Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ຈิ้งຈกຜงกหัว
•
ติดตาม
17 ส.ค. 2019 เวลา 00:40 • ปรัชญา
มีชายตาบอดในประเทศจีนเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว ชายตาบอดคนนี้วันหนึ่งก็ไปเยี่ยมเพื่อนก็สนทนากันออกรสออกชาติจนกระทั่งค่ำได้เวลา ชายตาบอดก็ลาเพื่อนเพื่อจะกลับ ตอนจะกลับเพื่อนก็ยื่นโคมไฟให้เป็นโคมกระดาษ
ชายตาบอดบอกว่า มาให้ฉันทำไม เพราะว่าฉันไม่ต้องการ ตาบอดอยู่ในความมืดก็ไม่ต้องการโคมไฟ เพื่อนบอกว่าถึงคุณไม่ใช้โคมนี้ แต่ว่ามันก็มีประโยชน์สำหรับคนอื่น เพราะว่าถ้าคุณถือโคมไปตามถนนคนอื่นก็จะมองเห็นทาง แล้วเขาก็จะไม่เดินชนคุณ ชายตาบอดก็เลยถือโคมแล้วก็เดินกลับบ้าน
เดินไปพักใหญ่ จู่ๆ ก็มีคนวิ่งมาชนตัวเองจนล้มลง ล้มลงทั้ง 2 คน ชายตาบอดโกรธมากและก็หลุดปากขึ้นมาว่า แกตาบอดหรือไงไม่เห็นหรือไงว่าฉันถือโคมอยู่ คนที่วิ่งมาชนก็ขอโทษขอโพยและบอกว่า โคมของท่านนั้นน่ะ มันดับไปนานแล้วนะ
เรื่องนี้ก็จบเท่านี้นะ เราฟังแล้วเขาสอนอะไรเราไหม สอนอะไรเรารึเปล่า?
ถ้าพิจารณาให้ดีเขาให้แง่คิดกับเราว่า เวลาเราจะทำอะไร อย่านึกถึงแต่ตัวเองอย่างเดียว ชายตาบอดไม่จำเป็นต้องใช้โคม แต่ว่าเพื่อนก็แนะนำให้ถือ ถือเพื่ออะไร เพื่อคนอื่น คนที่เขาไม่ตาบอดเขาต้องการความสว่าง การถือโคมก็เป็นการเอื้อเฟื้อคนเดินถนนด้วย ถึงแม้ตัวเองไม่ต้องการใช้โคมก็ตาม และประโยชน์นั้นก็ไม่ได้เกิดแก่คนอื่นอย่างเดียวก็เกิดกับตัวเองด้วย เพราะว่าเมื่อคนอื่นเขาเห็นทางเขาก็ไม่มาชนเรา
ในขณะเดียวกันเวลาเกิดปัญหาขึ้นมา เช่นมีคนวิ่งมาเดินชนชายตาบอดจนล้มชายตาบอดก็โทษคนอื่นทันทีว่าซุ่มซ่ามตาบอดมาเดินชนได้ยังไงฉันถือโคมอยู่ แต่ว่าชายตาบอดไม่รู้เลยนะว่าจริงๆแล้วเป็นเพราะโคมของตนดับไปแล้ว ชายตาบอดไปโทษคนอื่นจนไม่เห็นความผิดพลาดหรือความบกพร่องของตัวเอง
คนส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้นนะ คนส่วนใหญ่เวลาจะทำอะไรก็นึกถึงตัวเอง มองตัวเองเป็นหลัก ไม่สนใจคนอื่น แต่เวลาเกิดปัญหาก็จะโทษคนอื่นไม่ได้กลับมามองตนว่าเราบกพร่องผิดพลาดหรือเปล่า
นี่เป็นวิสัยปุถุชนคนทั่วไป ในยามปกติก็นึกถึงแต่ประโยชน์ตนไม่นึกถึงประโยชน์ท่าน แต่ในยามที่เกิดปัญหาจิตก็จะเพ่งออกไปที่ข้างนอกไม่กลับมามองตน แต่สิ่งที่ควรจะเป็นมากกว่าคือในยามปกติก็นึกถึงคนอื่นช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น แต่เวลาเกิดปัญหาให้กลับมาดูตน
เรื่องนี้บอกเป็นนัยว่าใครที่เวลามีปัญหาแล้วไม่กลับมามองตนก็คือคนตาบอด คนตาบอดจะไม่เห็นความผิดพลาดของตัวเอง มีอะไรก็โทษคนอื่นไว้ก่อน
แล้วถ้าเราไม่อยากเป็นคนตาบอดเราต้องทำตรงข้ามนะ คือเวลาเกิดปัญหาขึ้นมาแทนที่จะโทษคนอื่นทันทีต้องกลับมาดูตัวเองว่าเราทำอะไรผิดพลาดไหม ปัญหาเกิดจากเราอยู่ที่เราหรือเปล่า แต่เวลาปกติไม่มีอะไรราบรื่นให้มองไปถึงคนอื่นไว้ก่อน
จะว่าไปก็เป็นท่าทีของชาวพุทธก็คือนึกถึงประโยชน์สุขของผู้อื่นแต่เวลามีปัญหาก็ให้กลับมามองตน มันเป็นการทวนกระแส ทวนกระแสจิตใจของคนทั่วไป
คนทั่วไปนึกถึงตัวเองก่อน แต่เวลามีปัญหาก็ไปโทษคนอื่น ถ้าเราต้องการฝึกใจ เราต้องกลับมาต้องมองตนเวลาเกิดปัญหา ปัญหาที่ว่านี้นะไม่ใช่แค่ปัญหาการงานอาจรวมถึงเวลาเกิดความทุกข์ในจิตใจด้วย เพราะความทุกข์ก็คือปัญหาอย่างหนึ่ง
เวลามีความทุกข์ใจคนทั่วไปมักโทษคนอื่นว่าเป็นต้นเหตุ เสียงดังบ้างล่ะ แดดร้อนบ้างล่ะ เจ้านายไม่เป็นธรรมบ้างล่ะ แฟนไม่เข้าใจบ้าง เราจะโทษคนโน้นคนนี้ตลอดเวลา แต่ว่าไม่กลับมามองตน
ทั้งที่คนเราเมื่อใดก็ตามมีความทุกข์ใจเป็นเพราะเราวางใจไม่ถูกเป็นสำคัญ ไม่มีใครขโมยความสุขไปจากเราได้ หากใจไม่ร่วมมือไม่เออออไปด้วย
พระไพศาล วิสาโล
#หอจดหมายเหตุพุทธทาส #BIA
ถอดคำบรรยาย โดย พญ. มนัญญา วรรณไพสิฐกุล
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย