินเพื่อให้ได้มายังสิ่งที่ขาด โดยไม่ต้องดิ้นรนอะไร ไม่ต้องรับรู้ว่า สิ่งต่างๆ ที่กว่าจะได้มานั้น ง่ายหรือยากเพียงใด เพราะเกิดมาในครอบครัวที่มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งชื่อเสียง เงินทอง ซึ่งต่างจากอีกบ้านโดยสิ้นเชิง คนเราทุกคนมีสิทธิ์จะฝัน ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือคนจน แต่สิทธิ์ที่จะทำตามความฝันนั้น ฐานะทางการเงินก็มีผลกับมันอยู่ไม่น้อย
Parasite เป็นเรื่องที่สะท้อนความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคม ที่ไม่ใช่เฉพาะกับในประเทศเกาหลีเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกที่ในโลก
เนื้อเรื่องไม่ได้ดราม่าเคล้าน้ำตา ออกจะเรียกเสียงหัวเราะได้เป็นบางฉาก แต่ดูแล้วก็อดยิ้มหยันๆ ให้กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นไม่ได้ ตอนเดินออกจากโรง ถึงจะไม่ได้ฟูลฟีลแบบเต็ม 100 แต่ก็เถียงไม่ได้ว่า เนื้อเรื่องในหนังนั้น ไม่ได้อ้างอิงจากความเป็นจริงในโลกนี้เอาซะเลย
ในส่วนของนักแสดง แคสติ้งมาได้สมบทบาท การเป็นคนอ้วน ไม่ได้แปลว่ามีกินมีใช้เสมอไป และการประสบความสำเร็จในวัยสาว อย่างคุณแม่บ้านใต้ดิน ที่เป็นนักกีฬาระดับคว้าเหรียญ จะแปลว่าชีวิตบั้นปลายแล้วจะสุขสบาย
หรืออย่างคุณพ่อบ้านใต้ดิน ที่ผ่านการทำธุรกิจมาแล้วมากมาย และล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง (ไม่งั้นคงไม่มาอยู่บ้านใต้ดินแบบนี้)
แต่ในประสบการณ์ที่ล้มเหลวมานับไม่ถ้วนของครอบครัวนี้ กลับมองเห็นถึงความอบอุ่นที่คนในครอบครัวมีให้กัน เมื่ออด ก็อดด้วยกัน เมื่อมีคนนึงหางานได้ ก็คิดที่จะส่งต่องานให้คนอื่นๆ ในครอบครัวได้มีงานด้วย เพื่อจะได้มีกินมีใช้ไปด้วยกัน
ในขณะที่ครอบครัวบ้านบนภูเขา ที่มีเงินทองใช้จ่ายมากมาย ระดับซื้อบ้านของสถาปนิกชื่อดังได้ และให้บริการความสะดวกสบายตัวเองด้วยเงิน
เปรียบเทียบตัวละครกันแบบบ้านต่อบ้าน
คุณแม่บ้านบนเขา หน้าที่ที่เหนื่อยที่สุดของเธอคือการรบกับลูกชายคนเล็ก และสุดท้ายก็แก้ปัญหาได้ ด้วยการใช้เงินจ้างครูสอนศิลปะสอนลูกชายแทน
ส่วนคุณพ่อ ที่ดูจะหยิบจับอะไรก็ประสบความสำเร็จไปซะทุกอย่าง จนรู้สึกว่าตัวเองสูงส่งกว่าคนทั่วไป (เบาๆ) ดูจากการขีดเส้นชัดเจนในเรื่องคำพูดจาระหว่างตัวเองกับคนขับรถ เป็นต้น
ในขณะที่ลูกๆ บ้านนึง ต้องปากกัดตีนถีบ ไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษาที่ดีพอ
แต่กับอีกบ้าน เพียงแค่เรียนอ่อนวิชาไหน แม่ก็จัดการหาครูสอนพิเศษมาให้สอนตัวต่อตัวถึงบ้าน
ความเหลื่อมล้ำ มันเป็นอย่างนี้แหละ..
สำหรับคนที่อาจจะไม่คุ้นชินวัฒนธรรมเกาหลี ไม่ต้องห่วงว่าจะดูเรื่องนี้ไม่รู้เรื่อง เพราะมุมมองที่ผู้กำกับนำเสนอนั้น มีความเป็นสากล .. ความเหลื่อมล้ำ เป็นความสากลในโลกใบนี้
ในเรื่องการให้คะแนนของเรื่องนี้ รางวัลปาล์มทองคำ การันตีทุกอย่างไว้หมดแล้ว หากมีเวลาแนะนำว่า ควรดูอย่างที่สุด!!
ปล.1 ไม่ต้องพกบันไดไป เพราะถึงจะเป็นรางวัลหนังเมืองคานส์ เทพแห่งหนังอินดี้ แต่เข้าถึงง่ายกว่าที่คิด
ปล. 2 หนังเข้าถึงง่าย เพราะความเหลื่อมล้ำมันเป็นสากล
7 บันทึก
47
11
5
7
47
11
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย