12 พ.ค. 2020 เวลา 09:44 • ไลฟ์สไตล์
"เริ่มมองเส้นทางตัวเอง" จากปัจจุบัน
สรุปย่อๆ (แต่ก็ยาวอยู่ 😅)
มองเส้นทาง
0. เด็กจบ ม.6 ต่างจังหวัด เลือกเส้นทางตัวเอง
ตื่นเต้น
ขณะนั้นคงไม่ต่างกันจากทุกคนที่ จะมีการสนับสนุนให้นักเรียนอย่างเรามีการงานที่มั่นคง งานสบาย และได้รับการยอมรับ แน่นอนว่านั่นคือ "งานราชการ"
ช่วงเวลาที่เลือกเส้นทางนั้น สนุกกับการเลือกสอบเข้าเรียนต่อในสถานที่ต่างๆ โดยที่ความคิดเวลานั้นคือ ต้องเป็นสาขาวิชาที่รับราชการได้ และสามารถทำงานเอกชนได้เช่นกัน (ใจจริงไม่อยากรับราชการเลย)
เลือกสาขาวิชาที่ต้องการ คือ ทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (ส่วนตัวชอบเทคโนโลยีด้วย) ส่วนสาขาเกษตรศาสตร์นั้นอยู่ในใจลึกๆ หลากหลายสถานที่
สุดท้ายสอบได้ สาขาเทคโนโลยี (ตัวเลือกแรก) ที่สถานศึกษาใจกลางภาคอีสาน ต่อมาก็สอบได้ สาขาวิทยาศาสตร์ ที่สถานศึกษาตะวันออกสุดภาคอีสาน ตัดสินใจอยู่นาน จึงเลือกสถานที่ 2 เพราะใกล้และก็ตอบโจทย์เราที่สุด (ณ เวลานั้น)
1. ขณะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 ในสาขาวิชาที่เลือกมา ตามประสาเด็ก ม.6
อีกครั้ง
เมื่อได้เข้าศึกษาต่อระดับสูงขึ้น ความตื่นเต้นต่างๆมากมาย ทั้งสถานศึกษาที่ใหญ่กว้างขวาง ตึกมากมาย (ต่างจากโรงเรียนมาก) นักศึกษาหลายพันคน และระบบสังคมใหม่ ที่ทุกคนมาพักหอ แล้วตื่นเช้าไปเรียน-เย็นกลับ ระบบการเรียนที่แตกต่าง และเข้มข้น จนทำให้เด็กน้อยปี1 จากโรงเรียนระดับตำบลนี้ ได้ผลการเรียนต่ำในเทอมแรก และเทอมที่1 ก็ไม่ได้ดีขึ้น
เมื่อจบปี1 จึงได้ทบทวนตัวเองอีกครั้ง ว่าเราสมควรอยู่จุดนี้หรือเปล่า ทำไมทำได้ไม่ดีเลย มันใช่เราไหม ณ เวลานั้นจึงลงสอบเลือกเส้นทางใหม่ แน่นอนว่าเส้นทางนั้นก็คือสิ่งที่อยู่ในใจมาตลอด สาขา"เกษตรศาสตร์" ปรากฏว่า ได้ตามที่ต้องการ ในสถานศึกษาที่ใฝ่ฝัน (อุดมศึกษาที่แรกในภาคอีสาน)
เลือกใหม่แต่ไม่สุด ขณะนั้นก็ได้เก็บของ เดินทางไปพักที่หอพัก แต่สุดท้ายก็เก็บของกลับมาบ้านภายในวันเดียวกัน !! ไม่รู้ว่ารู้สึกแบบไหนแต่ได้ทบทวนขณะนั้นแล้ว ว่าอยู่ที่เดิมก็ดี สู้เอาสักตั้ง เราอาจพยายามน้อยไป สรุปได้กลับมาศึกษาสถานที่เดิมต่อปี 2 จนถึงจบปี4
2. เรียนจนจบมหาวิทยาลัย 4 ปี
อย่างที่บอกไปว่าการศึกษาค่อยข้างยาก และหนักอยู่พอสมควร เราจึงตั้งกฎของตัวเองไว้ว่า ห้ามตกแม้แต่วิชาเดียว (ตกวิชาเดียว คือ เสียเวลาเรียนอีก 1ปี) ดังนั้นวิธีการที่ใช้คือ ตั้งใจ และเข้าหากลุ่มเพื่อนที่เรียนดี กิจกรรมดี ตั้งใจเรียนในห้องไม่ขาด และทบทวนหลังจากการเรียน ที่หอ จนประสบความสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้ คือ จบการศึกษาภายใน 4 ปี และผลการเรียนดีขึ้นมาเรื่อยๆ จนได้ค่าเฉลี่ยปานกลาง
3. ออกหางานทำหลังเรียนจบทันที
เมื่อจบการศึกษาที่เลือกมา ก็เริ่มหางานทำทันที(อยากทำงานแล้ว) ก็ได้มาอยู่ในแหล่งอุตสาหกรรมเอกชนมากมาย สังคมแบบใหม่อีกครั้ง แน่นอนว่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน พอเริ่มส่งใบสมัครงาน สอบสัมภาษณ์ ที่แล้วที่เล่า ก็ได้งานภายในเวลา 2 เดือน แล้วก็ทำงานบริษัทในโรงงานอุตสาหกรรมต่อเนื่องมา
ระบบทำงาน
4. ทำงานได้ 1 ปี เริ่มมีความคิดขัดแย้ง
มีประสบการณ์
ทำงาน 1 ปี มีความคิดขัดแย้ง (อีกแล้วหรอ) ในความคิดนั้นว่า มันใช่เราไหม การทำงานที่กำหนดเวลา ตื่นเช้าตอกบัตรเข้า-เย็นออก วนซ้ำๆ รู้สึกว่ามันน่าเบื่อ แล้วผลตอบแทนที่ได้มาก็เสียไปกับค่าครองชีพเกือบ 50%
เริ่มศึกษาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต (หางานใหม่) งานที่ตอบโจทย์ตัวเอง ก็หาตามแหล่งรับสมัครงานตามเว็บไซต์ หรือความรู้จาก YouTube มีอะไรที่จะทำให้มีอิสระ แต่ได้ผลตอบแทนด้วย
อันดับแรก พบงานใหม่มากมาย (ก็คงไม่ต่างจากที่เป็นอยู่) การลงทุนในหุ้น ธุรกิจ อื่นๆ รวมถึงการเกษตรแบบใหม่ๆ ที่โฆษณากัน หลายรูปแบบ
ในการทำงานปีที่ 2 เลือกการลงทุนในหุ้น สลากออมสิน อย่างต่อเนื่อง จนมีเก็บบ้างเล็กน้อย และต่อเนื่องถึงปีที่ 3 และ 4
ในระหว่างลงทุนในปีที่ 2 นั้น ก็ได้ลงทุนการทำเกษตรกรรมไปด้วยแบบพอทำได้ โดยการเปลี่ยนจากการทำนาอย่างเดียวมาเป็น แบบผสมผสาน (ขุดสระขนาดเล็ก ปลูกต้นไม้ เลี้ยงปลา) โดยที่ไม่มีระบบน้ำที่เพียงพอ(ขอเริ่มทำก่อน)
การลงทุนมาจบลงในปีที่ 5 เนื่องจากค่าใช้จากที่มากขึ้น และผลตอบแทนไม้ได้ตามที่คาดหวัง
ส่วนการเกษตร ก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่วางแผนไว้ ต้นไม้ตาย เลี้ยงปลาไม่โต แห้งแล้งในฤดูร้อน อาจเกิดระบบการดูแลที่ไม่เพียงพอ เพราะเราก็ทำงานอยู่ห่างไกล กลับไปดูแลแค่ 3 เดือน/ครั้ง
แต่ก็ยังเห็นความแตกต่างของการเกษตรดีขึ้นจากที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้ จึงพยายามศึกษา และปรับปรุง แก้ไขต่อเนื่องมา จนถึงปัจจุบัน
5. ทำงานมาจนถึงปัจจุบัน
เรียนรู้ ปรับตัว
ปัจจุบันทำงานอยู่ที่อุตสาหกรรมเดิมตั้งแต่แรก เพราะมีความก้าวหน้าเล็กๆ น้อยๆ และยังลงทุนทำการเกษตรที่บ้านอย่างต่อเนื่อง ตามความสามารถของตนเอง
การเกษตรนั้น ปัจจุบันก็หาความรู้และแนวทางจากผู้ประสบความสำเร็จ ไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่ตัวเอง ซึ่งเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างช้าๆ หวังว่าสักวันหนึ่งคงจะทำให้เราประสบความสำเร็จความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้
งานประจำสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่า มันเกิดวิกฤตไปทุกระดับ ทั้งโลกเลยก็ว่าได้ บางคนตกงาน บางคนถูกบังคับหยุดงาน รวมถึงเราด้วยก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน งานออเดอร์น้อยลง รายได้บริษัทน้อยลง ส่งผลกระทบต่อพนักงานทุกระดับ ซึ่งต่อจากนี้ไม่รู้ว่าจะดีขึ้นในเร็ววันหรือเปล่า เราก็ได้แต่เอาใจช่วย และป้องกันตนเอง หาโอกาสใหม่ ปรับตัวกับสถานการณ์ที่จะพบเจอในโลกอนาคตนี้
คงต้องเป็นกำลังใจให้ตัวเองและทุกคนผ่านเวลานี้ไป และให้ดำเนินชีวิตได้ตามปกติ เรียนรู้ ทักษะ ที่จำเป็น เพื่อดำรงชีวิตอยู่ได้...
ไร่นาปีแรก
ขอบคุณครับ : The farmer ways - เส้นทางเกษตรกร
โฆษณา