7 ส.ค. 2019 เวลา 05:03 • บันเทิง
The Art of Racing in the Rain
หนังพี่ตูบมาอีกเรื่องแล้ว...
จะว่าไปชื่อเรื่อง หน้าหนังและชื่อไทยก็ไม่ match กันเท่าไหร่ โดยเฉพาะชื่อเรื่อง...มีความเข้าใจยาก สารภาพตามตรงว่านั่งแปลอยู่นานว่ามันหมายความว่าอะไร
ครึ่งชั่วโมงแรกของหนังเราก็เริ่มได้คำตอบ...
“เดนนี” (ไมโล เวนทิมิเกลีย) ตัวเอกของเรื่องเป็นนักแข่งรถฟอร์มูล่าที่มีความฝันอยากเป็นนักแข่งระดับโลก และวิถีการแข่งรวมทั้งวิธีคิดของเขาก็ทำให้เราพอได้เค้าลางมาบ้างว่า “The Art of Racing in the Rain” คืออะไร?
เอาจริงๆก็ไม่เคลียร์มากนัก (ฮ่าๆ) แต่พอเดาได้ (แบบฟุ้งๆ) ว่าตัวกับรถน่าจะต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถ้าจิตเรานิ่งและโฟกัสที่เดียวแล้ว อุปสรรคอย่างฝนก็ทำอะไรเราไม่ได้
เอาล่ะ...งั้นลองเอามา Apply กับแนวทางการใช้ชีวิตดู...
ชีวิตเรื่อง career การเป็นนักขับรถแข่งของเดนนีไม่ค่อยราบรื่นนัก เอาจริงๆเขายังต้องไต่เต้าอีกมากกว่าจะได้ไปอยู่ในตำแหน่งที่เขาคาดหวัง และระหว่างทางเขาก็มีกำลังใจสำคัญอย่าง “อีฟ” (อแมนดา เซฟรีด) ภรรยาสุดที่รักมาเป็นกำลังใจสำคัญ
ความรักของเดนนีกับอีฟเป็นไปในแบบรักและเข้าใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี ไม่หวือหวาแต่ก็อบอุ่นจนแม้แต่คนดูอย่างเรายังสัมผัสได้ กระทั่งมี “โซอี้” ลูกสาวเกิดมาบนโลกความรักของพวกเขาก็ยังเหมือนเดิม
แต่ที่ไม่จีรังและไม่เหมือนเดิมคือสุขภาพของ “อีฟ” และ “เดนนี” ก็มุ่งมั่นกับการ pursuit of dream career จนลืมสังเกตความผิดปกติของภรรยา กระทั่งโรคร้ายลุกลามและในที่สุด...อีฟก็จากไปอย่างสงบในเช้าวันหนึ่ง
การจากไปของอีฟไม่ได้แค่พรากความสุขของเดนนีไป แต่กำลังจะพรากหัวใจของเขาไปด้วยเพราะพ่อตาของเดนนีฟ้องสิทธิ์ในการเลี้ยงดู “โซอี้” ลูกสาวสุดที่รักของเขาเพราะปักใจคิดว่าความตาบของอีฟลูกสาวสุดที่รักเป็นความผิดของลูกเขย ทำให้พาลเชื่อว่าพ่ออย่างเดนนีคงดูแลหลานสาวคนเดียวไม่ได้ดีด้วย
ช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานในแต่ละวันของเดนนีผ่านไปอย่างยากลำบาก “เอ็นโซ” หมาสุดที่รักของเดนนี ตัวเอกตัวสำคัญของเรื่อง (ให้เสียงโดย เควิน คอสท์เนอร์) เฝ้ามองเจ้านายหนุ่มด้วยความเป็นห่วง และการเฝ้ามองนี่เองทำให้ “เอ็นโซ” ได้รู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับเดนนีและการเป็นมนุษย์
แล้วนี่ก็คือจุดที่ทฤษฎี “The Art of Racing in the Rain” ของเดนนีเข้ามาเกี่ยว และการเดิมพันครั้งนี้ของเดนนีก็มี “โซอี้” ลูกสาวคนเดียว สมบัติอย่างเดียวที่ “อีฟ” ภรรยาสุดที่รักทิ้งไว้ให้ เดนนีจึงต้องสู้สุดใจ...แม้จะเห็นเค้าลางความเป็นไปได้เลือนลางเต็มทีแต่เขาก็จะต้องผ่านไปให้ได้
(จุดนี้จะสปอยล์หนักมากนะคะ ใครไม่ชอบก็ไปดูหนังก่อนได้เลย)
กล่าวคือ...การแข่งรถระหว่างที่มีฝนมีความเป็นไปได้สู้ที่จะแพ้หรือล้มเหลว แต่หากเรามุ่งมั่นและไม่กลัวเราก็จะกำหนดทิศทางและพารถเข้าเส้นชัยได้ในที่สุด
กรณีของเดนนีก็เช่นกัน เขาเสียเปรียบทุกกรณีกับการถูกฟ้องเรื่องสิทธิ์เลี้ยงดูลูกสาวจากพ่อตา หากเขายอมแพ้ (ไม่ขับรถฝ่าฝน) แน่นอนว่าเขาจะไม่ติดคดีและจะได้สิทธิ์ในการเจอลูกสาวตามที่ฝั่งพ่อตากำหนด แต่หากเขายืนหยัดจะสู้ (ขับรถฝ่าฝน) แน่นอนว่าเขามีสิทธิ์แพ้ แต่หากเขาชนะเขาก็จะมีสิทธิ์เลี้ยงดูลูกสาวสุดที่รักอย่างเต็มเวลาและเต็มภาคภูมิ
จุดนี้คุณๆคงพอเดาได้ว่าเดนนีจะเลือกเส้นทางไหน ความน่าเอ็นดูก็คือ “เอ็นโซ” มีส่วนในการตัดสินใจเรื่องนี้ด้วย จากการเฝ้าดูเจ้านายหนุ่มมานาน “เอ็นโซ” ย่อมรู้จักดีว่าทฤษฎี “The Art of Racing in the Rain” นั้นคืออะไรและมันสำคัญกับชีวิตเดนนีแค่ไหน
จะว่าไปหนังก็มีกลิ่นอายของหนัง Coming of Age ไม่น้อยทีเดียว เพียงแต่ว่าไม่ใช่การเรียนรู้ของคน แต่เป็นของหมาอย่าง “เอ็นโซ” ที่เฝ้ามองการเติบโตของมนุษย์...ด้วยความหวังว่าสักวันมันจะได้เป็นมนุษย์บ้าง
รวมๆเราว่าก็น่ารักอบอุ่นดี เรื่องของคนค่อนข้างดราม่ามาก แต่เมื่อเล่าด้วยมุมมองของหมาก็ทำให้เรื่องซอล์ฟลงไม่น้อย และนี่ก็น่าจะเป็นจุดแข็งของเรื่อง ทำให้แตกต่างกว่าหนังเกี่ยวกับหมาเรื่องอื่นๆ
เอาเป็นว่าหนังดูสนุก มีความ #ดูเพลิน เรียกน้ำตาได้เป็นระยะๆ ใครชอบแนวดราม่าครอบครัวก็ขอเรียนเชิญนะคะ หนังอาจต้องตีความบ้าง (ให้เข้ากับชื่อเรื่อง) แต่ก็ไม่ซับซ้อน มีความฟีลกู้ดมากกว่าดราม่าแน่นอนค่ะ
#แอบสปอยล์
โฆษณา