8 ส.ค. 2019 เวลา 05:37 • ประวัติศาสตร์
"เจียงซือ" ตำนานผีดิบจีนสมัยราชวงศ์ชิง
เจียงซือ ในภาษาจีนแปลว่า ซากศพหรือผีดิบ
เจียงซือ เชื่อว่าเป็นผีดิบที่ไม่เน่าเปื่อย ในตอนกลางวันจะนอนหลับอยู่ในโลงศพหรือที่ที่ไร้แสงอาทิตย์ แต่ในเวลากลางคืนจะออกหากินด้วยการดูดเลือดของมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตต่างๆ
ซึ่งวิธีป้องกันเจียงซือก็คือ การโปรยเมล็ดพืชหรือข้าวไว้ตามทางเดินหรือหลังคาบ้าน เพื่อถ่วงเวลาให้เจียงซือนับเมล็ดข้าวจนถึงเช้า
เจียงซือนั้นมีที่มาจาก การนำศพคนตายกลับบ้าน หรือเรียกว่า ส่งศพพันลี้
มีตำนานกล่าวว่า ชาวจีนเชื่อว่าเมื่อมีคนตาย ศพนั้นจะต้องถูกฝังที่บ้านเกิด แต่ชาวบ้านที่ยากจนจะทำอย่างไรเมื่อไม่มีเงินจ้างรถเกวียน
จึงเกิดพิธีกรรมนี้ขึ้น นักบวชลัทธิเต๋า จะทำพิธีปลุกศพให้ลุกขึ้นมากระโดดตามกันเป็นขบวน จากนั้นจะมีการสั่นกระดิ่งเป็นจังหวะให้ศพกระโดดตามจนถึงบ้าน
ซึ่งเป็นตำนานความเชื่อท้องถิ่นของชนชาติถูเจีย-เซียงซี อยู่ทางทิศตะวันตกของมณฑลหูหนาน
1
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ชาวจีนโบราณมีความเชื่อว่า เมื่อตายไปแล้ว ศพจะต้องถูกฝังที่บ้านเกิดนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ว่าการเดินทางในสมัยก่อนนั่นยากลำบากและบางบ้านที่มีฐานนะยากจน มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะนำศพกลับบ้านเกิด
จึงเกิดพิธีกรรมนี้ขึ้น เมื่อมีคนตายในต่างถิ่น แล้วญาติของผู้ตายไม่มีเงินมากพอที่จะจ้างรถเกรียนให้นำศพไปทำพิธีที่บ้าน
1
จึงมีการว่าจ้างจ้างนักบวชให้นำศพกลับมา โดยศพที่นำกลับมาจะถูกจัดให้อยู่ในท่ายืน และสอดลำไม้ไผ่ใต้รักแร้โดยผูกแขนทั้ง2ข้างไว้กับไม้ไผ่ จากนั้นก็ให้คนแบกศพกลับมา โดยมีนักบวชคอยสั่นกระดิ่งตลอดทาง เพื่อให้ชาวบ้านบริเวณนั่นทราบว่า กำลังทำพิธีอยู่
พิธีการขนศพมักจะทำในตอนกลางคืน ชาวบ้านที่พบเห็นจึงอาจเข้าใจผิดคิดว่า ศพนั้นกระโดดได้เอง
โฆษณา