24 ส.ค. 2022 เวลา 07:28 • ความคิดเห็น
ข้าหลงทาง
มีคนเฒ่าคนแก่เคยพูดเอาไว้ว่า เวลาเราหลงทางท่ามกลางหมู่ดาว คุณก็ใช้ดวงดาวนั่นล่ะนำทางกลับบ้าน..
“หลายเดือนแล้วสิ(ทำไมเราต้องหลอกตัวเองด้วยล่ะความจริงมันเป็นปีแล้วต่างหาก) ทำไมดวงดาวไม่พาเรากลับบ้านนะ..”
ผมนั่งเหม่อตามประสาพร้อมตั้งคำถามกับตัวเองในคืนอันเวิ้งว้าง ณ ยอดดอยแห่งนั้น..ดอยที่ปกคลุมไปด้วยหมู่ดาว
“ดวงดาวเป็นได้ทุกอย่าง..เข็มทิศบอกทาง หรือปฎิทินของปีก็ยังได้ แต่ดวงดาวพาแกกลับบ้านไม่ได้หรอกเอก ขาคู่นั้นของแกต่างหาก ที่จะพาแกกลับบ้านไปหาคนที่รักได้”
1
ลุงพันธ์เคยบอกเมื่อคราก่อน แกไม่ได้มีดีที่คอแกแข็งเพียงเท่านั้น คำพูดที่สะกิดหัวใจและกระตุกความรู้สึกของแกก็ร่ำรวยพอกัน เวลาเราล้อมวงนั่งดื่มสังสรรค์
ครู่นั้น เสียงประตูเปิดดังมาจากบังกะโลหลังตรงข้ามม้านั่งที่ผมนั่งอยู่
“อ้าว มานั่งตบยุงอยู่คนเดียวอะไรมืดๆ แบบนี้ล่ะไอ้เอก”
เป็นลุงพันธ์ที่รับเวรดูแลความเรียบร้อยในบังกะโลแต่ละหลังแทนไอ้นนท์ลูกชายของแก
“นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยครับลุง” ผมยิ้ม
“ลุงจัดของใช้ให้แขกครบทุกหลังแล้วหรือครับ”
“เรียบร้อยแล้วเอ็ง ว่าแต่..” ลุงพันธ์เว้นช่วงก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผม
“คิดถึงบ้านหรือยังไง เอ็งก็นะพูดแล้วก็ปาเข้าไปสี่เดือนแล้วสิ ที่เอ็งมาทำงานที่นี่”
“ใช่ครับ สี่เดือนแล้ว”
ผมกับลุงพันธ์นั่งคุยไปตบยุงไปจนจวนดึก ก็ร่ำลาแยกย้ายเข้านอน เพียงแต่..มีใครบางคนกว่าจะข่มตาหลับได้ก็เกือบเช้ามืด
ผมนอนคิดทั้งคืน และตัดสินใจจะเอาหน้าบางๆ ของผมซมซานกลับไปที้นั่น ที่บ้านเกิดของผม
“นอนไม่หลับหรือไรเอก ขอบตาเป็นหมีแพนด้าเชียว..เอ็งก็คิดเยอะซะเปล่า ไม่เห็นต้องรอให้ร่ำให้รวยอะไรค่อยบากหน้ากลับไป บ้านก็เป็นบ้านพ่อบ้านแม่เอ็ง แกไม่ได้กลับไปนอนวัดกวนพระกวนเจ้าเสียหน่อยไอ้เอก” ลุงพันธ์วางจานข้าวลงแล้วหยิบผักสลัดห่อปลาทูเข่งก่อนจะม้วนเข้าปาก
“นี่เอ็งรู้มั้ยว่าทำไมข้าถึงให้ไอ้นนท์มันทำงานอยู่ที่นี่ ก็เพราะว่าข้าไม่อยากให้มันไปไหนไกล ข้าเป็นห่วงมัน แล้วเอ็งเล่นจากมาซะกี่ปีแล้วล่ะเนีย..มาอยู่ที่นี่ก็ปาไปสามสี่เดือนเข้าให้แล้ว พ่อแม่เอ็งไม่คิดถึงแย่รึ”
ลุงพันธ์แกก็พูดถูก คำพูดของแกทำให้ผมตัดสินใจเรื่องเมื่อคืนได้เสียที..ได้เวลาเดินทางแล้วสินะ?
End # 1
โฆษณา