19 ส.ค. 2019 เวลา 13:10 • ท่องเที่ยว
เรื่องของเมื่อวาน......
วันหยุดของฉัน. แอดขอเล่าก่อนค่ะว่าเมื่อวานนี้เป็นวันเกิดของเพื่อนแอด นางเลยชวนแอดไปทำบุญ ที่วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร
(Wat Pathum Wanaram) วัดที่เป็นเหมือนที่ฟอกออกซิเจนอยู่ใจกลางเมือง เพราะต้นไม้ที่ค่อนข้างเยอะและอยู่กลางป่าคอนกรีต. ตั้งอยู่ระหว่างศูนย์การค้าสยามพารากอนและห้างเซ็ลทรัลเวิร์ด
ตอนที่เพื่อนชวนแอดก็คิดนะว่าทำไมไม่ทำบุญวัดที่อยู่ใกล้ๆล่ะ เพราะวัดปทุมวนารามอยู่ไกลจากห้องพักของแอดและเพื่อนหลายกิโลเลยล่ะค่ะแต่เพื่อนของแอดนางอยากไปไหว้พระเสริมที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดนี้เลยเลือกจะมาที่นี่ทั้งที่อยู่ไกล
นัดกันไว้11โมง แต่ได้เข้าไปไหว้พระก็เลทไป
ครึ่งชม. เพราะมัวซื้อชานมอยู่
พอเข้ามาในเขตวัดแล้วที่แรกที่ไหว้พระก็ตรงนี้แหละค่ะ
และตรงนี้มีแมวอยู่ตัวนึง น้องแมวตัวนี้น่าจะเป็นแมวของวัดนี่แหละค่ะ. น้องเชื่องมาก น่าร๊าาาก แอดเข้าไปเล่นด้วยน้องก็อ้อนใหญ่เลย
มาวัดทั้งที่ก็ต้องรู้ประวัติของวัดด้วยสิเนาะ
พระอุโบสถ วัดปทุมวนาราม
ชึ่งประวัติวัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร
คือ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดราชวรวิหาร
ตั้งอยู่ที่ ถนนพระราม 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
วัดสถาปนาขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4
ทรงมีพระราชประสงค์ให้สร้างวัดนี้ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2400 บริเวณด้านทิศตะวันตกของสระนอกเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแก่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระมเหสี และพระราชทานนามวัดว่า “วัดปทุมวนาราม” แต่ชาวบ้านมักเรียกว่า
“วัดสระปทุม”
พระสายน์ หรือ พระไส ประดิษฐานภายในพระอุโบสถ วัดปทุมวนาราม
“พระสายน์” หรือ พระไส ซึ่งประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถของวัดปทุมวนาราม ก็เป็นพระพุทธรูปที่อัญเชิญมาจากเมืองมหาไชย แขวงล้านช้าง ในสมัยรัชกาลที่ 4 เช่นกัน
โดยพระแสนและพระสายน์นั้นต่างก็มีความศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน ตรงที่เมื่อใดเกิดฝนแล้ง ก็จะอัญเชิญท่านออกมาบูชากลางแจ้งและบูชาขอฝนจากท่าน ฝนก็จะตกลงมาได้
(ในตอนที่เขาไปในอุโบสถผู้คนที่เข้าไปกราบไหว้ต่างก็เงียบกันมากเหมือนไม่มีคนอยู่เลย ที่ได้ยินชัดก็มีเพียงเสียงพัดลมนั่นแหละค่ะ และมีกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้ที่ผู้คนนำมาไหว้สักการะ. ยุคนี้คือยุค4G 5G ทางเลือกในการบริจาคจึงมีทั้งตู้บริจาคและบริจาคยุคใหม่เห็นคิวอาร์โค้ดที่อยู่บนตู้บริจาคนั่นไหมคะที่ภาพไม่ชัดแสงเยอะไปหน่อย. เพียงแค่สแกนคิวอาร์โค้ดก็บริจาคได้แล้วแต่เงินในบัญชีต้องมีด้วยนะคะ 😁😁)
จิตกรรมภายในพระอุโบสถ จะถูกวาดเป็นรูปสระดอกบัว เหมือนดั่งที่ชาวบ้านต่างเรียกชื่อวันปทุมวราราม ว่า “วัดสระปทุม”
(ภาพอาจจะมองเห็นไม่ชัด แอดเกรงใจคนที่เขาไปไหว้พระเลยถ่ายได้แค่นี้ค่ะ)
พระเจดีย์ วัดปทุมวนาราม
พระเจดีย์ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิ
พระราชสรีรางคาร และพระอัฐิของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ในราชสกุลมหิดลหลายพระองค์ เช่น สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก, สมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร, พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร,
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
พระวิหาร
พระวิหาร แห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระเสริม และพระแสน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ แบบศิลปะล้านช้างเวียงจันทน์ “พระเสริม” นั้นเป็นพระพุทธรูปพี่น้องกับ “พระสุก” และ “พระใส” ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ 3 กองทัพสยามเดินทางไปตีเมืองเวียงจันทน์เพื่อปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์ เมื่อกองทัพจะเดินทางกลับบ้านเมือง ก็ได้อัญเชิญพระพุทธรูปมาจากเมืองเวียงจันทน์มาด้วยหลายองค์ด้วยกัน รวมทั้ง พระสุก พระใส และพระเสริม
แต่ในขณะที่เคลื่อนย้ายพระพุทธรูปมาทางลำน้ำงึมออกแม่น้ำโขง ก็ได้เกิดพายุฝนตกหนัก
จนทำให้พระสุกหล่นจากแท่นประดิษฐานจมลงใต้แม่น้ำ บริเวณนั้นต่อมาจึงเรียกกันว่าเวินพระสุก หรือเวินสุก ส่วนพระเสริมและพระใสก็ได้อัญเชิญข้ามมายังฝั่งไทยได้อย่างปลอดภัย
แต่เมื่อจะอัญเชิญต่อมายังกรุงเทพฯ ก็ปรากฏว่าเกวียนที่ประดิษฐานพระใสนั้นเกิดหักลงอยู่ตรงหน้าวัดโพธิ์ชัย เมืองหนองคาย ทำอย่างไรก็ไปต่อไม่ได้ จึงต้องอัญเชิญพระใสให้ประดิษฐานไว้ที่วัดโพธิ์ชัย เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองหนองคายมาแต่บัดนั้น ส่วนพระเสริมนั้นอัญเชิญต่อมาได้จนถึงกรุงเทพฯ และมาประดิษฐานไว้ที่วัดปทุมวนารามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
ส่วน “พระแสน” พระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งซึ่งประดิษฐานอยู่ในอุโบสถเดียวกันกับพระเสริม เดิมประดิษฐานอยู่ในถ้ำที่เมืองมหาไชย แขวงล้านช้าง แต่ได้อัญเชิญมายังกรุงเทพฯ เมื่อรัชกาลที่ 4 มีพระราชประสงค์จะอัญเชิญพระพุทธรูปโบราณจากล้านช้างมาประดิษฐานไว้ในพระอารามที่ทรงสร้างขึ้นใหม่หลายแห่ง
(เมื่อวานที่วัดปิดเอาไว้เลยเข้าไปไหว้ข้างในไม่ได้ งั้นก็ไหว้อยู่ข้างหน้าวิหารนี่แหละค่ะ.
ที่เพื่อนแอดอยากมาไหว้พระเสริมคงเพราะพระเสริม เกี่ยวข้องกับพระใสที่ประดิษฐานอยู่ที่จ.หนองคายซึ่งเป็นบ้านเกิดของเพื่อนแอด)
ไหว้พระเสร็จก็เดินสำรวจวัด
นอกจากนี้ วัดปทุมวนารามยังมีส่วนที่ใช้ในการปฏิบัติธรรมเรียกว่า “สวนป่าพระราชศรัทธา” บรรยากาศร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด พอได้เข้าไปสัมผัส สวนป่าพระราชศรัทธา แล้วสีเขียวของใบไม้ทำให้จิตใจสงบร่มเย็น เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมเป็นอย่างมากเลยล่ะค่ะ
เมื่อทำบุญเสร็จก็เดินเที่ยวแถวนั้นแหละค่ะ
ย่านที่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าเดินมาเรื่อยๆ
จนถึงที่พาร์ค พารากอน และที่นั่นมีงาน 
‘One Piece 20th Anniversary in Thailand’
ถ้าคุณเป็นที่ชื่นชอบการอ่านการ์ตูนหรือ
ชมอนิเมะการ์ตูน 99% ก็ต้องรู้จักการ์ตูนแห่งยุคเทียบชั้น Dragonball อย่าง One Piece แน่นอนผลงานชื่อดังของอาจารย์ โอดะ
แต่แอดรู้จักนะคะว่านี่คือวันพีชแต่ไม่ได้ดูค่ะแต่เพื่อนแอดนางชอบเลยแวะเข้าไปดูซะหน่อย
ได้ยินพิธีบอกว่างานจัด 14-20 สิงหานี้ เข้าไปดูพรีค่ะแต่ภายในงานก็ได้นำสินค้าของ One Piece
มาจัดจำหน่ายเพียบ. ถ้าคนที่เป็นสาวกวันพีชนี่
ขอเตือนว่าจงตั้งสติดีๆ ก่อนเดินเข้างานไม่งั้นคุณอาจจะหมดเยอะแน่ค่ะ.
กว่าแอดกับเพื่อนจะออกจากงานมาได้ก็ใช้เวลานานอยู่เหมือนกันก่อนจะออกมาก็เป็นตากล้องถ่ายรูปให้เพื่อนอยู่หน้างาน
คนนี้แหละค่ะเพื่อนของแอด
แล้วมีแม่ลูกคู่นึงที่ขอให้แอดถ่ายรูปให้ แอดมองเห็นถึงความสุขทางสีหน้าและแววตาที่ส่งมาให้เห็นผ่านกล้อง การได้ใช้วันหยุดกับคนที่รักย่อมเป็นเรื่องดีเสมอ
เราสองคนใช้เวลาอยู่ในห้างแถวนั้นจนถึงบ่ายสามเพื่อนเก่าของเพื่อนแอดก็มาอวยพรวันเกิดด้วย
เพื่อนของเพื่อนแอดเป็นคนเฟรนลี่เลยล่ะค่ะเธอเดินควงแขนลากแอดไปนู้นมานี่ราวกับว่าเรารู้จักกันมานานและสนิทกันแต่ความจริงไม่ใช่เลยเราเพิ่งจะรู้จักกัน พวกเราก็เดินเล่นเกมอยู่ในห้างจนสุดท้ายมาจบที่การกินข้าวเย็นหลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับห้องของตัวเอง
แอดเลือกกลับห้องโดยรถเมล์เพราะเห็นว่าก็ไม่ได้รีบอะไรและถ้านั่งรถเมล์สายนี้ก็ไม่ต้องต่อรถอีกนั่งที่เดียวก็ลงสุดสายเลย. จึงไม่ขึ้นบีทีเอสแล้วค่อยต่อรถเมล์อีกที
แต่. นั่งรอรถอยู่นาน รถก็ยังไม่มา
แถมแบตโทรศัพท์ก็หมดลืมพกพาวเวอร์แบงค์มาอีกซึ่งปกติก็พกตลอด เมื่อโทรศัพท์แบตหมดเลยทำให้แอดสนใจสิ่งรอบข้างนอกจากรถเมล์ที่รออยู่มากขึ้น.
แอดสังเกตว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งรอรถอยู่ข้างๆเธอนั่งอยู่ก่อนที่แอดจะมารออีก รถเมล์ผ่านไปคันแล้วคันเล่าก็ยังไม่เห็นเธอขึ้นสักที แอดก็ได้แต่คิดในใจเธอจะขึ้นสายเดียวกันกับแอดไหมนะเลยตัดสินใจถามเธอไป และบทสนทนาระหว่างคนแปลกหน้าจึงเริ่มขึ้น
"พี่ขึ้นรถสายอะไรคะ จะไปสาย.....เหมือนหนูไหม"
"เปล่าจ่ะ พี่จะไปสาย.... เนี่ยพี่รอมา2ชม. แล้วยังไม่เห็นผ่านมาสักคัน คันที่น้องจะไปก็ด้วย พี่รู้สึกว่ารถมันน้อยมากเลยนานๆกว่าจะมาที คงติดอยู่ที่ไหนสักที่เพราะทางที่รถสายนี้ผ่านรถติดหนักๆทั้งนั้นนี่ พี่คิดว่าวันนี้วันอาทิตย์แล้วคนจะน้อยรถไม่ติดแต่ไม่ใช่เลย" พูดไปพร้อมกับน้ำเสียงและท่าทางที่ดูจะปลงๆกับรถเมล์กรุงเทพฯละ
"จริงค่ะพี่รอรถแต่ละทีนี่นานจริงๆค่ะ ตอนวันแม่วันที่12 หนูก็รอรถที่จะกลับจากเยาวราชนานมาก"
"พี่ทำงานอยู่พาราก้อนตอนเช้าก็ขึ้นบีทีเอสนะแต่ตอนเย็นจะขึ้นรถเมล์เซฟค่าใช้จ่ายเพราะเราก็ไม่ได้รีบอะไรแต่ก็เสียเวลานอนเวลาทำอย่างอื่น ช่วงนี้เศรษฐกิจมันไม่ดีอะเนาะ อะไรที่ประหยัดได้เราก็ต้องประหยัด "
"ค่ะ" ขานรับแต่ในใจแอดกลับมีความคิดแวบเข้ามาในหัวว่าพี่เขาทำงานอยู่พาราก้อนแล้วก็ขึ้นบีทีเอสอยู่แล้วทำไมไม่ใช้บัตรเหมาแต่ถึงจะเหมาก็แพงอยู่ดี ก็คงอย่างที่พี่แกพูดแหละอะไรที่ประหยัดได้เราก็ต้องประหยัด
"นี่พอสิ้นเดือนมานะค่าใช้จ่ายเยอะแยะค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอะไรสารพัด"
"จริงค่ะสิ้นเดือนมาก็ค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ"
"นี่ขนาดว่าพี่มีบ้านไม่ต้องเช่านะ ยังเดือนชนเดือนเลย เนี่ยเมื่อก่อนอะนะมีทัวร์จีนมาลงนี่เยอะนะแต่เดี๋ยวนี้เงียบเลย ช่วงนี้จีนก็ปัญหาเยอะทั้งกับเมกา ฮ่องกง "
"ค่ะ เดี๋ยวนี้ที่ไหนก็มีแต่ปัญหาโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ"
"ใช่ เดี๋ยวนี้ข้าวของอะไรก็แพง เศรษฐกิจไม่ดี คนชนบทเค้าอยู่ได้ เราก็ต้องปรับตัวในอยู่ได้แบบคนเมืองเนาะ "
"ค่ะ" แอดที่เคยใช้ชีวิตอยู่ชนบทก็ต้องปรับตัวอยู่เหมือนกัน
"เนี่ยเวลาจะนั่งรถอะไรนะเราก็ต้องดูคนขับด้วยว่าน่าไว้ใจรึเปล่า อย่างในข่าวอะก็เห็นเยอะแยะ
มีเรื่องกันเองก็มี"
"อ๋อ ที่วินตีกันอยู่ที่อุดมสุขใช่ไหมคะ อยู่ดีๆก็ตีกันเฉยสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นอีก" เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้คนแถวนั้นขวัญเสียอยู่เหมือนกัน
"อือ นั่นแหละ ไปไหนมาไหนก็ดูแลตัวเองดีๆ
อย่างหนูเช่าห้องอยู่ใช่มั้ยก็ต้องเลือกอยู่ที่มันปลอดภัยสำหรับเรา ยิ่งเป็นผู้หญิงยิ่งต้องระวัง เดี๋ยวนี้มันน่ากลัว ไว้ใจไม่ค่อยได้"
คุยกันได้สักพักรถที่พี่แกรอก็มาบอกลากัน
"พี่ไปละนะ ไปกับพี่ด้วยมั้ยคะ"
"ไม่ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ"
เราบอกลากันพร้อมรอยยิ้ม
และเหลือแอดที่ยังคงรอรถต่อไป
ครึ่งชม.ผ่านไปรถก็ยังไม่มา
ในระหว่างนั้นก็มีผู้หญิงอีกคนมานั่งข้างๆแอด
ก็นั่งมาสักพักละ มีจังหวะที่หันมองหน้ากันพอดีแอดก็เลยยิ้มให้แล้วถามเธอว่า รอรถสายอะไรคะ เท่านั้นแหละบทสนทนาระหว่างคนแปลกหน้าก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง
"พี่จะไปรถสาย.... มีผ่านมาไหม ทำไมนานจัง"
"อ๋อ มีผ่านบ่อยอยู่นะคะแต่. สายที่หนูรอยังไม่ผ่านมาเลย" แอดก็ตอบพร้อมกับมองหน้าคุณพี่ที่น่าจะเป็นคุณเพื่อนกับแม่แอด แต่แกแทนตัวเองว่าพี่
อะงั้นก็พี่ค่ะ
"แล้วหนูจะไปสายไหนล่ะ ไปลงไหน"
"อ๋อ หนูรอรถสาย.....ค่ะลงสุดสายเลย"
"ไกลเหมือนกันนะ นี่พี่รออยู่นี่ก็เริ่มหิวแล้ว ถ้าสักพักยังไม่มาก็คงขึ้นบีทีเอสแล้วไปเรียกแท็กซี่อีกต่อไม่งั้นก็ไปหาอะไรกินแถวนี้แล้วเนี่ย" ตอนนั้นก็เกือบ2ทุ่มแล้วไม่หิวก็คงแปลก แต่แอดกินข้าวกับเพื่อนเรียบร้อยแล้วเลยไม่หิว
"หนูก็คงจะไม่ต่างจากพี่หรอกค่ะถ้านานก็คงขึ้นบีทีเอสไม่ก็นั่งรถสายอื่นแล้วไปต่อเอา"
ช่วงที่เราคุยกันก็มีรถเมล์ผ่านหลายคันแต่ไม่ใช่คันที่เรา2คนต้องการพอสายไหนผ่าน คุณพี่แกก็จะพูดว่าสายนี้ไปไหนบ้าง ความจริงพี่จะนั่งคันนี้ก็ได้แต่มันอ้อมแล้วต้องต่อรถ. ในระหว่างนั่นก็มีแท็กซี่กลับรถอยู่แถวๆป้ายรถเมล์เลยคงกลัวรถติดเพราะข้างหน้ารถติดมากแต่กลับรถแบบนั้นมันก็ทำผิดกฎจราจร พอคุณพี่แกเห็นแกก็บ่นแท็กซี่ว่า
"เนี่ยแท็กซี่สมัยนี้ก็แปลกเนาะชอบทำไม่ถูก เวลาลูกค้าเรียกก็ไม่ค่อยจะรับ ไปส่งยังไม่ถึงที่หมายดีก็รีบให้ลง นี่ขนาดสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ตรงนี้ก็ยังทำเลย"
"เนี่ยหนูรู้ไหม เมื่อก่อนแถวนี้ไม่ได้เจริญแบบนี้นะเรียกได้ว่าไม่ค่อยจะมีอะไรเลย. หนูรู้ไหมที่ดินแถวนี้เป็นของร.5 แล้วก็เป็นมรดกตกทอดมาจนเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์. แล้วที่นี้เอกชนขอเช่าพื้นที่มาสร้างอะไรๆอย่างที่เห็นทุกวันนี้แหละ พระองค์ทรงมองการณ์ไกลอนุญาตให้เช่าเพื่อพัฒนาให้มันเจริญ แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆแถวนี้กลายเป็นย่านเศรษฐกิจเลย ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามา แต่ส่วนมากก็เห็นแต่พวกแขกเนาะ ที่ดินแถวนี้เมื่อก่อนก็ถูกๆเองแต่เดี๋ยวนี้สิแพงมากเลย"
" ค่ะ เท่าที่หนูเห็นส่วนมากจะเป็นแขก ฝั่งยุโรบก็เห็นบ้าง แต่จีนไม่ค่อยเท่าไหร่ คนไทยก็น่าจะครึ่งนึง" แล้วบทสนทนาของเราสองคนก็มีต่อไปเรื่อยๆแต่เล่าอดีตสมัยไปทำบุญวัดที่อุทัยธานีให้ฟัง แอดก็นั่งฟังแกไปเรื่อยๆมีขานรับบ้างให้รู้ว่ายังฟังอยู่
จนกระทั่งรถเมล์คันที่แกรอมาแล้วแอดเลยบอกว่า
"รถสาย.....มาแล้วค่ะ"
"โอ๊ะ งั้นพี่ไปละนะ" แกหันมายิ้มให้แล้วก้าวขึ้นรถไป
"ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ"ตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม
และความว้าเหว่ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง. แม้จะมีคนรอรถอยู่ที่ป้ายรถเมล์เยอะแต่แอดก็ไม่ได้คุยกับใครอีก
นั่งมองคนที่ป้าย บางคนดูรีบร้อน บางคนดูสบายๆชิวๆ นั่งมองรถผ่านคันแล้วคันเล่า คันที่รอก็ยังไม่มา เลยตัดสินใจขึ้นรถอีกสายเพื่อไปต่อรถเอาน่าจะถึงห้องเร็วกว่า
และไม่นานเมื่อตัดสินใจได้รถที่จะไปทางนั้นก็ผ่านมาพอดี เมื่อตอนใกล้จะถึงป้ายที่แอดจะลง
มีคนในรถอาเจียน กระเป๋ารถเมล์ก็พูดว่า
"จะอ้วกทำไมไม่บอกจะได้เอาถุงเอากระป๋องให้"
กระเป๋ารถเมล์ไม่ได้มีน้ำเสียงที่ดูโกรธเคืองนะคะดูจะเป็นห่วงด้วยซ้ำ
คนที่อ้วกก็พูดว่า "ผมขอโทษครับ" พร้อมกับยกมือไหว้
เพื่อนของคนที่อ้วกก็พูดว่า
"เดี๋ยวพวกผมลงป้ายหน้านี่แหละครับ"
แต่มีคุณป้าท่านนึงโพลงขึ้นมาว่า
"ทำไมไม่ดูเพื่อนปล่อยให้เพื่อนอ้วกเห็นไหมมันสกปรก คนอื่นเขารังเกียจถอดเสื้อตัวเองเช็ดอ้วกให้เพื่อนเลย"
เท่านั้นแหละค่ะแอดก็ไม่ได้สนใจต่อเพราะรู้สึกว่ามันทำให้เสียสุขภาพจิต และพวกเขาก็ลงรถพร้อมกันกับแอดแต่แอดก็ไม่ได้สนใจเพราะรถที่จะขึ้นมาพอดี
พอขึ้นรถแล้วก็เหลือบไปเห็นเด็กน้อยน่าจะ2-3ขวบนอนหลับอยู่บนเบาะหน้าคงจะเป็นลูกหลานของคนขับรถไม่ก็กระเป๋ารถเมล์
นี่แหละนะต้นทุนชีวิตของคนเราไม่เท่ากันเวลา4ทุ่ม ปกติเด็กตัวแค่นี้ควรจะนอนหลับสบายอยู่บนฟูกบนเตียงแล้ว ตลอดทางไม่ว่าจะเสียงดังแค่ไหน รถจะจอดกี่ครั้ง รถวิ่งเร็ว น้องก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นคงจะเป็นความเคยชินของน้องแล้วล่ะมั้ง จนกระทั่งรถหมดระยะตอนแอดจะลงรถเหลือบไปมองน้องน้องก็ยังคงหลับสนิทเลยล่ะค่ะ.
ระหว่างเดินกลับห้องในเวลา4ทุ่มกว่าๆ แต่บรรดาพ่อค้าแม่ขายหน้าปากซอยก็ยังคงขายของอยู่. ผู้คนก็ยังพลุกพล่านราวกับว่ามันยังไม่ดึก
การออกจากห้องไปเที่ยวเมื่อวานนี้ก็ทำให้ได้เห็นเรื่องราวต่างๆที่พวกคุณเองก็คงเคยพบเจอ.
การคุยกับคนแปลกหน้าก็ทำให้เราได้เห็นมุมมองความคิดของเขา
การรอคอยอะไรนานๆทำให้เราเหนื่อยและเมื่อรู้ว่ามีทางเลือกที่จะทำให้เราถึงที่หมายเร็วขึ้นอยู่แล้วเราก็เลือกเพื่อโอกาสที่มากกว่ารออยู่ที่เดิม
และทำให้รู้ว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยากจริงๆ
วันหยุดที่ทั้งสนุกและเหนื่อยของฉัน
โพสนี้เหมือนแอดมาบ่นให้อ่านเลยเนาะ
ถ้าผิดหลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ😁😁
~มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยาก~
โฆษณา