20 ส.ค. 2019 เวลา 05:25 • ไลฟ์สไตล์
ทำไมฉันถึงไม่มีความสุขและไม่สำเร็จ ฉบับ ประสบการณ์ตรง
ชาญชัยชอบเสี่ยงโชค ทุกๆเดือนเลือดในร่างกายของชาญชัยจะสูบฉีด 2 ครั้งคือวันที่ 1 กับวันที่ 16 เพราะเป็นวันที่เขาจะรู้ผลว่าลอตเตอรี่ของเขานั้นถูกรางวัลหรือเปล่า
ทุกๆครั้งที่เขาถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว เขาจะมีความสุขมาก ตะโกนลั่นบ้านด้วยความลิงโลด “หูย ฉันถูกรางวัลที่ 2 โว้ย ยะฮู้ มีความสุขเฟ้ยยย ฉลอง” ถึงแม้ผลตอบแทนจะได้กลับมาหลักพันบาท เมื่อบวกลบคูณหารตลอดทั้งปียังถือว่าไม่กำไรด้วยซ้ำ แต่ชาญชัยก็มีความสุขประดุจบรรลุเป้าหมายสูงสุดของชีวิต
จนกระทั่งวันหนึ่ง ในขณะที่ชาญชัยนั่งฟังผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลอยู่ที่บ้าน เสียงในโทรทัศน์ก็ออกเสียงรางวัลที่ 1 หมายเลขที่ออก คือ 967134 ซึ่งในมือชาญชัย ลอตเตอรี่ที่เขาถืออยู่ได้คือ 967133 ถึงแม้จะไม่ถูกรางวัลที่ 1 แต่เขาถูกรางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 ซึ่งนั่นหมายถึงเขาจะได้เงินรางวัล 100,000 บาท ซึ่งนี่ เป็นรางวัลที่เขาเคยได้เยอะที่สุดในชีวิต แต่แทนที่ชาญชัยจะดีใจในแบบฉบับที่เขาไม่เคยดีใจมาก่อน เขากลับรู้สึกว่าตัวเองโชคร้าย ไม่พอใจ เศร้า หดหู่ เสียความรู้สึก และนั่งสลดใจไปอีกหลายวัน
1
เกิดอะไรขึ้นกับชาญชัย ทั้งๆที่เขาถูกรางวัลข้างเคียงที่ 1 ทำไมเขาถึงไม่มีความสุข แต่พอถูกเลขท้าย 2 ตัว ทำไมเขาถึงมีความสุขจัง
คำตอบง่ายนิดเดียวครับ คือ ชาญชัยโฟกัสสิ่งที่มี น้อยกว่าสิ่งที่เขาไม่มียังไงหละ ตอนถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว เขารู้สึกว่า “โห อีกนิดเดียวฉันจะไม่ถูกรางวัลอะไรแล้ว เกือบเสียเงินฟรีแล้วมั้ยหละงวดนี้” แต่พอถูกรางวัลข้างเคียงที่ 1 ชาญชัยกับรู้สึกว่า “เฮ้อ แค่ตัวเลขตัวเดียวแท้ๆ เราเกือบจะได้เงิน 6 ล้านแล้วไหมละ ทำไมว้า…!?! เรานี่มันไม่มีโชคเอาเสียเลย” ใช่แล้ว เมื่อถูกเลขท้าย 2 ตัว ชาญชัยรู้สึกว่าตัวเองได้เงิน 2 พัน แต่พอถูกรางวัลข้างเคียงที่ 1 เขากลับรู้สึกทำเงินหายไป 5,900,000 บาทครับ
ถูกเลขท้าย 2 ตัว รู้สึกว่าตัวเองมี ถูกรางวัลข้างเคียง รู้สึกว่าตัวเองขาด และนี่เเหละครับ ผมเลยอยากจะทำคลิปทำไมฉันถึงไม่มีความสุข ฉบับ ประสบการณ์ตรง
คุณคิดว่าคนที่สามารถเก็บเงินปลูกบ้านเดี่ยวราคา 10 ล้านได้นั้นเป็นคนมีเงินเยอะหรือเปล่า คำตอบก็คือใช่ แต่ถ้าเขาปลูกบ้านหลังละ 10 ล้าน ในหมู่บ้านที่มีแต่คนปลูกบ้านระดับร้อยล้านทั้งนั้น เขาจะกลายเป็นคนจนที่สุดในหมู่บ้านทันที นี่คือเหตุผล ว่าทำไมการเปรียบเทียบถึงเป็นศัตรูตัวฉกาจกับความสุข
นักปราชญ์บอกว่า วิธีทำลายความสุขที่ดีที่สุดในโลกคือการเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ถ้าเราคิดว่าเราไม่มีในสิ่งที่คนอื่นมี นั่นทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนขาดแคลน และถ้าเราใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตโฟกัสในสิ่งที่เราขาด เราจะกลายเป็นคนที่ไม่มีความสุข เพราะเรากำลังเอาตัวเองไปวิ่งในเลนของคนอื่น เรากำลังเปรียบเทียบตัวเราเองกับคนที่เขามีมากกว่า
การเปรียบเทียบเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในสังคมของคุณกับผม ตั้งแต่เด็กพ่อแม่ก็มักเอาเราไปเปรียบเทียบกับลูกคนอื่น โรงเรียนก็มักเปรียบเทียบคนที่เรียนไม่เก่งกับคนที่เรียนเก่ง มหาลัยก็มักเปรียบเทียบระดับชื่อเสียงและคณะ ทำงานประจำก็มักเปรียบเทียบตำแหน่งกับเงินเดือน และเมื่อเกษียณก็มักเปรียบเทียบกับบ้านหรือรถที่มีอยู่ ยิ่งเปรียบเทียบกับคนอื่นมากเท่าไหร่ โดยเฉพาะเปรียบเทียบในสิ่งที่เขามี กับสิ่งที่เราไม่ต้องการจริงๆ แต่เราคิดไปเองว่านั่นคือหลักฐานของความสำเร็จ เราจะยิ่งสับสนกับตัวเอง
และเมื่อคุณอายุเกิน 30 ปี คุณจะเริ่มบอกกับตัวเองว่า “เรายังไม่มีอะไรเลยเมื่อเทียบกับคนอื่น” และนั่นก็ไม่ใช่ความผิดคุณ เพราะต้นเหตุใหญ่ๆมาจาก Social Media
1
Social Media ทำให้เราเห็นชีวิตดีๆของคนอื่นมากจนเกินไป มากจนเราอดสงสัยไม่ได้ว่าเราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า ทำไมเราถึงไม่ได้ผลลัพธ์ของเขา แทนที่จะมีความสุขกับสิ่งที่เราทำ พึงพอใจกับผลตอบแทนที่เลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้อย่างสบายๆหากไม่ฟุ่มเฟือย ภาพบน Social Media ทำให้เรารู้สึกว่าเรายังมีไม่พอ
เพราะคนอื่นมีมากกว่าเรา
และก็เข้าคอนเซ็ป ลืมโฟกัสในสิ่งที่เรามี แต่มัวแต่โฟกัสในสิ่งที่เราขาด
ทุกวันนี้ ผมจำกัดเวลาการเล่น Facebook ให้เหลือวันละ 10 นาที ไม่เข้า Social Media หากไม่เป็นเพราะเรื่องงานจริงๆ รวมไปถึงไม่พยายามหยิบมือถือขึ้นมาเล่นถ้าไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นเวลากินข้าว เข้าห้องน้ำ ออกกำลังกาย หรือแม้แต่กิจกรรมใดๆก็ตาม และตอนนี้ยอมรับเลยว่า ผมโครตมีความสุขกับชีวิต ไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร ไม่เอาใครมาเปรียบเทียบกับตัวเอง และถ้าคุณอยากลอง ผมขอเสนอให้คุณ “ทดลองหยุดเล่น Social Media 1 วันเต็มๆครับ” แล้วคุณจะเข้าใจ ว่า Content นี้ผมต้องการสื่ออะไร
สำหรับผม ความสำเร็จอาจจะไม่ได้หมายถึงเงินเยอะแยะมากมาย แต่เป็นการได้นั่งทำงานหน้าคอมอยู่บ้าน มีเวลาเล่นกับแมว อยู่กับพ่อแม่ ภรรยา ดู Netfilx เล่นเกม ออกกำลังกาย มีเงินออม ขับรถไปกินของอร่อยๆ เที่ยวต่างประเทศนานๆครั้ง ก็เพียงพอแล้วจริงๆครับ
โฆษณา