19 ส.ค. 2019 เวลา 06:35 • ธุรกิจ
" ...สิ่งที่ดีที่สุดที่ผมเคยทำคือ การเลือกบรรดาบุคคลที่เป็นต้นแบบของผมถูกคน..."
(++ Worren Buffett ++)
Worren Buffett นักลงทุนมือหนึ่งของโลก เคยครองตำแหน่งอภิมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกมาหลายครั้ง
แต่...อะไรนะที่ทำให้คนคนหนึ่งก้าวขึ้นเป็นมือ 1 ของโลกได้...
สิ่งหนึ่งที่บัฟเฟตต์พูดถึงอยู่เสมอ คือ ความสำคัญของกัลยาณมิตรหรือบุคคลต้นแบบ เขาเคยกล่าวไว้ว่า "...คุณควรใช้เวลาอยู่กับคนที่ดีกว่าคุณ พยายามเลือกคบผู้คนที่มีพฤติกรรมที่ดีกว่าคุณ แล้วคุณก็จะค่อยๆเป็นอย่างเขาเอง..."
บัฟเฟตต์ชื่นชอบตัวเลขมาตั้งแต่เด็กๆ ช่างสังเกต ชอบการจัดหมวดหมู่และการเปรียบเทียบตัวเลข มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบทดลองและเล่นเป็นพ่อค้าตั้งแต่ยังเด็ก
เขาเริ่มลงทุนจากการซื้อหมากฝรั่งและโคลาจากร้านชำของปู่ มาเดินเร่ขายเอากำไรตั้งแต่อายุได้ 6 ปี
พออายุได้ 8ปี เขาเริ่มสนใจและอ่านหนังสือเรื่องหุ้นและเริ่มลงทุนในหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 11 ปี ได้กำไรหุ้นละ 3 ดอลลาร์
Buffett ได้อิทธิพลจากพ่อผู้เป็นนายหน้าค้าหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์ เขาชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์และการลงทุนของพ่อตั้งแต่ยังเล็ก
เขาจะไปตลาดหุ้นที่พ่อทำงานอยู่เพื่อศึกษาความเคลื่อนไหวของหุ้นจากหน้ากระดานหุ้นด้วยตัวเอง
เขาจดทุกตัวเลขและวิเคราะห์จนเข้าใจ และสามารถให้คำแนะนำผู้ลงทุนรายย่อยที่ตลาดหุ้นได้อย่างดีตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
ตอนเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ เขาวางแผนเพื่อให้ได้เส้นทางและวิธีส่งหนังสือพิมพ์ที่เร็วที่สุด จึงส่งหนังสือพิมพ์ได้มากกว่าคนอื่นๆในเวลาที่น้อยกว่าและทำเงินได้มากขนาดถึงต้องเสียภาษีครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 14 ปี
บัฟเฟตต์เคยไปสัมภาษณ์เพื่อเข้าเรียนต่อปริญญาโทคณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัยฮาร์วาด แต่ถูกปฏิเสธ จึงสมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียร์ที่นิวยอร์คแทน เพราะประทับใจหนังสือแนะนำการลงทุนที่เขียนโดยอาจารย์มหาวิทยาลัยนี้ ที่เขาเคยอ่านเมื่อตอนเด็ก
ถึงแม้จะเลยกำหนดรับสมัครแล้ว แต่บัฟเฟตต์ก็เขียนจดหมายแนะนำตนเองและอธิบายอย่างละเอียดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาได้กำไรจากหุ้นได้อย่างไร และมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับหุ้น จดหมายของเขาชนะใจและได้รับเลือกเข้าศึกษาต่อในที่สุด
เมื่อมีบริษัทเป็นของตนเอง เขาเริ่มลงทุนในบริษัทที่ " มีคุณค่า " คือมีคุณธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต เห็นแก่ประโยชน์ลูกค้าอย่างใจจริง เขาเชื่อมั่นว่า ผู้บริหารที่ซื่อสัตย์จะนำพาบริษัทไปในทางที่ถูกต้องและเจริญรุ่งเรืองแน่นอน และเขาก็พบว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ
เมื่อได้รู้จักกับบิล เกตต์และภรรยา พวกเขาเข้ากันได้อย่างดี
เมื่อบิล เกตต์ตั้งมูลนิธิเพื่อนำเงินถึง95% ของทรัพย์สินตนเองเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสที่อดอยากและเจ็บป่วยทั่วโลก
บัฟเฟตต์ก็ร่วมบริจาคเงินให้ถึง 37,000 ล้านดอลลาร์(1,100ล้านล้านบาท) จากทรัพย์สิน 52,000 ล้านดอลลาร์ที่มีอยู่ในขณะนั้นด้วย
ครั้งหนึ่ง มีผู้ถามถึงหัวใจสู่ความสำเร็จของเขา เขาชี้ไปที่กองหนังสือที่ตั้งอยู่แล้วตอบว่า "...อ่านหนังสือวันละ 500 หน้าอย่างนี้ทุกวันสิ นี่คือวิธีที่ความรู้มันก่อตัวขึ้นมา มันค่อย ๆสะสมขึ้นมาเหมือนดอกเบี้ยทบต้นนั่นแหละ พวกคุณก็ทำได้นะ..."
ความจริงแล้วสมัยบัฟเฟตต์เริ่มลงทุนใหม่ๆ เขาอ่านหนังสือมากกว่าวันละ 500 หน้าด้วยซ้ำ มีรายงานว่าในยุคนั้นเขาอ่านถึงวันละ 600 - 1,000 หน้าเลยทีเดียว
ทุกวันนี้ ในวัย 88 ปี บัฟเฟตต์ยังทุ่มเทเวลากว่า 80% ในแต่ละวันไปกับการอ่านหนังสือ 📚
" ...ราคา คือสิ่งที่คุณจ่ายไป ส่วนคุณค่า คือสิ่งที่คุณได้มา..." (++ Worren Buffett ++)
📖 อ่านอย่างผู้นำ : ดร.ณัชร สยามวาลา
โฆษณา