12 ส.ค. 2019 เวลา 00:55 • ปรัชญา
กลไกธรรมชาติของความเป็นเราจริงๆคือ_?
🤗😐😑😯😦😮🤤😌😇
พระสูตร คำสอนของพระพุทธเจ้าที่เมื่อพระองค์ปลีกวิเวกแล้ว มักจะใช้เป็น”ตถาคตวิหาร” : เครื่องอยู่ของพระองค์คือ “อิทัปปัจจยตา””ปฏิจจสมุปบาท”
“อิทัปปัจจยตา” : คือหลักความจริงอันเป็นเหตุให้มีการเกิดแห่งนามรูปต่างๆ หรือหลักธรรมชาติอันเป็นตัวหลักของเราท่านนี่แหละ ทุกสิ่งนี้เป็นธรรมธาตุ นามรูปทั้งหลายที่ต่างเกิดขึ้นด้วยหลักการนี้👍👍👍
…สิ่งนี้มี สิ่งนี้ย่อมมี เพราะการเกิดขึ้นของสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
…สิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี เพราะการดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป
”ปฏิจจสมุปบาท” : คือหลักความจริงของการเป็นเหตุปัจจัยซึ่งกันและกันของนามธรรมทั้งหลาย ที่สำคัญมากตรงนี้คือ เมื่อเราท่าน ได้ยิน เงี่ยฟัง นั่งลงใกล้ ใคร่ครวญในความจริงนี้ จะพบความอัศจรรย์ ธรรมที่ถูกเปิดจะมาสู่ตน 🤔🤔🤔
เพราะตาเห็นรูปจึงเกิดการกระทบสัมผัสกัน จึงเกิด”เวทนา”ความรู้สึก เพราะเห็นเสื้อตัวนั้นสีสวย ฉันจึงสะดุดใจ เกิดความรู้สึกสุขใจในรูปสีสรรค์นั้น เกิดความพอใจและอยากได้เป็นของตัวเองจึงซื้อมาเป็นของตัวเอง…
กามคุณในสัมผัสแห่งตาและรูปดังนี้ มากระทบกัน เพียงเราท่านเพลินเผลอไปนิดเดียวธรรมธาตุนั้นไปถึงการถือเป็นตนหรือ “อุปาทาน” แล้ว จึงเกิดภวตัณหา ความอยากเป็น อยากมีจนได้ …
หากเราท่านไม่ละเสียในความเพลิน ความพอใจ อยากได้ “ภพ” ภัยอันน่ากลัวได้เกิดขึ้นแล้ว
เมื่อไรเสื้อตัวนั้นถูกยึดมั่นเป็นตนเมื่อไร มันจะไม่ธรรมดาอีกต่อไป เราท่านจะไม่พอใจทันทีถ้าเห็นใครมาเหยียบ มาฉีกเสื้อตัวโปรดตัวนี้ของฉัน
แต่สักวันหนึ่งมันก็จะหม่นสี เปื่อยขาด
…ยิ่งรักมาก ก็อาจจะทุกข์มาก
แต่สักวันหนึ่งเราท่านละอุปาทานออกไป เสื้อแสนรักจะค่อยคลายเป็นเศษผ้าธรรมดา…
ทั้งนี้เพียงแค่ เราท่านหมั่นเพียรใคร่ครวญธรรมของพระองค์
การเจริญสติอยู่กับลมหายใจ อยู่กับปัจจุบัน รู้ลมหายใจเข้าออก และเพียรละ”ราคะนันทิตัณหา” คือความพอใจ ความเพลิน ความอยากทั้งหลาย นำจิตมาอยู่กับเสาหลักคือลมหายใจ ท่านจะได้สัมผัสธรรมอันถูกปิดไว้ มาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ นำพาเราท่านไปสู่ความเจริญไม่มีเสื่อม…
ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงด้วยเหตุปัจจัย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา