16 ส.ค. 2019 เวลา 12:39 • ความคิดเห็น
อย่าตายก่อนจะถึงคราวตายจริงๆ
คุณจะรู้ความหมายของชีวิตก็ต่อเมื่อชีวิตมันไม่เหมือนเดิม
1
อีก1 บุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจดีๆให้กับใครหลายคน
goodlifeupdet
มูนิบา มาซารี(Muniba Mazari) หญิงแกร่งแห่งปากีสถาน
เธอสวยมาก
เธอสวยทั้งหน้าตาและจิตใจ เธอเก่งและแกร่งมาก
ถึงแม้ว่าเธอจะเดินไม่ได้ต้องใช้ชีวิตอยู่บนวีลแชร
์แต่...
เธอเป็นศิลปิน นักร้อง ผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ นักเขียน นักพูดสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้หญิง และเป็นนักกิจกรรมทางสังคม. เธอปรากฏตัวตามรายการต่างๆ มากมาย
โดยเฉพาะการสร้างแรงบันดาลใจ
ในปี 2015 มูนิบา มีชื่อติดอันดับ 1 ใน 100 ผู้หญิงซึ่งเป็นแรงบันดาลใจทั่วโลกของบีบีซี เดือนธันวาคมปีเดียวกันเธอได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตสันถวไมตรีขององค์การเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ (UN Women) คนแรกของประเทศปากีสถาน
แต่กว่าจะมาเป็นเธอในวันนี้เธอต้องผ่านอะไรมามากมายเลยล่ะค่ะ ปัจจุบันเธออายุ 32 ปี
ในเวทีการพูดสร้างแรงบันดาลใจที่เธอเป็นวิทยากรเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เธอเล่าว่า
vtube
ฉันเคยแต่งงานตอนอายุ 18 ปี
ฉันอยู่ในครอบครัวหัวโบราณ ซึ่งเป็นครอบครัวที่ลูกสาวที่ดีนั้น"ต้องไม่ปฏิเสธ" พ่อแม่
พ่อของฉันต้องการให้ฉันแต่งงาน
ฉันก็ได้แต่คิดว่าถ้ามันทำให้พ่อมีความสุข ฉันก็จะทำ และแน่นอนมันเป็นการแต่งงานที่ไม่มีความสุขเลย
หลังจากที่ฉันแต่งงานได้ 2 ปี
เมื่อประมาณ 9 ปีที่แล้ว(ถ้าปัจจุบันนี้ก็ 11 ปี)
ฉันประสบอุบัติเหตุ
สามีของฉันเขาหลับในทำให้รถตกลงไปในคูน้ำ
1
เขาหาทางกระโดดออกมาเพื่อให้ตัวเองรอด
ฉันก็ดีใจกับเขาด้วย
แต่ว่า.....ฉันยังติดอยู่ในรถ (😳😲😱 OMG)
ฉันได้รับบาดเจ็บอยู่หลายแห่ง แขนขวาฉันหัก
ข้อมือหัก หัวไหล่และไหปลาร้าแตก
กระดูกซี่โครงหักหมด และอาการบาดเจ็บที่ได้เปลี่ยนตัวฉันและชีวิตของฉันไปอย่างสิ้นเชิง
นั่นก็คืออาการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง
มีคนเข้ามาช่วยหลายคน พวกเขาผายปอดให้ฉัน และลากฉันออกมาจากรถ และขณะที่กำลังลากฉันออกมานั้น กระดูกสันหลังของฉันขาดออกจากกัน
2 เดือนครึ่งที่อยู่ในโรงพยาบาล มันเลวร้ายมาก
ฉันหมดอาลัยตายอยาก
มีวันหนึ่งหมอเข้ามาพูดกับฉันว่า
"ผมได้ยินมาว่าคุณอยากเป็นจิตรกร แต่สุดท้ายต้องกลับมาเป็นแม่บ้าน ผมมีข่าวร้ายจะบอกคุณ คุณไม่สามารถวาดรูปได้อีก"
วันต่อมาหมอก็พูดกับฉันว่า
"กระดูกสันหลังของฉันอาการแย่มาก คุณจะไม่สามารถเดินได้อีก"
ฉันสูดหายใจเข้าลึกลึกแล้วคิดว่าไม่เป็นไร
วันต่อมาหมอเข้ามาบอกกับฉันว่า
"เนื่องด้วยอาการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังของฉัน คุณไม่สามารถกำหนดลูกได้อีก"
วันนั้นฉันรู้สึกหมดสิ้นทุกอย่าง
ฉันเริ่มตั้งคำถามกับการมีชีวิตของฉัน
ว่าฉันมีชีวิตไปเพื่ออะไร?
สิ่งที่ฉันทำต่อไปได้ก็คือ
ฉันบอกพี่ชายของฉันว่า
"ฉันรู้สึกว่ามือฉันบิดเบี้ยว แต่ฉันเบื่อกับการนั่งมองผนังขาวๆ และใส่ชุดขาวพวกนี้ในโรงพยาบาล
เอาสีมาให้ฉัน เอาผ้าใบเล็กๆมาให้ฉันที
ฉันอยากวาดรูป
ดังนั้น.....
ภาพแรกที่ฉันวาดก็คือ
"การรอความตาย"
สภาพรถที่พังยับจากอุบัติเหตุ กับเธอที่ต้องรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล นอกจากหมอที่รักษาเธอสิ่งที่รักษาเยียวยาเธอได้ก็คือการวาดรูป
เป็นภาพฉันได้วาดครั้งแรกหลังจากเกิดอุบัติเหตุ เป็นการบำบัดที่ดีมากจริงๆ
ขนาดไม่ได้พูดอะไรมาสักคำ
ฉันสามารถวาดความในใจออกมาได้
ฉันแบ่งปันเรื่องราวของฉันได้
หลายคนเข้ามาพูดว่า
"เป็นภาพที่สวยจัง สีสันเยอะเลย"
ไม่มีใครมองเห็นความทุกข์ที่อยู่ในนั้น มีเพียงฉัน
(บางทีคนอื่นเขาไม่รู้หรอกว่าเรารู้สึกยังไง
มีเพียงตัวเราเองเท่านั้นที่รู้จักตัวเองดีที่สุด)
แล้ววันนั้นฉันได้ตัดสินใจว่า
"ฉันจะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวฉันเอง"
ฉันจะไม่เป็นคนที่สมบูรณ์แบบสำหรับใคร
ฉันแค่จะใช้ช่วงเวลานี้ และทำมันให้สมบูรณ์แบบสำหรับตัวฉัน ที่จะต่อสู้กับความกลัวของฉัน
ฉันจึงเขียนความกลัวทั้งหมดลงไปทีละอย่าง
และตัดสินใจที่จะเอาชนะความกลัวเหล่านั้นไปทีละอย่าง
รู้ไหมสิ่งที่ฉันกลัวที่สุดคืออะไร?
" การหย่าร้าง"
แต่ในวันที่ฉันตัดสินใจว่านี่เป็นแค่ความกลัวของฉัน
ฉันให้อิสระแก่ตัวเองด้วยการปล่อยเขาไป
และฉันก็ได้ทำให้ตัวเองเข้มแข็งมากขึ้น
เมื่อวันที่ฉันได้ข่าวว่าเขากำลังจะแต่งงาน
ฉันส่งข้อความหาเขา ฉันยินดีกับคุณมากและขอให้คุณโชคดี แล้วฉันสวดมนต์ให้เขาจนถึงทุกวันนี้
(เธอต้องเข้มแข็งแค่ไหนกันนะที่จะก้าวผ่านเรื่องที่กลัวมากที่สุดไปได้ แถมยังยินดีกับอดีตสามีได้อีก)
เรื่องที่ 2 ก็คือฉันไม่สามารถเป็นแม่คนได้อีก
และนั่นเป็นเรื่องที่เลวร้ายสำหรับฉันมาก
จากนั้นฉันก็คิดได้ว่าโลกนี้ยังมีเด็กอีกมากมายพวกเขาแค่ต้องการการยอมรับ
ฉันจะร้องไห้ทำไมล่ะก็แค่ไปรับเด็กคนนึงมาเลี้ยง แล้วฉันก็ทำแบบนั้น ฉันได้ลงชื่อไว้ตามองค์กรสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าต่างๆ แล้วรอคอยอย่างอดทน
(จริงอย่างที่ มูนิบาว่า มีเด็กกำพร้าอยู่มากมายและมีอยู่ทุกประเทศในโลกใบนี้ สิ่งที่เด็กเหล่านี้ต้องการมากที่สุดคือโอกาสและการยอมรับ.
แต่ถ้าคิดว่าจะรับเด็กมาเลี้ยงคุณต้องแน่ใจแล้วว่าคุณมีความพร้อมมากพอว่าคุณจะสามารถดูแลเขาได้เป็นอย่างดี ให้ความรัก ความเอาใจใส่กับเขาให้เหมือนที่พ่อแม่คนนึงจะทำได้)
2 ปีต่อมา ฉันได้รับโทรศัพท์จากเมืองเล็กๆในปากีสถาน ฉันรับโทรศัพท์แล้วเขาพูดว่า
"ตอนนี้มีเด็กทารกชาย 1 คน คุณอยากรับเลี้ยงไหม?"
ฉันรู้สึกเหมือนเจ็บท้องเหมือนตอนคลอดจริงๆฉันบอกว่า
"รับค่ะ รับ ฉันจะรับเลี้ยงเขา ฉันจะไปรับเขากลับบ้านค่ะ"
ในวันนั้นเขามีอายุ 2 วันวันนี้เขามีอายุ 6 ขวบ (ตอนนี้น้องน่าจะ8ขวบแล้วล่ะค่ะ)
ลูกบุญธรรมของเธอค่ะ
รู้ไหมเวลาที่คุณต้องมาจบลงด้วยกันนั่งรถเข็น
สิ่งเจ็บปวดที่สุดคืออะไร?
"คนเหล่านี้คิดว่าเขาไม่ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น เพราะในโลกของคนที่สมบูรณ์ แบบเราไม่ได้สมบูรณ์แบบ "
ฉันจึงตัดสินใจ ปรากฏตัวตามสื่อมากขึ้น
เริ่มวาดภาพ รับถ่ายแบบโฆษณามากมาย
ฉันตัดสินใจร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ของปากีสถานในฐานะผู้ประกาศข่าว
ฉันได้เป็นทูตให้กับองค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติปากีสถาน แล้วตอนนี้ฉันเป็นปากเสียงให้กับเราสตรีและเด็กๆ
เรื่องของฉันได้ถูกนำเสนอ ในผู้หญิง 100 คนผู้หญิงซึ่งเป็นแรงบันดาลใจทั่วโลกของ BBC ปี 2015
ฉันเป็นหนึ่งใน 30 คนของนิตยสาร Forbes ที่อายุต่ำกว่า 30 ปี 2016
facebook : Muniba Mazari
ดังนั้น....
เมื่อคุณยอมรับตัวเองในแบบของคุณแล้ว
โลกจะเห็นคุณค่าของคุณ
ทุกอย่างเริ่มต้นจากภายใน
เรามีความเพ้อฝันอันน่าทึ่งเกี่ยวกับชีวิตว่า
1
"มันควรจะเป็นแบบนี้นี่เป็นแผนการของฉันมันจะต้องเป็นไปตามแผนของฉัน ถ้ามันไม่เกิดขึ้นเราก็ล้มเลิก"
ฉันไม่เคยอยากนั่งรถเข็น
ไม่เคยนึกถึงการนั่งรถเข็นเลย
ชีวิตนี้คือบททดสอบและการทดลอง
และบททดสอบมันไม่ง่ายอยู่แล้ว
ดังนั้น....
เมื่อคุณคาดหวังความสบายของชีวิต พอชีวิตมอบความลำบากมาให้คุณก็เปลี่ยนให้มันเป็นสิ่งดีซะ
ถึงจะกลัวก็ไม่เป็นไร
ถึงจะร้องไห้ก็ไม่เป็นไร
จะเป็นยังไงก็ไม่เป็นไร
แต่การล้มเลิกไม่ควรจะเป็นทางเลือก
คนมักพูดกันเสมอว่าความล้มเหลวไม่ใช่ทางเลือก
ความล้มเหลวควรจะเป็นทางเลือก
เพราะเมื่อคุณล้มเหลวคุณจะลุกขึ้นมา
นั่นแหละจะทำให้คุณไปต่อ ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ยอมรับตัวเองในแบบที่คุณเป็น ใจดีกับตัวเอง
รักตัวเองและแพร่กระจายความรักนั้น
อย่ายอมแพ้
"อย่าตายก่อนจะถึงคราวตายจริงๆ"
ความสุขที่แท้จริงไม่ใช่เงินหรือความสำเร็จ
หรือชื่อเสียง ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่การรู้คุณ
จงรู้สึกขอบคุณที่ยังมีชีวิตอยู่
จงใช้ชีวิตให้คุ้มค่าในทุกช่วงเวลา
1
นั่นคือการบรรยายของเธอวันนั้นความจริงมันยาวกว่านี้นะคะ แต่ย่อมามันเลยเหลือแค่นี้😁😁
และมีบทสัมภาษณ์อันนึงของเธอที่น่าสนใจคือ
Q: จากบทสัมภาษณ์ของคุณหลายๆครั้งที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าคุณมีความสุขมากขึ้นหลังประสบอุบัติเหตุและต้องนั่งรถเข็นพูดแบบนี้ได้ไหม ?
A:รู้ไหม ฉันพูดเสมอว่า ถ้าได้กลับไปเหมือนเดิมคือก่อนประสบอุบัติเหตุ ฉันคงไม่เอาหรอก
เพราะตอนนั้นฉันเป็นเพียงคนธรรมดาๆ
ไม่มีความวิตกทุกข์ร้อน
ไม่มีแรงบันดาลใจ
ไม่มีความฝัน
เป็นพวกไร้ค่าไม่มีความสุข
พอเหตุการณ์เปลี่ยน
ฉันเดินไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้อีกหลายอย่าง
ทันใดนั้นฉันเริ่มเข้าใจว่า
"เมื่อก่อนมันดีแค่ไหน"
ตอนนี้ฉันกลายเป็นศิลปิน
ฉันเป็นนักพูดที่สร้างแรงบันดาลใจได้
้เมื่อก่อนฉันไม่เคยคิดจะทำสิ่งเหล่านี้
ไม่เคยรู้ว่าตัวเองจะวาดภาพและเป็นศิลปิน
มืออาชีพได้
ไม่เคยคิดเลยว่าจะแสดงงานของตัวเองใน
แกลลอรี่หรือจัดงาน
ไม่เคยคิดว่าจะกลายมาเป็นทูตสันถวไมตรีและ
เป็นทูตสันถวไมตรีผู้หญิงคนแรกของปากีสถาน
มันเป็นเกียรติมากสำหรับฉัน มันเกิดขึ้นเพราะความโชคร้ายเพราะโอกาส ฉันบอกได้เลยว่ามันเปลี่ยนฉันให้เป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก รวมทั้งมีความสุขมากๆ การบาดเจ็บนี้ที่จริงมันเป็นโชคก็อาจจะว่าได้
Q:แต่ในอีกด้านผู้หญิงที่เข้มแข็งก็อาจจะผลักผู้ชายออกไปทำให้พวกเขาไม่อยากมีส่วนร่วมในการส่งเสริมความเข้มแข็งของผู้หญิง?
A: มันไม่มีหรอกการแข่งขัน ผู้ชายกับผู้หญิงต่างเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเดียวกัน ถ้าเราอยากเติบโตและก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นในรูปของประเทศหรือสังคมหรือว่าส่วนหนึ่งของโลก เราก็ต้องทำงานด้วยกันเป็นทีม
Q:ปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศที่เกิดขึ้นในปากีสถาน คุณคิดว่าอะไรที่เป็นปัญหาสำคัญที่สุด?
(ลักษณะทางสังคมส่วนใหญ่ของปากีสถานยังเป็นแบบดั้งเดิม ยังยึดจารีตและวัฒนธรรมมุสลิมอย่างเคร่งครัดในการดำรงชีพ ซึ่งผู้ชายจะมีบทบาทและสิทธิมากกว่าผู้หญิงจึงทำให้มีความเหลื่อมล้ำทางสิทธิและเสรีภาพ แต่ภายหลังเมื่อได้รับอิทธิพลจากตะวันตก จึงมีการเปลี่ยนไปตามแบบวัฒนธรรมตะวันตกบ้าง เช่น ผู้หญิงจะมีส่วนร่วมทางการเมือง งานสวัสดิการสังคม และมีการเรียกร้องสิทธิสตรีให้ทัดเทียมกับบุรุษ โดยจะต้องอยู่ในกรอบวัฒนธรรมอิสลาม. มีการออกกฎหมายมาปกป้องคุ้มครองสิทธิของสตรี )
A: คนทั่วไปเชื่อกันว่าเมื่อเราพูดถึงเรื่องสตรีนิยมหมายถึงผู้หญิงเป็นฝ่ายถูกเสมอ แต่ความเท่าเทียมกันทางเพศมันบอกเราว่าผู้ชายและผู้หญิงมีความสำคัญเสมอภาค ถ้าจะให้ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะในระดับพื้นที่และประเทศชาติ
ปัญหาในปากีสถานก็เหมือนกับที่อื่นของโลกคือ
ผู้หญิงยังไม่เข้าใจพลังของตัวเอง
อาจจะคิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้มากเกินไป
ผู้หญิงทุกคนเข้มแข็งได้ทั้งสิ้น
พวกเธอต้องรู้ว่าตัวเองมีคุณค่าถ้าพูดและถ้าผู้ชายสนับสนุน เวลานี้คือเวลาที่เราจะมานั่งตึกตรองว่าในฐานะที่เป็นผู้หญิงเราควรทำอะไร
ถ้าเมื่อไหร่คุณเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง
ทุกอย่างจะเติบโตได้แต่ตอนนี้เรายังไม่นิ่ง
ยังต่อสู้กับเรื่องที่ว่าเราเข้มแข็ง
หรือเวลามีคนมาบอกเราว่า เราไม่มีคุณค่าแล้วเราไม่เข้มแข็ง เราเงียบและเรายังอยู่ในภาวะปฏิเสธตัวเอง เราต้องลุกขึ้นมารับผิดชอบชีวิตของเราเลือกวิธีของตัวเอง
เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งในวิธีที่คุณเป็น
ปัจจุบัน มูนิบา ยังคงทำหน้าที่ในการเป็นทูตสันถวไมตรีได้เป็นอย่างดี ยังคงเป็นศิลปิน นักพูดที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน
facebook : Muniba Mazari
จากชีวิตที่ต้องประสบพบเจอเรื่องร้ายๆ ของเธอ เธอไม่มีความสุขกับการแต่งงาน ประสบอุบัติเหตุจนต้องใช้ชีวิตอยู่บนวีลแชร์ ไม่สามารถมีลูกได้อีก หมอบอกว่าเธอไม่สามารถวาดรูปได้อีกแต่ตอนนี้เธอมีผลงานวาดรูปมากมาย
นี่คือผลงานของมูนิบาค่ะ
มูนิบา เป็นผู้หญิงที่สตรองมาก
เธอเก่งมากที่เปลี่ยนโชคร้ายนั้นให้เป็นโอกาส
เป็นเรื่องดีๆในชีวิตของเธอได้
facebook : MunibaMazari
แล้วคุณล่ะจะเปลี่ยนเรื่องร้ายๆให้กลายเป็นความโชคดีเหมือนเธอหรือเปล่า?
แอดเชื่อว่าไม่ใช่แค่เพียงเธอหรอกค่ะที่ทำได้
เราเองก็สามารถทำได้เช่นกัน
ก่อนอื่นคุณต้องมีสติรู้ว่าคุณต้องการอะไร
เปลี่ยนทัศนคติให้ตรงกับเป้าหมายแล้วลงมือทำ
เปลี่ยนเรื่องเลวร้ายปัญหาต่างๆให้เป็นแรงผลักดัน
เพราะชีวิตคนเรามันสั้น
จงใช้ชีวิตของคุณให้คุ้มค่าในทุกช่วงเวลาของชีวิต
แอดหวังว่าผู้อ่านจะได้รับแรงบันดาลใจดีๆจากการอ่านเรื่องนี้นะคะ 😊😊😊
เรียบเรียง
~มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยาก~
รูปภาพจากfacebook ของmuniba

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา