8 ส.ค. 2019 เวลา 23:45 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ทำไมหัวเครื่องบิน Concorde ถึงต้องพับลง?
“3 ชั่วโมง 15 นาที” คือเวลาที่ Concorde เคยใช้บินจาก New York ไปยัง London
ประมาณง่ายๆ เหมือนการบินจากกรุงเทพ ไป ซัปโปโร ญี่ปุ่น
ภายในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง
ในสมัย 40 ปีที่แล้ว การทำแบบนี้ได้
เป็นเรื่องเหลือเชื่อ
หลายๆคนในเวลานั้น ก็คงอยากจะลองนั่งดูซักครั้งในชีวิต
แต่อย่างไรก็ตาม การให้บริการด้วย Concorde ก็ต้องปิดตัวลงไป
อย่างไม่น่าเสียดาย..
ด้วยราคาค่าตั๋วอันแสนแพง และเหตุผลร้อยแปดพันเก้า
ทำให้ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ไม่คุ้มที่จะทำต่อ
ถึงอย่างนั้น หลายๆคนก็คงจำกันได้ กับรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์
หัวแหลมๆ ตัวยาวๆ หางตั้งๆ ปีกลู่ไปด้านหลัง
และเด่นที่สุดก็คงจะเป็น “จะงอยปาก” ที่หักลงชนิดที่ไม่กลัวว่ามันจะจิกพื้นเข้าให้ซักวัน
ภาพ : geograph.org.uk
แล้วทำไมต้องทำหักลงแบบนั้นล่ะ?
เหตุผลที่ต้องทำให้มันหักลงมาได้นั้น ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมายครับ
ก่อนอื่น ต้องท้าวความกันก่อน
Concorde เป็นเครื่องบินประเภท supersonic aircraft แปลว่า ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ จะเร็วกว่าเสียง ซึ่งจะใช้เลขมัค(Mach) เป็นตัวบอก
โดย 1 มัค เท่ากับ 1 เท่าของความเร็วเสียง
ส่วนเครื่องบินทั่วไป จะเป็นเครื่องบินประเภท subsonic aircraft ซึ่งความเร็วสูงสุดจะไม่เกินความเร็วของเสียง(Mach 1)
การที่จะทำให้เครื่องบินซักลำ บินได้เร็วกว่าเสียง จำเป็นต้องใช้วัสดุที่ไม่เคยใช้มาก่อน ผ่านการประยุกต์ในการออกแบบ และเทคโนโลยีอีกมากมาย กว่าจะได้ออกมาเป็น Concorde อย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้
ซึ่งการทำให้ตัวเครื่องลู่ลม ..ก็เป็นหนึ่งในนั้น
จากการที่ตัวเครื่องต้องลู่ลมมากๆ
เลยต้องเหลาบริเวณส่วนหัว ให้แหลมมากที่สุด
แหลมจนกลายเป็นไม้จิ้มฟัน ดังที่เห็นกันในรูป
ผลจากความแหลมนั้น ทำให้นักบิน ไม่สามารถมองเห็นพื้นด้านหน้าได้เลย
ยิ่งตอนขณะกำลังลงจอด เครื่องจะต้องเชิดหัวขึ้น
เมื่อมองไม่เห็นพื้น มีแต่ท้องฟ้า นักบินจะไปทำอะไรได้ นอกจากนั่งนับดาว..
เหล่าวิศวกรของบริษัท Marshall Aerospace จากอังกฤษ จึงแก้ปัญหาด้วยการหักหัวมันลงมา และตั้งชื่อให้มันว่า “Droop-nose”
ซึ่งหัวของ Concorde หักได้สูงสุด -12.5 องศา ผ่านระบบไฮดรอลิค ที่อยู่ข้างๆนักบิน จึงทำให้นักบินสามารถมองเห็นพื้นด้านหน้าได้ ในขณะที่กำลังจะลงจอด
Droop-nose และ visor | ภาพ : Youtube / David Stuckey
และ Concorde ยังมีส่วนที่สำคัญ อีกชิ้นหนึ่งคือ “visor” หรือชิ้นส่วนกระจกชั้นนอก ที่สามารถเลื่อนลงได้
เหตุผลที่ใช้กระจกหน้าถึง 2 ชั้น ก็เพราะว่ากระจกชั้นนอกจะเป็นตัวกันลม และทำให้ส่วนหัวลู่ลมขณะที่ใช้ความเร็วสูง
แต่ในตอนลงจอด นักบินต้องการมองเห็นพื้น ไม่ได้ต้องการความเร็ว
ส่วน Droop-nose จึงถูกกดลง และ visor จะถูกเลื่อนลงด้านล่าง
เผยให้เห็นกระจกด้านใน ที่ทำมุมชันกว่าเดิม
ซึ่งทำให้มีทัศนวิสัยที่ดีขึ้น
ลองนึกภาพกระจกหน้ารถเมล์ กับกระจกหน้ารถเก๋ง ใครเห็นพื้นด้านหน้าได้ชัดกว่ากันครับ?
จากเหตุผลที่ว่ามานี้ จึงเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า
“ทำไมหัวเครื่องบิน Concorde ถึงต้องพับลง” นั่นเอง..
ภายในตัวเครื่อง | ภาพ : Mentalfloss
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ที่คุณก็ไม่เคยคิด ว่าคุณจะรู้ไปทำไม
Concorde มีความเร็วสูงสุด 2.04 มัค คิดเป็น 2,179 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ซึ่งความเร็วนี้ คิดเป็นเพียง 0.05 เท่า ของความเร็วในการออกไปยังอวกาศของจรวด ที่ 40,270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง...
ถ้าชอบก็อย่าลืมกดไลค์กันเยอะๆนะครับ
สนใจอ่านบทความซีรี่ย์อื่นๆ
> กดเข้าไปดูในเพจได้เลยยยย
โฆษณา