19 ส.ค. 2019 เวลา 02:51
ขงจื่อ
ตอนที่ 23
จื่อลู่
เมื่อครั้งที่ท่านอายุ 72 ปี ข่าวการปฏิวัติในแคว้นเว่ยได้ลือสะพัดมาที่แคว้นหลู่ ครั้นขงจื่อได้ทราบข่าวก็ตกใจจนร่ำไห้ว่า “จื่อลู่คงต้องตายแล้วเป็นแน่แท้” ต่อมาไม่นานก็มีคนนำข่าวที่จื่อลู่ถูกโจรกบฏฆ่าตายมารายงานให้ขงจื่อทราบ ซึ่งก็เป็นจริงตามที่ท่านกังวลทุกประการ
ในตลอดเวลาที่ผ่านมา จื่อลู่จะคอยทำหน้าที่อารักขาขงจื่ออยู่ตลอดเวลา ด้วยแม้นจื่อลู่จะเป็นคนที่มีบุคลิกบุ่มบ่าม พูดจาโผงผางไม่เกรงใจใครก็จริง หากแต่จิตใจภายในกลับมีความรักและเคารพขงจื่อมากเป็นที่สุด และสำหรับอุปนิสัยที่ยอมหักไม่ยอมงอของจื่อลู่เช่นนี้ ก็เป็นสิ่งที่ขงจื่อกังวลใจเป็นยิ่งนัก ขงจื่อเคยกล่าวกับจื่อลู่ว่า “หากยังไม่ยอมแก้นิสัยเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่ได้ตายดีเป็นแน่แท้” และสุดท้ายก็เป็นไปตามที่ขงจื่อคาดไว้ทุกประการ
การจากไปของจื่อลู่ นับว่าเป็นอีกเรื่องที่สะเทือนจิตใจของขงจื่อไม่น้อย เพราะจื่อลู่แม้นมีอายุน้อยกว่าขงจื่อเพียงเก้าปี หากแต่มีความรักและเคารพเทิดทูนขงจื่อมากเป็นที่สุด ความสัมพันธ์ของศิษย์อาจารย์สองท่านนี้ เป็นความสัมพันธ์ที่สนิทแนบแน่น มีความลึกซึ้งจนยากที่จะใช้ภาษาอธิบายออกมาให้กระจ่างได้ เรื่องนี้ต้องเท้าความกลับไปเมื่อครั้งอดีต
ครั้งแรกที่ขงจื่อเห็นจื่อลู่ ก็พบว่าจื่อลู่พกดาบมะมัดทะแมง ท่าทางห้าวหาญชาญชัย ก็รู้ว่าจื่อลู่เป็นคนบุ่มบ่ามมุทะลุ จึงถามขึ้นว่า “เจ้าชอบอะไร” จื่อลู่ตอบว่า “ชอบกระบี่” ขงจื่อกล่าวว่า “ข้ามิได้ถามเรื่องนี้ ข้าหมายถึงด้วยความสามารถของเจ้า หากเพิ่มเติมด้วยความรู้ แล้วยังจะมีอะไรที่ไม่สำเร็จอีกหรือ?”
จื่อลู่ตอบอย่างเด็ดขาดว่า “การเรียนรู้ไม่มีประโยชน์อะไร”
ขงจื่อกล่าวว่า “กษัตริย์ไร้ขุนนางที่คอยทัดทานก็จะไร้ความเที่ยงธรรม บัณฑิตไร้มิตรคงแก่เรียนก็และสูญเสียการฟังที่เที่ยงตรง ผู้ควบคุมม้าพยศจะไม่ยอมปล่อยบังเหียน ผู้ใช้ศรจะไม่ยอมทิ้งเครื่องปรับศูนย์ ไม้ที่มีเต้าตีเส้นก็จะเที่ยงตรง คนที่มีผู้ทัดทานก็จะเป็นอริยะ ผู้ศึกษาหากรู้จักหมั่นถามไถ่ มีหรือที่จะไม่สำเร็จ? หากว่าร้ายผู้ทรงเมตตา ชังเกียจอำมาตย์ขุนนาง สุดท้ายก็จะใกล้ชิดกับอาญา ดังนั้นปราชญ์วิญญูจะไม่เรียนรู้นั้นไม่ได้เลย”
จื่อลู่กล่าวแย้งว่า “บนภูเขาหนันซันมีต้นไผ่ชนิดหนึ่ง มีความเหนียวและตรงแน่ว หากตัดมาใช้งาน ความคมแหลมของมันจะทะลวงแม้นกระทั่งหนังแรดได้ หากกล่าวเช่นนี้ ก็ไม่เห็นต้องมีการเรียนรู้เลย” ขงจื่อกล่าวว่า “แต่หากเติมขนนกให้กับลูกศร หัวศรฝนให้แหลมคม มันก็จะทะลุทะลวงได้ลึกมากยิ่งขึ้นมิใช่หรือ”
ครั้นจื่อลู่ได้ฟังก็หมอบกราบอีกครั้ง พร้อมทั้งกล่าวว่า “ศิษย์ขอน้อมคารวะรับการสอนสั่งท่านอาจารย์”
การหมอบกราบขงจื่อในครั้งนั้น เป็นการหมอบกราบขงจื่อที่ศิโรราบเคารพขงจื่อจากก้นบึ้งของหัวใจอย่างแท้จริง และนับแต่นั้นมา จื่อลู่ก็ไม่เคยห่างหายจากขงจื่อไปไหนอีกเลย
แม้นจื่อลู่จะเป็นคนมุทะลุ แต่ก็มีความองอาจหาญกล้า มีความเชี่ยวชาญในด้านการปกครองและการทหาร ดังนั้นขงจื่อจึงยกให้จื่อลู่เป็นศิษย์ที่มีความโดดเด่นในหมวดการเมือง ทั้งนี้ ขงจื่อยังมีความยึดมั่นในสัจจะ มีชื่อเสียงขจรขจายจนเป็นที่ประจักษ์ไปทั่ว ขงจื่อเคยกล่าวชมจื่อลู่ในข้อนี้ว่า “ผู้ที่อาศัยคำพูดเพียงไม่กี่คำก็สามารถตัดสินคดีความได้นั้น ก็คือจื่อลู่คนนี้เองแล”
และเนื่องด้วยจื่อลู่เป็นคนที่ยึดมั่นในสัจจะ ดังนั้นผู้คนจึงไม่เคยกังขาในคำตัดสินของท่าน กิตติศัพท์เรื่องการรักษาสัจจะของท่านเลื่องลือไกล จนแม้แต่เจ้าแคว้นเมืองเสี่ยวจูก็ยังทรงมีพระรับสั่งให้จื่อลู่เป็นตัวแทนฝ่ายแคว้นหลู่ในการทำสนธิสัญญา หามิเช่นนั้นก็จะมิยอมทำสัญญาใด ๆ กับแคว้นหลู่ทั้งสิ้น จากเรื่องนี้จึงเห็นได้ว่า สัจจะของจื่อลู่ เป็นที่ยกย่องนับถือมากเพียงใด
ดังนั้น สำหรับเหตุการณ์กบฏของแคว้นเว่ย เนื่องจากจื่อลู่ได้เข้ารับราชการที่แคว้นเว่ย ทั้งยังเป็นเป็นคนที่มีอุปนิสัยตรงไปตรงมา มีความเที่ยงตรงแบบไม่ยอมก้มหัวให้กับความอยุติธรรมใดๆ ดังนั้นจึงสร้างความโกรธแค้นให้กับโจรกบฏยิ่งนัก ด้วยเพราะเหตุนี้ จื่อลู่จึงได้ถูกเหล่าโจรกบฏรุมสับจนร่างแหลกเป็นเนื้อสับเลยทีเดียว และแน่นอนที่ข่าวการตายของจื่อลู่เช่นนี้ ก็ยิ่งสร้างความสลดให้กับขงจื่อเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทวี

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา